ไม่มีใครอาจขวางขัด...สิ่งที่ไม่อยากให้เกิด! สิ่งที่ไม่อยากได้ยิน! สิ่งที่ไม่อยากได้เห็น! สิ่งที่ไม่อยากให้เป็น!
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนและทรงนำทางแห่งธรรมนี้ไปแล้ว นั่นคือ ทุกชีวิตหนีไม่พ้นเกิด-แก่-เจ็บ-ตาย! แต่สิ่งที่ไม่ตาย-คือ-ธรรมขององค์ศาสดา...!
ประกาศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต
ณ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เวลา 15 นาฬิกา 52 นาที ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89 ทรงครองราชสมบัติได้ 70 ปี
หลังคำประกาศของสำนักพระราชวัง ชาวไทยร่ำไห้สะอึกสะอื้น ด้วยอาลัยรัก-เคารพ-เทิดทูน ต่อ “ในหลวง-พ่อของแผ่นดิน” ปิ่มจะขาดใจ...
“น้ำตา” ที่ไหลรินของชาวไทย ในวันที่ 13 ตุลาคม 2559 และวันต่อๆ มา มิใช่น้ำตาแห่งความอ่อนแอ แต่เป็น “น้ำตา” อาลัยใหญ่หลวง เพื่อร่วมส่งเสด็จดวงพระวิญญาณ “พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่” ของชนชาวไทยและชาวโลกสู่สวรรคาลัย
ก่อนที่ชาวไทยจะซับน้ำตา สูดลมหายใจลึกๆ ยืดอก เดินต่อ...ตามคำ “พ่อของแผ่นดิน” ทรงสอนและเดินนำ เป็นแบบอย่างมาตลอด 70 ปี นั่นคือ
ทำดี-ตามคำสอนอันเปี่ยมธรรมของ “ในหลวง” ทำดี-เพื่อส่วนรวม-เพื่อชาติ-เพื่อประชาชนไทย! ทำดี-เพื่อ “พ่อของแผ่นดิน” จะได้ทรงไม่ผิดหวัง! ฯลฯ โดยชาวไทยต้องช่วยกันบอกรักดังๆ ถึง “ในหลวง-พ่อของแผ่นดิน” ด้วยการทำดีนั่นเอง...!
คำสอน “ในหลวง” ทรงคุณค่ามากมายมหาศาลนั้น ล้วนทุ่มเทให้กับความห่วงใยในพสกนิกร เพื่อให้ทุกคนได้ดำรงชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อยๆ มิสิ้นสุด
“ในหลวง” ทรงตรากตรำสู่ถิ่นทุรกันดารทุกหัวระแหง โดยพระองค์ไม่เคยบ่น-ไม่เคยหยุดปฏิบัติภารกิจ ในการช่วยเหลือประชาชนของพระองค์ ในแทบทุกมิติเสมอมา จนส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของพระองค์ ให้ต้องเจ็บไข้ได้ป่วย และทรุดโทรมก่อนวัยอันควร
โครงการตามพระราชดำริหลายพันโครงการ ที่ทรงทำให้พสกนิกรจำนวนมากมาย มีอาชีพ-มีรายได้-มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากแนวนโยบาย “เศรษฐกิจพอเพียง” ที่แม้แต่ผู้นำโลกยังยอมรับ
“ในหลวง” ของชนชาวไทยนั้น มิได้เป็นเพียง “พระมหากษัตริย์” ทั่วไป หากแต่พระองค์ยังทรงเป็นยิ่งกว่า “พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่” ด้วยทรงเป็น“พระมหากษัตริย์-ผู้ให้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด”
แม้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว แต่คำสอนและผลงานอเนกอนันต์ อันทรงคุณค่ามากคุณูปการของพระองค์ ที่มอบให้กับแผ่นดินและคนไทยทั้งชาติ ยังเป็น “ครู-ผู้ยิ่งใหญ่ของแผ่นดิน” ในแทบทุกมิติชั่ว
กาลนาน
ที่สำคัญยิ่ง คือ “ในหลวง” ได้พระราชทานอมตะวาจาอันยิ่งใหญ่ให้แก่ “ผู้นำชาติที่ดี” และปวงชนชาวไทย อันเป็นแนวทางสร้างความสงบสุขให้กับชาติและชาวไทย ว่า
“ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้...”
ในขณะเดียวกัน พระองค์ก็ทรงใช้เมตตาธรรมอันยิ่งใหญ่ หลังศาลยุติธรรมใช้กฎหมายเป็น “อาวุธ” ทำให้สังคมไทยอยู่ร่วมกันได้อย่างศานติและสงบสุข นั่นคือ
ผู้ใดทำผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง-ก็ต้องถูกลงโทษ!
“ในหลวง” ได้ทรงสอนชาวไทย...ให้รู้จักการให้อภัย! หากผู้ใดทำผิดแล้วสำนึกผิด กลับตัวกลับใจเป็นคนดี หันมาทำความดีให้ชาติบ้านเมือง พวกเขาทุกคนต้องได้รับโอกาส และต้องได้รับการให้อภัยจากคนในสังคม ดังนั้น ผู้ต้องโทษที่รับโทษทัณฑ์แล้ว จะได้รับการอภัยโทษจาก “ในหลวง” เสมอ
แม้กระทั่งบรรดาผู้ให้ร้ายป้ายสี ฯลฯ พระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชธรรมพระองค์นี้ ก็ไม่เว้นที่จะได้รับการอภัยโทษ...ด้วยพระองค์เอง...
ดังนั้น ใครก็ตามที่ทำร้าย-ทำลายพระมหากษัตริย์ผู้ครองแผ่นดินโดยธรรม มาอย่างยาวนานถึง 70 ปี พระนามว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
ต้องถือว่า...มันเหล่านั้นมิใช่มนุษย์-มิใช่คน-มิใช่สัตว์ทั่วไป หากแต่เป็น “ผีเปรตจากขุมนรก” ที่มาผุดเกิดบนผืนแผ่นดินไทยยุคปัจจุบัน!
แผ่นดินและคนไทย “โชคดี” ที่มี “ในหลวง” ทรงปกครองแผ่นดินโดยธรรม แถมแผ่นดินไทยยัง “โชคดี” ที่มี “ประชาชน” ส่วนใหญ่ “รักในหลวง” ยิ่งชีวิต จึงส่งผลให้ “กลุ่มคนชั่ว” โกงชาติและล้มเจ้า-พ่ายแพ้เพราะลวงหลอกผู้คนมาใช้งานได้เพียงแค่เศษเสี้ยวเท่านั้น
ขอย้ำอีกคราว่า...หลังหลั่งน้ำตาอาลัยใหญ่หลวง แด่ “องค์พระราชาผู้ยิ่งใหญ่ ผู้เป็นดั่งดวงใจชาวไทยทั้งประเทศ” สู่สวรรคาลัยแล้ว ชาวไทยจะเดินหน้า ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ทั้งรัฐบาลและชาวไทยทั้งชาติ
ต้องทำให้คนดีได้ขึ้นปกครองบ้านเมือง และกีดกันคนชั่วมิให้มีอำนาจให้สำเร็จ
ต้องทำให้ “คำสอน” ของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ปรากฏเป็นจริงบนผืนแผ่นดินไทย!
เพื่อ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” หรือ “ในหลวง-พ่อของแผ่นดิน” จะได้เสด็จสู่สวรรคาลัย โดยมิต้องทรงห่วงพะวงในชาติบ้านเมืองของพระองค์ ที่ยังคงมี “กลุ่มคนชั่วโกงชาติและล้มเจ้า” จำนวนไม่น้อย ลอยนวลอยู่ในสังคมไทย
ถึงเวลาที่ชาวไทยทั้งชาติ ต้องเช็ดน้ำตา-ผสานหัวใจ-จับมือกัน ปกป้องสถาบันชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ ให้ยั่งยืนเจริญรุ่งเรืองสืบไป...
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนและทรงนำทางแห่งธรรมนี้ไปแล้ว นั่นคือ ทุกชีวิตหนีไม่พ้นเกิด-แก่-เจ็บ-ตาย! แต่สิ่งที่ไม่ตาย-คือ-ธรรมขององค์ศาสดา...!
ประกาศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต
ณ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เวลา 15 นาฬิกา 52 นาที ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89 ทรงครองราชสมบัติได้ 70 ปี
หลังคำประกาศของสำนักพระราชวัง ชาวไทยร่ำไห้สะอึกสะอื้น ด้วยอาลัยรัก-เคารพ-เทิดทูน ต่อ “ในหลวง-พ่อของแผ่นดิน” ปิ่มจะขาดใจ...
“น้ำตา” ที่ไหลรินของชาวไทย ในวันที่ 13 ตุลาคม 2559 และวันต่อๆ มา มิใช่น้ำตาแห่งความอ่อนแอ แต่เป็น “น้ำตา” อาลัยใหญ่หลวง เพื่อร่วมส่งเสด็จดวงพระวิญญาณ “พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่” ของชนชาวไทยและชาวโลกสู่สวรรคาลัย
ก่อนที่ชาวไทยจะซับน้ำตา สูดลมหายใจลึกๆ ยืดอก เดินต่อ...ตามคำ “พ่อของแผ่นดิน” ทรงสอนและเดินนำ เป็นแบบอย่างมาตลอด 70 ปี นั่นคือ
ทำดี-ตามคำสอนอันเปี่ยมธรรมของ “ในหลวง” ทำดี-เพื่อส่วนรวม-เพื่อชาติ-เพื่อประชาชนไทย! ทำดี-เพื่อ “พ่อของแผ่นดิน” จะได้ทรงไม่ผิดหวัง! ฯลฯ โดยชาวไทยต้องช่วยกันบอกรักดังๆ ถึง “ในหลวง-พ่อของแผ่นดิน” ด้วยการทำดีนั่นเอง...!
คำสอน “ในหลวง” ทรงคุณค่ามากมายมหาศาลนั้น ล้วนทุ่มเทให้กับความห่วงใยในพสกนิกร เพื่อให้ทุกคนได้ดำรงชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อยๆ มิสิ้นสุด
“ในหลวง” ทรงตรากตรำสู่ถิ่นทุรกันดารทุกหัวระแหง โดยพระองค์ไม่เคยบ่น-ไม่เคยหยุดปฏิบัติภารกิจ ในการช่วยเหลือประชาชนของพระองค์ ในแทบทุกมิติเสมอมา จนส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของพระองค์ ให้ต้องเจ็บไข้ได้ป่วย และทรุดโทรมก่อนวัยอันควร
โครงการตามพระราชดำริหลายพันโครงการ ที่ทรงทำให้พสกนิกรจำนวนมากมาย มีอาชีพ-มีรายได้-มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากแนวนโยบาย “เศรษฐกิจพอเพียง” ที่แม้แต่ผู้นำโลกยังยอมรับ
“ในหลวง” ของชนชาวไทยนั้น มิได้เป็นเพียง “พระมหากษัตริย์” ทั่วไป หากแต่พระองค์ยังทรงเป็นยิ่งกว่า “พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่” ด้วยทรงเป็น“พระมหากษัตริย์-ผู้ให้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด”
แม้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว แต่คำสอนและผลงานอเนกอนันต์ อันทรงคุณค่ามากคุณูปการของพระองค์ ที่มอบให้กับแผ่นดินและคนไทยทั้งชาติ ยังเป็น “ครู-ผู้ยิ่งใหญ่ของแผ่นดิน” ในแทบทุกมิติชั่ว
กาลนาน
ที่สำคัญยิ่ง คือ “ในหลวง” ได้พระราชทานอมตะวาจาอันยิ่งใหญ่ให้แก่ “ผู้นำชาติที่ดี” และปวงชนชาวไทย อันเป็นแนวทางสร้างความสงบสุขให้กับชาติและชาวไทย ว่า
“ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้...”
ในขณะเดียวกัน พระองค์ก็ทรงใช้เมตตาธรรมอันยิ่งใหญ่ หลังศาลยุติธรรมใช้กฎหมายเป็น “อาวุธ” ทำให้สังคมไทยอยู่ร่วมกันได้อย่างศานติและสงบสุข นั่นคือ
ผู้ใดทำผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง-ก็ต้องถูกลงโทษ!
“ในหลวง” ได้ทรงสอนชาวไทย...ให้รู้จักการให้อภัย! หากผู้ใดทำผิดแล้วสำนึกผิด กลับตัวกลับใจเป็นคนดี หันมาทำความดีให้ชาติบ้านเมือง พวกเขาทุกคนต้องได้รับโอกาส และต้องได้รับการให้อภัยจากคนในสังคม ดังนั้น ผู้ต้องโทษที่รับโทษทัณฑ์แล้ว จะได้รับการอภัยโทษจาก “ในหลวง” เสมอ
แม้กระทั่งบรรดาผู้ให้ร้ายป้ายสี ฯลฯ พระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชธรรมพระองค์นี้ ก็ไม่เว้นที่จะได้รับการอภัยโทษ...ด้วยพระองค์เอง...
ดังนั้น ใครก็ตามที่ทำร้าย-ทำลายพระมหากษัตริย์ผู้ครองแผ่นดินโดยธรรม มาอย่างยาวนานถึง 70 ปี พระนามว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
ต้องถือว่า...มันเหล่านั้นมิใช่มนุษย์-มิใช่คน-มิใช่สัตว์ทั่วไป หากแต่เป็น “ผีเปรตจากขุมนรก” ที่มาผุดเกิดบนผืนแผ่นดินไทยยุคปัจจุบัน!
แผ่นดินและคนไทย “โชคดี” ที่มี “ในหลวง” ทรงปกครองแผ่นดินโดยธรรม แถมแผ่นดินไทยยัง “โชคดี” ที่มี “ประชาชน” ส่วนใหญ่ “รักในหลวง” ยิ่งชีวิต จึงส่งผลให้ “กลุ่มคนชั่ว” โกงชาติและล้มเจ้า-พ่ายแพ้เพราะลวงหลอกผู้คนมาใช้งานได้เพียงแค่เศษเสี้ยวเท่านั้น
ขอย้ำอีกคราว่า...หลังหลั่งน้ำตาอาลัยใหญ่หลวง แด่ “องค์พระราชาผู้ยิ่งใหญ่ ผู้เป็นดั่งดวงใจชาวไทยทั้งประเทศ” สู่สวรรคาลัยแล้ว ชาวไทยจะเดินหน้า ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ทั้งรัฐบาลและชาวไทยทั้งชาติ
ต้องทำให้คนดีได้ขึ้นปกครองบ้านเมือง และกีดกันคนชั่วมิให้มีอำนาจให้สำเร็จ
ต้องทำให้ “คำสอน” ของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ปรากฏเป็นจริงบนผืนแผ่นดินไทย!
เพื่อ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” หรือ “ในหลวง-พ่อของแผ่นดิน” จะได้เสด็จสู่สวรรคาลัย โดยมิต้องทรงห่วงพะวงในชาติบ้านเมืองของพระองค์ ที่ยังคงมี “กลุ่มคนชั่วโกงชาติและล้มเจ้า” จำนวนไม่น้อย ลอยนวลอยู่ในสังคมไทย
ถึงเวลาที่ชาวไทยทั้งชาติ ต้องเช็ดน้ำตา-ผสานหัวใจ-จับมือกัน ปกป้องสถาบันชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ ให้ยั่งยืนเจริญรุ่งเรืองสืบไป...