xs
xsm
sm
md
lg

มลภาวะข่าวเป็นพิษ...

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ป้อมพระอาทิตย์
โดย โสภณ องค์การณ์

ช่วง 3-4 วันที่ผ่านมาสังคมเมืองตกอยู่ในสภาวะข่าวเป็นพิษค่อนข้างรุนแรง ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั้งบวกและลบด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ด้านเศรษฐกิจ สังคม มลภาวะพิษข่าวที่ว่านั้นมีทั้งเกิดจากการป่าวร้องอย่างเป็นทางการ และกระแสข่าวลือต่อเนื่อง สร้างความปั่นป่วนหนัก

ตลาดหุ้นโดนหนักที่สุด อย่างน้อย 3 รอบในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาทั้งการกระพือข่าวลือเพื่อทุบราคาหุ้นและปัจจัยอื่นๆ ความเสียหายหรือสูญหายของมูลค่าหลักทรัพย์เป็นแสนๆ ล้านบาท บรรดาแมงเม่าตื่นไฟและขาใหญ่ถ้าออกตัวไม่ทันเวลาต้องเจ็บหนัก ฟื้นไม่ได้ง่ายๆ

เป็นคราวเคราะห์ ผลของความเสี่ยงเกี่ยวโยงกับการลงทุนด้านหลักทรัพย์ เป็นความเสี่ยงไม่ได้เกิดจากความผันผวนของเหตุการณ์ทั่วไปหรือวิกฤต แต่เป็นเพราะการกระพือข่าวลวง ข่าวร้าย รวมถึงการให้ข่าวด้วย ในยุคการสื่อสารระบบดิจิตอล ข่าวร้ายขยายแพร่กระจายเร็วมาก

เมื่อเกิดปัญหาด้านลบกว้างขวาง ภาครัฐหรือหน่วยงานที่ควรจัดการมลภาวะข่าวเป็นพิษถูกมองว่าขาดปฏิกิริยาตอบรับอย่างทันท่วงที กว่าจะตั้งหลักประเมินผลกระทบได้ ปรากฏว่าได้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจ ภาพลักษณ์ของประเทศ ปัญหาด้านความมั่นคง ความเสี่ยงภัยก่อการร้าย

เป็นประสบการณ์ไม่น่าอภิรมย์อย่างยิ่ง สะท้อนให้เห็นความจำเป็นของหน่วยงานหรือองค์กรภาครัฐอีกครั้งที่ต้องปรับ และยกระดับขีดความสามารถในการตั้งรับสถานการณ์มลภาวะข่าวเป็นพิษแม้เพิ่งจะมีประกาศก่อนหน้านี้ให้จัดตั้งหน่วยติดตาม เฝ้าระวังกระแสข่าวต่างๆในโลกโซเชียล

คุณท่านผู้นำเองได้กล่าวย้ำหลายครั้งให้สังคมอย่ารีบปักใจเชื่อข่าวผ่าน ระบบโซเชียล แม้วันพุธที่ผ่านมาก็ได้เตือนแบบนั้นอีกครั้ง แต่ไม่เพียงพอในการตัดกระแสข่าวร้ายต่างๆ ได้ผล ดูแล้วน่าห่วงมาก ถ้าคำเตือนของคุณท่านไม่ได้ลดระดับความเข้มข้นของผลกระทบด้านลบได้

กระแสข่าวร้ายในช่วง 2-3 วันจึงเป็นการทดสอบความพร้อมในการตั้งรับสถานการณ์ ควบคุมผลกระทบด้านลบโดยภาครัฐ ทั้งให้เห็นความจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะจากภาคเอกชนมาช่วยงาน เพื่อความหลากหลายของประสบการณ์ มุมมอง ความฉับไวในด้านปฏิบัติงาน

การกระพือกระแสข่าวร้ายเป็นที่รู้กันในวงการนักเล่นหุ้น เป็นวิธีหาเงินง่ายๆ ด้วยการ “ทุบเพื่อช้อนซื้อของถูก” ซึ่งผิดทั้งกฎระเบียบ จริยธรรมต่างๆ แต่ก็ยังทำเพราะรอดตัวทุกครั้ง พฤติกรรมเยี่ยงนี้นักเล่นหุ้นรายย่อยทำไม่ได้ ต้องเป็นกลุ่มทุนใหญ่

แต่นั่นเป็นเพียงผลกระทบวงแคบ จำกัดเฉพาะการลงทุนหลักทรัพย์ การขาดทุนในมูลค่าหุ้น ก่อให้เกิดหนี้สินและปัญหาเกี่ยวโยงที่ตามมา พวกที่เล่นหุ้นในระบบมาร์จินถูกบังคับขาย

ข่าวสร้างพิษและผลกระทบที่สังคมชาวบ้านทั่วไปและภาคเศรษฐกิจคาดไม่ถึง ตั้งรับไม่ทัน สร้างความเสียหายเฉียบพลันคือข่าวประกาศโดยนายตำรวจระดับรอง ผบ.ตร. ออกมาแถลงข่าวป่าวร้องว่าอาจมีแผนร้าย “คาร์บอมบ์” ในเมืองหลวงระบุด้วยว่าเป็นช่วง 4-5 วันปลายเดือนนี้

ทั้งนี้ เป็นเพราะมีรถยนต์เก๋ง และกระบะถูกขโมย 3 คันในภาคไต้ ดังนั้นน่าจะมีการวางคาร์บอมบ์ 3 จุดพอดีเป๊ะ ไม่มีขาดเกิน จุดเฝ้าระวังคือแหล่งท่องเที่ยว ศูนย์การค้าสำคัญต่างๆ ช่วงการแถลงข่าวมีนายตำรวจนั่งประกอบความเข้มข้น สะท้อนให้เห็นความจริงจังของสถานการณ์

สิ้นเสียงคำว่า “คาร์บอมบ์” เท่านั้นเอง เกิดผลกระทบเฉียบพลันยิ่งกว่าระเบิดของจริง ข่าวกระพือไปทั่วทิศ ธุรกิจวงการท่องเที่ยว โรงแรม สนามบิน ตื่นตัวถึงความเสียหายรออยู่ ประเทศไทยกำลังปลื้มกับผลด้านบวกของการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเซีย

ผู้นำประเทศต่างๆ ยังไม่ทันได้เก็บกระเป๋าเดินทางกลับ ข่าว “คาร์บอมบ์” ช่วยปิดฉากสุดท้ายของการประชุม ความประทับใจต่อสภาพเมืองไทยที่ได้ซึมซับช่วงสั้นน่าจะจางหายไปบางส่วน

ช่างเลือกจังหวะเวลาเหมาะเสียนี่กระไรในการป่าวร้อง “คาร์บอมบ์” น่าจะมีคนบางกลุ่มสร้างอารมณ์ร่วมพร้อมใจกันจัดมหกรรมแช่งชักหักกระดูกใครต่อใครกันบ้างสำหรับข่าวร้ายมีต้นตอจากคำเตือนโดยทูตฝ่ายความมั่นคงจากสถานทูตออสเตรเลียว่าอาจมีการก่อการร้ายในไทย

จากนั้นก็มีการปฏิบัติการณ์ตรวจค้นสถานที่ ควบคุม จับกุมผู้ต้องสงสัย หลายจุดในเมือง รวมทั้งอู่ซ่อมรถย่านชานเมือง เพื่อตอบรับกับข่าว “คาร์บอมบ์” มีคนสำคัญออกมาแสดงความเห็นสอดคล้องกับตำรวจ บอกว่าการแจ้งเตือนเป็นหลักปฏิบัติโดยทั่วไป ให้ชาวบ้านได้รับรู้

“เตือนยังดีกว่าไม่เตือน ถ้ามีปัญหา เกิดเหตุร้ายขึ้นจริง ชาวบ้านจะตำหนิ” นี่เป็นคำอธิบาย

เอาเถอะ! ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว ผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจโดยรวมจะมีมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการประเมิน ถ้าถึงวันเวลาที่ว่าจะมีคาร์บอมบ์ แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง ก็คงเป็นผลของยุทธวิธี “ตีป่าให้เสือตื่น” และยุทธการป้องปรามแบบเอะอะมะเทิ่งโดยเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ

พวกที่ไม่ยอมมองโลกในแง่สวยบริสุทธิ์น่าจะการวิเคราะห์แผนนั้นว่าเป็น “กระต่ายตื่นตูม” หรือ “เด็กเลี้ยงแกะ” ขึ้นอยู่กับมุมมอง คุณภาพงานการข่าว การใช้ดุลยพินิจประเมินสถานการณ์และการตัดสินใจว่ารอบคอบ หรือใจร้อนจนออกแนวดรามาอยากเอาหน้า หรือเลื่อยขาเก้าอี้ใคร

เป็นบทเรียนราคาแพง สมควรยึดถือเป็นมาตรฐานแนวทางปฏิบัติครั้งต่อไปหรือไม่!

มาตรการป้องปรามน่าจะเป็นแบบไม่โฉ่งฉ่างจนชาวบ้านตกใจ! คงเห็นว่าอะไรๆ มันเกินเลยไป คุณท่านผู้นำต้องออกมาบอกสื่อต่างๆ แนวขอร้องว่าอย่ากระพือข่าวเรื่องคาร์บอมบ์มากเกินไป ทั้งๆ ที่ควรสอบถามตัวต้นตอการป่าวร้องว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนฉุกเฉินมากน้อยเพียงใด

ส่วนเรื่องการกระพือข่าวเพื่อทุบหุ้นนั้น รองฯ สมคิด ก็บอกให้นักเล่นหุ้นอย่าตื่นข่าวลือ ฟังแล้ววิเคราะห์ แล้วจะกำชับให้ตลาดหุ้นติดตามตรวจสอบต้นตอข่าวลือและใช้มาตรการป้องกัน

ดัชนีตลาดหุ้นตกเฉียด 100 จุด ก่อนเด้งกลับ ใครเจ๊งเท่าไหร่ก็ไม่รู้ มูลค่าตลาดหายไปเยอะ

นี่เป็นบทเรียนราคาแพงแสนเจ็บปวด เศรษฐกิจก็ซึมเพราะบรรยากาศข่าวเชิงลบ แถมยังมีเหตุซ้ำเติมอีก หน่วยงานเฝ้าติดตามข่าวสารเพิ่งตั้งขึ้นหมาดๆ ใช้ 2 เหตุการณ์เป็นกรณีศึกษา

การตั้งรับสถานการณ์ และปฏิบัติตอบรับฉับไวให้ได้ผลเท่านั้น จึงจะบรรเทาผลเสียหายได้


กำลังโหลดความคิดเห็น