นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงข่าวตอบโต้กรณีนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาว่าตนไม่ปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจังว่า ตั้งแต่ตนเข้ามาทำงาน มีการตั้งกรรมการสอบสวน ลงโทษทางวินัย เป็นจำนวนนับสิบราย ซึ่งเป็นการกระทำความผิดที่ค้างมาตั้งแต่สมัยก่อน ความผิดที่เกิดขึ้นในสมัยของตน มีความผิดเรื่องทุจริตขนดินที่ใช้ก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่เท่านั้น ซึ่งตนก็ได้ติดตาม และลงโทษข้าราชการชั้นผู้น้อย ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว และก็มีการตั้งกก.สอบข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ในกรณีนี้ด้วย
ส่วนเรื่องที่นายวัชระ ได้ทวงเรื่องการตรวจสอบจัดการทุจริตเรื่องต่างๆ ตนก็ได้ชี้แจงไปหมดแล้ว เช่น เรื่องนาฬิการัฐสภา การทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ บางเรื่องสอบสวนเสร็จแล้ว มีการลงโทษแล้ว บางเรื่องก็ยังอยู่ในกระบวนการสอบสวน บางเรื่องก็ไม่พบความผิด ทุกอย่างมีหลักฐานชัดเจน สามารถขอรายละเอียดได้
"ผมขอท้าเลยว่า ถ้าใครมาทุจริตแล้วไม่มีการดำเนินการ ขอให้มาเล่นงานเลย ขอย้ำว่าเรื่องรายละเอียด ขอให้มาคุยกัน ผมไม่จำเป็นต้องชี้แจงทุกเรื่องออกทางสื่อมวลชน ที่ผ่านมาตั้งแต่รับราชการมา 38 ปี ผมไม่เคยถูกฟ้องจากศาลไหน หรือมีเรื่องร้องเรียนมาก่อน ให้ไปดูประวัติได้ ผมมาเป็นประธานสนช. การเซ็นชื่อในคำสั่งต่างๆ ผ่านคณะกรรมการต่างๆ ก็ลงนามในฐานะสูงสุด ถ้าหากมีปัญหา เขาก็ฟ้องผม"
ส่วนที่ นายวัชระ กล่าวหาว่าตนไร้ธรรมาภิบาลในการดูแลปกครอง ข้าราชการรัฐสภาไม่ได้รับความเป็นธรรมเหมือนในอดีต ขอถามว่า ตนไปทำอะไร ตนมาใหม่ ไม่ได้รู้จักใคร ไม่มีจิตใจที่จะไปทำร้ายใคร ตนพอจะเข้าใจถึงที่มาของข้อกล่าวหานี้ว่า น่าจะมาจากตนไปลงโทษตามรายงานคำสั่ง การสอบสวนของหน่วยงานต่างๆ คนที่ถูกลงโทษก็ไม่พอใจตน ดังนั้นก็ขอให้คนเหล่านี้ไปอุทธรณ์ตามขั้นตอนดีกว่า
"ขอย้ำว่า ผมเป็นสุภาพบุรุษไม่เอาความไม่ดีของคนเอามาพูดผ่านสื่อ บอกได้เลยว่า พวกที่ร้องเรียนไม่ว่า นายวัชระ,นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. ให้มาคุยกับผมตรงๆเลย จะได้ชี้แจง ไม่ใช่มากล่าวหาแบบนี้ ย้ำว่าไม่มีเรื่องไร้ธรรมาภิบาล และที่กล่าวหาเรื่องความไม่เป็นธรรมในการแต่งตั้ง โยกย้ายข้าราชการในรัฐสภา ขอเรียนว่าที่ผ่านมาผมไปยุ่งเกี่ยวน้อยที่สุด เพราะมีกระบวนการที่จะดำเนินการ มีการประเมินคัดเลือก ไม่มีทางที่ประธานสนช. จะไปล้วงลูกได้ "
ส่วนเรื่องล็อบบี้ยิสต์ ที่มานั่งในห้องเลขาธิการรัฐสภา เป็นผู้ประสานประโยชน์การก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ให้กับสนช. ผู้อาวุโสบางคน ขอเรียนว่า ใครที่ได้ประโยชน์จากการทุจริตก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ในสมัยที่ตนเป็นประธานสนช. จะต้องโดนจัดการหมด และตนไม่มีวันที่จะหาผลประโยชน์จากกรณีสร้างรัฐสภาใหม่อย่างแน่นอน ก็ขอให้สื่อมวลชนช่วยตรวจสอบ หากพบความไม่โปร่งในการก่อสร้างรัฐสภาด้วย ตนต้องจัดการ ตนสั่งไว้ชัดเจนว่า ผู้ที่รับเหมาในการก่อสร้างรัฐสภานั้น ไม่ต้องมาพบตน หากมีอะไรก็ให้ส่งหนังสือทำตามขั้นตอนราชการ และในวันปีใหม่ ก็ไม่ต้องมีกระเช้ามาให้ตนด้วย หรือที่หาว่าตนปล่อยปละละเลย ให้ล็อบบี้ยิสต์ของพรรคการเมืองไปใช้ห้องเลขาธิการรัฐสภาติดต่อธุรกิจ ตนเห็นเรื่องนี้ก็เป็นข่าวมีการพูดถึงกัน เรื่องนี้ตนจะไปรู้ได้อย่างไร เพราะตนพบปะกับผู้คนในสภาเยอะแยะ เวลาเจอกัน ก็ไม่ได้ว่ารู้ใครเป็นใคร ดังนั้นเรื่องนี้ต้องให้เลขาธิการรัฐสภาเป็นผู้ชี้แจง ซึ่งเลขาธิการรัฐสภา ก็ได้ชี้แจงกับตนแล้ว สรุปว่าไม่เป็นความจริง ไม่มีล็อบบี้ยิสต์ อย่างที่ว่ากัน
"ที่หาว่าผมเอาแต่ตั้งก๊วนร้องเพลงยามค่ำ ทุกวันนี้ตกเย็นค่ำ ผมไปงานแทบทุกวัน ไปงานศพ งานมงคลสมรส งานของเอกอัครราชทูต งานเลี้ยงต่างๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา บางวันก็มี 2 งาน ต้องกลับถึงบ้าน 3-4 ทุ่ม แทบทุกวัน คนในวัยอย่างผมนั้นจะมีงานประเภทนี้ค่อนข้างมาก เป็นการพูดที่แรงมาก ขอเรียนว่าไม่มีแต่อย่างใด การไปร้องเพลงนั้น ก็ไปในโอกาสที่สมควร เมื่อมีงานในหมู่เพื่อนฝูง อาทิ ระหว่างเพื่อนฝูงในกลุ่มวปอ.,เพื่อนร่วมเรียนหนังสือด้วยกันมา หรือแม้แต่สื่อมวลชนที่เชิญมา ผมก็ไป หลังจากถึงบ้านผมก็นอนและก็ตื่นตี 5 เพื่อมาออกกำลังกาย และก็มาทำงานที่รัฐสภา ซึ่งนี่ก็คือกิจวัตรประจำวันของผม ในฐานะประธานสนช. ภารกิจของผมมากตั้งแต่เช้าจรดเย็น ที่ผ่านมผมต้องมีคนขับรถถึง 2 คน แต่ตอนนี้ลาออกไป 1 คน ก็ลำบาก เพราะบางครั้งต้องขับรถเอง จริงๆ ผมไม่จำเป็นต้องชี้แจงเรื่องส่วนตัวเหล่านี้เลย แต่ในเมื่อนายวัชระ ใช้ถ้อยคำรุนแรงกล่าวหาผม ผมก็จำเป็นต้องชี้แจง" นายพรเพชร กล่าว
ส่วนเรื่องที่นายวัชระ ได้ทวงเรื่องการตรวจสอบจัดการทุจริตเรื่องต่างๆ ตนก็ได้ชี้แจงไปหมดแล้ว เช่น เรื่องนาฬิการัฐสภา การทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ บางเรื่องสอบสวนเสร็จแล้ว มีการลงโทษแล้ว บางเรื่องก็ยังอยู่ในกระบวนการสอบสวน บางเรื่องก็ไม่พบความผิด ทุกอย่างมีหลักฐานชัดเจน สามารถขอรายละเอียดได้
"ผมขอท้าเลยว่า ถ้าใครมาทุจริตแล้วไม่มีการดำเนินการ ขอให้มาเล่นงานเลย ขอย้ำว่าเรื่องรายละเอียด ขอให้มาคุยกัน ผมไม่จำเป็นต้องชี้แจงทุกเรื่องออกทางสื่อมวลชน ที่ผ่านมาตั้งแต่รับราชการมา 38 ปี ผมไม่เคยถูกฟ้องจากศาลไหน หรือมีเรื่องร้องเรียนมาก่อน ให้ไปดูประวัติได้ ผมมาเป็นประธานสนช. การเซ็นชื่อในคำสั่งต่างๆ ผ่านคณะกรรมการต่างๆ ก็ลงนามในฐานะสูงสุด ถ้าหากมีปัญหา เขาก็ฟ้องผม"
ส่วนที่ นายวัชระ กล่าวหาว่าตนไร้ธรรมาภิบาลในการดูแลปกครอง ข้าราชการรัฐสภาไม่ได้รับความเป็นธรรมเหมือนในอดีต ขอถามว่า ตนไปทำอะไร ตนมาใหม่ ไม่ได้รู้จักใคร ไม่มีจิตใจที่จะไปทำร้ายใคร ตนพอจะเข้าใจถึงที่มาของข้อกล่าวหานี้ว่า น่าจะมาจากตนไปลงโทษตามรายงานคำสั่ง การสอบสวนของหน่วยงานต่างๆ คนที่ถูกลงโทษก็ไม่พอใจตน ดังนั้นก็ขอให้คนเหล่านี้ไปอุทธรณ์ตามขั้นตอนดีกว่า
"ขอย้ำว่า ผมเป็นสุภาพบุรุษไม่เอาความไม่ดีของคนเอามาพูดผ่านสื่อ บอกได้เลยว่า พวกที่ร้องเรียนไม่ว่า นายวัชระ,นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. ให้มาคุยกับผมตรงๆเลย จะได้ชี้แจง ไม่ใช่มากล่าวหาแบบนี้ ย้ำว่าไม่มีเรื่องไร้ธรรมาภิบาล และที่กล่าวหาเรื่องความไม่เป็นธรรมในการแต่งตั้ง โยกย้ายข้าราชการในรัฐสภา ขอเรียนว่าที่ผ่านมาผมไปยุ่งเกี่ยวน้อยที่สุด เพราะมีกระบวนการที่จะดำเนินการ มีการประเมินคัดเลือก ไม่มีทางที่ประธานสนช. จะไปล้วงลูกได้ "
ส่วนเรื่องล็อบบี้ยิสต์ ที่มานั่งในห้องเลขาธิการรัฐสภา เป็นผู้ประสานประโยชน์การก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ให้กับสนช. ผู้อาวุโสบางคน ขอเรียนว่า ใครที่ได้ประโยชน์จากการทุจริตก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ในสมัยที่ตนเป็นประธานสนช. จะต้องโดนจัดการหมด และตนไม่มีวันที่จะหาผลประโยชน์จากกรณีสร้างรัฐสภาใหม่อย่างแน่นอน ก็ขอให้สื่อมวลชนช่วยตรวจสอบ หากพบความไม่โปร่งในการก่อสร้างรัฐสภาด้วย ตนต้องจัดการ ตนสั่งไว้ชัดเจนว่า ผู้ที่รับเหมาในการก่อสร้างรัฐสภานั้น ไม่ต้องมาพบตน หากมีอะไรก็ให้ส่งหนังสือทำตามขั้นตอนราชการ และในวันปีใหม่ ก็ไม่ต้องมีกระเช้ามาให้ตนด้วย หรือที่หาว่าตนปล่อยปละละเลย ให้ล็อบบี้ยิสต์ของพรรคการเมืองไปใช้ห้องเลขาธิการรัฐสภาติดต่อธุรกิจ ตนเห็นเรื่องนี้ก็เป็นข่าวมีการพูดถึงกัน เรื่องนี้ตนจะไปรู้ได้อย่างไร เพราะตนพบปะกับผู้คนในสภาเยอะแยะ เวลาเจอกัน ก็ไม่ได้ว่ารู้ใครเป็นใคร ดังนั้นเรื่องนี้ต้องให้เลขาธิการรัฐสภาเป็นผู้ชี้แจง ซึ่งเลขาธิการรัฐสภา ก็ได้ชี้แจงกับตนแล้ว สรุปว่าไม่เป็นความจริง ไม่มีล็อบบี้ยิสต์ อย่างที่ว่ากัน
"ที่หาว่าผมเอาแต่ตั้งก๊วนร้องเพลงยามค่ำ ทุกวันนี้ตกเย็นค่ำ ผมไปงานแทบทุกวัน ไปงานศพ งานมงคลสมรส งานของเอกอัครราชทูต งานเลี้ยงต่างๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา บางวันก็มี 2 งาน ต้องกลับถึงบ้าน 3-4 ทุ่ม แทบทุกวัน คนในวัยอย่างผมนั้นจะมีงานประเภทนี้ค่อนข้างมาก เป็นการพูดที่แรงมาก ขอเรียนว่าไม่มีแต่อย่างใด การไปร้องเพลงนั้น ก็ไปในโอกาสที่สมควร เมื่อมีงานในหมู่เพื่อนฝูง อาทิ ระหว่างเพื่อนฝูงในกลุ่มวปอ.,เพื่อนร่วมเรียนหนังสือด้วยกันมา หรือแม้แต่สื่อมวลชนที่เชิญมา ผมก็ไป หลังจากถึงบ้านผมก็นอนและก็ตื่นตี 5 เพื่อมาออกกำลังกาย และก็มาทำงานที่รัฐสภา ซึ่งนี่ก็คือกิจวัตรประจำวันของผม ในฐานะประธานสนช. ภารกิจของผมมากตั้งแต่เช้าจรดเย็น ที่ผ่านมผมต้องมีคนขับรถถึง 2 คน แต่ตอนนี้ลาออกไป 1 คน ก็ลำบาก เพราะบางครั้งต้องขับรถเอง จริงๆ ผมไม่จำเป็นต้องชี้แจงเรื่องส่วนตัวเหล่านี้เลย แต่ในเมื่อนายวัชระ ใช้ถ้อยคำรุนแรงกล่าวหาผม ผมก็จำเป็นต้องชี้แจง" นายพรเพชร กล่าว