xs
xsm
sm
md
lg

ตีกลับแผนงานตั้ง”บอร์ดกกต.”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (4ต.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารกลาง กล่าวว่า ที่ประชุมกกต. มีมติให้ตนกำกับดูแลงานด้านบริหารกลาง ตามข้อเสนอของนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ยกเว้นสำนักกฎหมาย และสำนักประชุม ที่จะยังอยู่ในกำกับดูแลของประธานกกต. โดยนายศุภชัย จะกำกับดูแลด้านบริหารเลือกตั้งแทนตน ถือเป็นการสับเปลี่ยนหมุนเวียนการทำงานให้เกิดความเหมาะสม และเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น
"ผมก็เรียนและจบด้านการบริหารงานบุคคลมา สมัยเป็นอาจารย์ธรรมศาสตร์ ก็ดูเรื่องงบประมาณของทั้งมหาวิทยาลัย ประชาสัมพันธ์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง สามารถทำให้เป็นข่าวได้ทุกวัน การเปลี่ยนหน้าที่ครั้งนี้ถือว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ เป็นการใช้คนให้ถูกกับงาน เมื่อผมดูในด้านนี้ เป็นการช่วยทำให้เป็นระบบมากขึ้น ทั้งเทคโนโลยี ประชาสัมพันธ์ แผนยุทธศาสตร์ต่างๆ เป็นกลุ่มงานที่ต้องอาศัยคนที่มีประสบการณ์ด้านบริหารเข้ามาช่วย ยิ่งช่วงนี้ไม่มีการเลือกตั้ง ท่านประธาน ก็ให้ผมมาช่วย เพราะอย่างงานเทคโนโลยี ตอนท่านประธานดู ก็ต้องมาถามผมอยู่ดี งานตรงนี้เป็นงานออฟฟิส เป็นงานที่จมกับเอกสาร และข้อมูล ไม่ค่อยได้บู๊ ซึ่งเวลาอนุมัติอะไรก็ยังต้องเป็นมติกกต. และคนลงนาม ก็ยังเป็นนายศุภชัย ประธานกกต.อยู่ ยืนยันการสับเปลี่ยนตำแหน่งครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับกระแสข่าวที่ว่ามีความขัดแย้งภายในกกต. และขณะนี้นายศุภชัย ก็ยังคงเป็นผู้บริหารสูงสุด ซึ่งก็ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงตัวประธานกกต. แต่อย่างใด และ กกต.อีก 3 คน ก็ยังกำกับดูแลด้านเดิมเพราะยังไม่มีใครสนใจที่จะเปลี่ยนแปลงงานด้านที่รับผิดชอบอยู่"
นายสมชัย ยังกล่าวถึงเรื่องที่สำนักงานกกต. เสนอผลการศึกษาการทำงานของกกต. เป็นรูปแบบคณะกรรมการ(บอร์ด)นั้น ทางสำนักงานเสนอว่า ร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติ มาตรา 220 กำหนดให้การทำงานขององค์กรอิสระ มีลักษณะเป็นบอร์ด และมีสำนักงานเป็นหน่วยธุรการ ทำงานเอื้อประโยชน์ให้กับคณะกรรมการ ซึ่ง กกต.ได้มีข้อสังเกตต่อผลการศึกษาใน 2-3 ประเด็น คือ ในเรื่องของกระบวนการทำงานที่ยังไม่ชัดเจนว่า การเสนอเรื่อง การเสนอวาระการประชุม การกำกับดูแล จะผ่านกลไกของผู้บริหารสำนักงานอย่างไร ระบบมีการรายงานผลความคืบหน้าการทำงานอย่างไร ซึ่งก็ให้ไปศึกษาเปรียบเทียบกับองค์กรอิสระอื่นๆ ว่าในรูปแบบขององค์กรเหล่านั้นที่ทำงานเป็นบอร์ด มีการแบ่งหน้าที่ระหว่างคณะกรรมการ กับสำนักงานอย่างไร รวมทั้งถ้าไม่ทำงานในรูปแบบบอร์ด แต่ยังคงกำกับกันเป็นด้านกิจการ หากมี กกต.ใหม่เข้ามาอีก 2 คนจะแบ่งงานอย่างไร ซึ่งก็ให้สำนักงานไปศึกษาให้ครบทุกประเด็น แล้วเสนอกลับมาให้กกต.พิจารณาอีกครั้ง คาดว่าคงจะใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน
นอกจากนี้ ที่ประชุมกกต.ยังได้มีการพิจารณาแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 60 ซึ่งก็มีการจัดสรรสำหรับโครงการใหม่ๆ ที่จะรองรับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นใน 3 เรื่อง คือ
1. การจัดทำโครงการระบบการลงคะแนนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรทางเครือข่ายอินเตอร์เนต หรือ I-Vote ที่จะนำร่องใน 3 ประเทศ จาก 90 ประเทศ ที่ไทยมีสถานทูตอยู่ โดยในวันพุธที่ 12 ต.ค.นี้ จะมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย กกต. กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็คทรอนิกส์ หากทำแล้วประสบความสำเร็จ ก็จะขยายให้คนไทยในต่างประเทศทุกประเทศสามารถใช้สิทธิผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งจะลดงบประมาณจากเดิมที่ใช้ทั้งหมด 80 ล้านบาทต่อการเลือกตั้งหนึ่งครั้ง อาจเหลือเพียงไม่เกิน 5 ล้านบาท
2. การสร้างกรรมการประจำหน่วยมืออาชีพ ซึ่งจะเป็นการอบรมบุคลากร 1 แสนคน ให้มีความเข้าใจขั้นตอนกระบวนการทั้งหมดในการจัดการเลือกตั้ง เพื่อที่เวลาเลือกตั้งหนึ่งจะมีกรรมการประจำหน่วยมืออาชีพหนึ่งคนไว้เหมือนผู้รู้คอยแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง
3. จัดทำหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง เพื่ออบรมบุคคลกรของพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อให้พรรคการเมืองทำงานภายใต้รัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้อย่างถูกต้อง เป็นพรรคการเมืองที่เข้มแข็ง
กำลังโหลดความคิดเห็น