ศูนย์ข่าวภูมิภาค - ระดับน้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น ล้นตลิ่งทะลักท่วมบ้านเรือนประชาชนหลายพื้นที่ "ชาวโผงเผง" หลายครอบครัวต้องอพยพขึ้นไปนอนในเต็นท์ริมถนน ขณะที่ “เสนา-บางบาล” อ่วมหนักบางจุดท่วมกว่า 3 เมตร นาข้าวเสียหายแล้วกว่า 1 หมื่นไร่
วานนี้ (29 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระ ไหลผ่าน จ.อ่างทอง ว่า เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และทางจังหวัดได้ประกาศเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยารับทราบแล้วว่า ระดับน้ำจะมีปริมาณขึ้นอีกประมาณ 50-70 ซม. โดยล่าสุด เช้าวานนี้ที่สถานีวัดน้ำชลมาตร C7A บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดอ่างทอง น้ำไหลผ่าน 1,947 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำอยู่ที่ 7.40 เมตร จากระดับตลิ่ง 9.44 เมตร ทั้งนี้ สำหรับจังหวัดอ่างทอง ยังคงมีผู้ประสบภัยน้ำท่วมอยู่ที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.วิเศษชัยชาญ อ.ป่าโมก และ อ.เมืองอ่างทอง รวม 10 ตำบล 30 หมู่บ้าน 583 ครัวเรือน
ขณะที่ นายไพรบูลย์ ศุภบุญ นายอำเภอป่าโมก พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหารกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 11 รักษาพระองค์ จังหวัดลพบุรี และชาวบ้านใน ต.โผงเผง อ.ป่าโมก ได้ร่วมกันเร่งกรอกกระสอบทรายเพื่อนำไปเสริมคันดินในหมู่บ้านเพื่อรับมือปริมาณน้ำเหนือที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น โดย นายไพรบูลย์ กล่าวว่า บ้านเรือนประชาชนใน ต.โผงเผง อ.ป่าโมก มีบางสวนที่ถูกน้ำท่วมขังสูง และเข้าออกลำบาก ได้อพยพขึ้นมานอน และใช้ชีวิตอยู่ภายในเต็นท์ริมถนนหลังบ้าน ซึ่งทางอำเภอก็ได้เข้าไปดูแล และให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว
ส่วนที่ จ.พระนครศรีอยุธยา นายโสภณ คชพันธ์ นายอำเภอเสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ถึงสถานการณ์น้ำในภาพรวมของ อ.เสนา มี 17 ตำบล 114 หมู่บ้าน 24 ชุมชน ขณะนี้ได้รับผลกระทบไปแล้วครึ่งอำเภอ คือ 9 ตำบล 67 หมู่บ้าน 4 ชุมชน เดือดร้อนประมาณ 5,000 ครัวเรือน ระดับน้ำประมาณ 50-70 เซนติเมตร แต่มีบางจุดที่ท่วมสูงกว่า 3 เมตร คือ ในหมู่ 5 ต.หัวเวียง ซึ่งเป็นบ้านที่สร้างอยู่ริมตลิ่ง โดยท่วมมาตั้งแต่เขื่อนเจ้าพระยาปล่อยน้ำ 600 ลบ.ม./วินาที ล่าสุด ขณะนี้ปล่อย 2,000 ลบ.ม./วินาที ส่วนนาข้าวเสียหายไปแล้วประมาณ 1 หมื่นไร่ จากที่ปลูกทั้งหมด 9 หมื่นไร่ โดยที่กระทบมากสุดคือ ที่ ต.บ้านโพธิ์ ต.ลาดงา และ ต.หัวเวียง ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่พยายามบรรเทาความเดือดร้อนด้วยการระบายน้ำเข้าทุ่ง โดยระบายไปแล้ว 2 ทุ่ง และวันที่ 30 ก.ย.นี้ จะเปิดให้เข้าทุ่งอีก 1 จุด ที่เกี่ยวข้าวเสร็จแล้วประมาณ 30,000 ไร่ ที่จะช่วยกักเก็บน้ำ
เช้าวันเดียวกัน นายอภัย จันทนจุลกะ รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เป็นผู้แทนพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ลงพื้นที่ชุมชนวัดตะกู และวัดอินทาราม ต.วัดตะกู อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมเยี่ยมเยียน และมอบถุงยังชีพพระราชทานแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำล้นตลิ่ง จำนวน 500 ชุดในเบื้องต้นเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่ง โดยลงเรือเข้าไปยังชุมชนต่างๆ เพื่อมอบถุงยังชีพให้แก่พี่น้องประชาชน รวมถึงพูดคุยให้กำลังใจ
สำหรับ จ.พระนครศรีอยุธยาได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำล้นตลิ่งในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย คลองบางหลวง คลองบางบาล น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมใต้ถุนบ้านประชาชนที่ปลูกริมน้ำ ปัจจุบันมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 6 อำเภอ 74 ตำบล 732 หมู่บ้าน 19,170 ครัวเรือน 65,893 คน ทั้งนี้ ในด้านของการบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎร จังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้พยายามป้องกันพื้นที่สำคัญ ด้วยการนำกระสอบทราย และเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือพระภิกษุ สามเณร วัด ราษฎร และบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม พร้อมมอบถุงยังชีพบรรเทาทุกข์ จำนวน 10,000 ชุด ในอำเภอบางบาล และอำเภอเสนา ตลอดจนมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ดูแลผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง ติดตามให้การช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
**เล็งใช้ “ทุ่งรังสิต” รับน้ำหลาก
นายรอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) ได้รับมอบมอบหมายจากที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี บินสำรวจสภาพน้ำเพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และลดผลกระทบของชาวบ้านริมน้ำจากน้ำท่วม ซึ่งได้ผ่านจุดที่น้ำท่วมล้นตลิ่ง คลองบางบาล คลองโผงเผง ไปจนถึง จ.นครสวรรค์ จากนั้นจึงย้อนกลับเพื่อดูปริมาณน้ำในพื้นที่ท่วมทุ่ง หรือแก้มลิงในพื้นที่ต่างๆ เพื่อประเมินพื้นที่รองรับน้ำ โดยเฉพาะความเป็นไปได้ที่ทุ่งรังสิต
นายรอยล กล่าวว่า การระบายน้ำพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาออกสู่อ่าวไทย ไม่ได้ผ่านเพียงแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างเดียว แต่จะดูว่ามีเส้นทางไหนบ้างเพื่อปรับระบบการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมมากที่สุด เพราะปริมาณฝนปีนี้ตกในพื้นที่ท้ายเขื่อนอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และกระจายตามพื้นที่ภาคกลางเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เครื่องมือที่มีอยู่ ไม่สามารถบริหารจัดการน้ำได้ดีเท่าที่ควร.
วานนี้ (29 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระ ไหลผ่าน จ.อ่างทอง ว่า เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และทางจังหวัดได้ประกาศเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยารับทราบแล้วว่า ระดับน้ำจะมีปริมาณขึ้นอีกประมาณ 50-70 ซม. โดยล่าสุด เช้าวานนี้ที่สถานีวัดน้ำชลมาตร C7A บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดอ่างทอง น้ำไหลผ่าน 1,947 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำอยู่ที่ 7.40 เมตร จากระดับตลิ่ง 9.44 เมตร ทั้งนี้ สำหรับจังหวัดอ่างทอง ยังคงมีผู้ประสบภัยน้ำท่วมอยู่ที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.วิเศษชัยชาญ อ.ป่าโมก และ อ.เมืองอ่างทอง รวม 10 ตำบล 30 หมู่บ้าน 583 ครัวเรือน
ขณะที่ นายไพรบูลย์ ศุภบุญ นายอำเภอป่าโมก พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหารกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 11 รักษาพระองค์ จังหวัดลพบุรี และชาวบ้านใน ต.โผงเผง อ.ป่าโมก ได้ร่วมกันเร่งกรอกกระสอบทรายเพื่อนำไปเสริมคันดินในหมู่บ้านเพื่อรับมือปริมาณน้ำเหนือที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น โดย นายไพรบูลย์ กล่าวว่า บ้านเรือนประชาชนใน ต.โผงเผง อ.ป่าโมก มีบางสวนที่ถูกน้ำท่วมขังสูง และเข้าออกลำบาก ได้อพยพขึ้นมานอน และใช้ชีวิตอยู่ภายในเต็นท์ริมถนนหลังบ้าน ซึ่งทางอำเภอก็ได้เข้าไปดูแล และให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว
ส่วนที่ จ.พระนครศรีอยุธยา นายโสภณ คชพันธ์ นายอำเภอเสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ถึงสถานการณ์น้ำในภาพรวมของ อ.เสนา มี 17 ตำบล 114 หมู่บ้าน 24 ชุมชน ขณะนี้ได้รับผลกระทบไปแล้วครึ่งอำเภอ คือ 9 ตำบล 67 หมู่บ้าน 4 ชุมชน เดือดร้อนประมาณ 5,000 ครัวเรือน ระดับน้ำประมาณ 50-70 เซนติเมตร แต่มีบางจุดที่ท่วมสูงกว่า 3 เมตร คือ ในหมู่ 5 ต.หัวเวียง ซึ่งเป็นบ้านที่สร้างอยู่ริมตลิ่ง โดยท่วมมาตั้งแต่เขื่อนเจ้าพระยาปล่อยน้ำ 600 ลบ.ม./วินาที ล่าสุด ขณะนี้ปล่อย 2,000 ลบ.ม./วินาที ส่วนนาข้าวเสียหายไปแล้วประมาณ 1 หมื่นไร่ จากที่ปลูกทั้งหมด 9 หมื่นไร่ โดยที่กระทบมากสุดคือ ที่ ต.บ้านโพธิ์ ต.ลาดงา และ ต.หัวเวียง ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่พยายามบรรเทาความเดือดร้อนด้วยการระบายน้ำเข้าทุ่ง โดยระบายไปแล้ว 2 ทุ่ง และวันที่ 30 ก.ย.นี้ จะเปิดให้เข้าทุ่งอีก 1 จุด ที่เกี่ยวข้าวเสร็จแล้วประมาณ 30,000 ไร่ ที่จะช่วยกักเก็บน้ำ
เช้าวันเดียวกัน นายอภัย จันทนจุลกะ รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เป็นผู้แทนพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ลงพื้นที่ชุมชนวัดตะกู และวัดอินทาราม ต.วัดตะกู อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมเยี่ยมเยียน และมอบถุงยังชีพพระราชทานแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำล้นตลิ่ง จำนวน 500 ชุดในเบื้องต้นเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่ง โดยลงเรือเข้าไปยังชุมชนต่างๆ เพื่อมอบถุงยังชีพให้แก่พี่น้องประชาชน รวมถึงพูดคุยให้กำลังใจ
สำหรับ จ.พระนครศรีอยุธยาได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำล้นตลิ่งในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย คลองบางหลวง คลองบางบาล น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมใต้ถุนบ้านประชาชนที่ปลูกริมน้ำ ปัจจุบันมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 6 อำเภอ 74 ตำบล 732 หมู่บ้าน 19,170 ครัวเรือน 65,893 คน ทั้งนี้ ในด้านของการบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎร จังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้พยายามป้องกันพื้นที่สำคัญ ด้วยการนำกระสอบทราย และเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือพระภิกษุ สามเณร วัด ราษฎร และบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม พร้อมมอบถุงยังชีพบรรเทาทุกข์ จำนวน 10,000 ชุด ในอำเภอบางบาล และอำเภอเสนา ตลอดจนมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ดูแลผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง ติดตามให้การช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
**เล็งใช้ “ทุ่งรังสิต” รับน้ำหลาก
นายรอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) ได้รับมอบมอบหมายจากที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี บินสำรวจสภาพน้ำเพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และลดผลกระทบของชาวบ้านริมน้ำจากน้ำท่วม ซึ่งได้ผ่านจุดที่น้ำท่วมล้นตลิ่ง คลองบางบาล คลองโผงเผง ไปจนถึง จ.นครสวรรค์ จากนั้นจึงย้อนกลับเพื่อดูปริมาณน้ำในพื้นที่ท่วมทุ่ง หรือแก้มลิงในพื้นที่ต่างๆ เพื่อประเมินพื้นที่รองรับน้ำ โดยเฉพาะความเป็นไปได้ที่ทุ่งรังสิต
นายรอยล กล่าวว่า การระบายน้ำพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาออกสู่อ่าวไทย ไม่ได้ผ่านเพียงแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างเดียว แต่จะดูว่ามีเส้นทางไหนบ้างเพื่อปรับระบบการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมมากที่สุด เพราะปริมาณฝนปีนี้ตกในพื้นที่ท้ายเขื่อนอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และกระจายตามพื้นที่ภาคกลางเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เครื่องมือที่มีอยู่ ไม่สามารถบริหารจัดการน้ำได้ดีเท่าที่ควร.