วานนี้ (29ก.ย.) พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานประชุมแก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ร่วมมือกัน ก็มีผลออกมาที่ดี ซึ่งเราจะทำให้การท่องเที่ยวของเรา เป็นการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ นักท่องเที่ยวที่มา ต้องได้รับคุณค่า และมูลค่าต่างๆ เต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งขณะนี้เรามีการดำเนินการจับกุมทัวร์ที่ไม่ได้คุณภาพ ขายของราคาแพง ก็อยู่ในขั้นตอนของกฎหมาย เราก็มาทำความเข้าใจ และสรุปผลว่าตั้งแต่ต้นปี ถึงปัจจุบัน ยอดนักท่องเที่ยวและรายได้ในภาพรวม ยังเป็นบวกอยู่ ซึ่งเรามั่นใจว่าในปีนี้ยังคงเป็นไปตามเป้า หรือแย่สุดก็คือไม่ต่ำกว่าปีที่แล้ว โดยตนไม่ได้ให้ความสำคัญกับจำนวนนัก แต่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ และรายได้มากกว่า
ทั้งนี้ เราโชคดีที่ตอนนี้มี "เวิร์ล ทัวร์ริสซึ่ม เดย์" ที่จัดโดย UNWTO ติดต่อมาว่า จะจัดที่ไทย ก็แปลว่าเขาให้ความสำคัญ กรุงเทพฯ เพิ่งได้รับเมืองน่าท่องเที่ยวอันดับ 1 ทุกคนก็จะมุ่งมาที่เรา เราก็ต้องเตรียมความพร้อม
พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวต่อว่า ถ้าพูดถึงทัวร์จีน ยอดตัวเลขปัจจุบันก็ยังมากกว่าที่ผ่านมา แต่ถ้าบังเอิญจะต้องกระทบบางจุด ก็ถือว่าขาดกำไรตรงนั้น แต่เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ซึ่งเรากับจีน มีความสัมพันธ์ มีการร่วมมือกัน ส่วนเรื่องการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญนั้น นักท่องเที่ยวไม่ใช่คนผิด เขาก็อยากมาเที่ยว เราก็ต้องทำให้มั่นคงว่า ถ้ามาแล้วเราต้องมีรายได้ เขาส่งคนมา ก็ต้องได้การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ซึ่งมันมีหลายประเภท มีทั้งมีสัญญาต้องวางเงินล่วงหน้า อีกประเภทคือ เราต้องได้รายหัวมา แล้วไปทำรายได้ กับการซื้อของที่บางทีมันก็เกินราคา แต่เงินก็ยังอยู่ในประเทศ สิ่งเหล่านี้จะดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าผู้ประกอบการให้ความร่วมมือ และทั้งหมดต้องเดินไปตามกฎหมาย ทั้งเรื่องภาษี การไม่เอาเปรียบ การขายของที่ไม่มีคุณภาพ ทุกคนต้องร่วมมือกัน และตนกำลังจะไปชี้แจงผู้ประกอบการ และให้ถามมา เสนอมาว่า อยากจะให้รัฐบาลสนันสนุนเรื่องใด ตนยินดี และยืนยันว่าต้องเป็นไปตามกฎหมาย ใครที่ทำตามก็ไม่มีใครไปรบกวน แต่บางอย่างคนนั้นเยอะ ก็อาจตรวจจับไม่ได้บ้าง ซึ่งถ้าบริษัททัวร์ต่างๆ ร่วมมือกัน เป็นหูเป็นตา ผลกำไรก็ลงที่เขา รัฐบาลก็ได้ชื่อเสียง ได้ภาษี รายได้ก็กระจายลงท้องถิ่น
ส่วนเรื่องการปราบปรามไกด์เถื่อนนั้น พล.อ.ธนะศักด์ กล่าวว่า จำนวนไกด์ของเรานั้น มีมากพอที่จะรองรับนักท่องเที่ยว แต่บางคนทำบัตรแล้วก็นอนอยู่บ้าน เราก็ปรับใหม่ให้ไกด์ต้องเข้ามาอบรมอย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง และการต่ออายุบัตร ต้องดูว่าที่ผ่านมา ทำงานกี่ครั้ง ถ้าปีละ 5-6 ครั้ง เราอาจจะยึดบัตรไม่ต่ออายุให้ จะทำให้ไกด์มีคุณภาพมากขึ้น แต่ปัญหาคือ เรื่องภาษา เราอาจจะสู้ทัวร์จีนไม่ได้ ซึ่งสถานทูตจีน ก็เห็นด้วยที่จะร่วมกับเรา โดยการจะจัดให้มีการอบรมเรื่องนี้ ในอนาคตก็จะเข้าสู่มาตรฐาน
พล.อ.ธนะศักดิ์ ยังกล่าวถึงเทศกาลกินเจ ที่จะเริ่มขึ้นในต้นเดือนตุลาคมนี้ ว่า ช่วงต้นเดือน เราจะมีการไปโรดโชว์ที่จีน โดย ตนและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้ติดต่อเพื่อนที่จีน เรื่องของผู้ใหญ่จึงไม่มีปัญหา อีกทั้งการท่องเที่ยวจีน ที่เคยมาพบกับเราที่ไทย ก็ไม่มีปัญหา เขามั่นใจว่าคนของเขาที่มาจะได้การรับท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ตนคิดว่าจะทำให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น แต่ถ้าผู้ประกอบการไม่รักกัน ก็จะถ่วงกันเอง
ทั้งนี้ เราโชคดีที่ตอนนี้มี "เวิร์ล ทัวร์ริสซึ่ม เดย์" ที่จัดโดย UNWTO ติดต่อมาว่า จะจัดที่ไทย ก็แปลว่าเขาให้ความสำคัญ กรุงเทพฯ เพิ่งได้รับเมืองน่าท่องเที่ยวอันดับ 1 ทุกคนก็จะมุ่งมาที่เรา เราก็ต้องเตรียมความพร้อม
พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวต่อว่า ถ้าพูดถึงทัวร์จีน ยอดตัวเลขปัจจุบันก็ยังมากกว่าที่ผ่านมา แต่ถ้าบังเอิญจะต้องกระทบบางจุด ก็ถือว่าขาดกำไรตรงนั้น แต่เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ซึ่งเรากับจีน มีความสัมพันธ์ มีการร่วมมือกัน ส่วนเรื่องการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญนั้น นักท่องเที่ยวไม่ใช่คนผิด เขาก็อยากมาเที่ยว เราก็ต้องทำให้มั่นคงว่า ถ้ามาแล้วเราต้องมีรายได้ เขาส่งคนมา ก็ต้องได้การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ซึ่งมันมีหลายประเภท มีทั้งมีสัญญาต้องวางเงินล่วงหน้า อีกประเภทคือ เราต้องได้รายหัวมา แล้วไปทำรายได้ กับการซื้อของที่บางทีมันก็เกินราคา แต่เงินก็ยังอยู่ในประเทศ สิ่งเหล่านี้จะดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าผู้ประกอบการให้ความร่วมมือ และทั้งหมดต้องเดินไปตามกฎหมาย ทั้งเรื่องภาษี การไม่เอาเปรียบ การขายของที่ไม่มีคุณภาพ ทุกคนต้องร่วมมือกัน และตนกำลังจะไปชี้แจงผู้ประกอบการ และให้ถามมา เสนอมาว่า อยากจะให้รัฐบาลสนันสนุนเรื่องใด ตนยินดี และยืนยันว่าต้องเป็นไปตามกฎหมาย ใครที่ทำตามก็ไม่มีใครไปรบกวน แต่บางอย่างคนนั้นเยอะ ก็อาจตรวจจับไม่ได้บ้าง ซึ่งถ้าบริษัททัวร์ต่างๆ ร่วมมือกัน เป็นหูเป็นตา ผลกำไรก็ลงที่เขา รัฐบาลก็ได้ชื่อเสียง ได้ภาษี รายได้ก็กระจายลงท้องถิ่น
ส่วนเรื่องการปราบปรามไกด์เถื่อนนั้น พล.อ.ธนะศักด์ กล่าวว่า จำนวนไกด์ของเรานั้น มีมากพอที่จะรองรับนักท่องเที่ยว แต่บางคนทำบัตรแล้วก็นอนอยู่บ้าน เราก็ปรับใหม่ให้ไกด์ต้องเข้ามาอบรมอย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง และการต่ออายุบัตร ต้องดูว่าที่ผ่านมา ทำงานกี่ครั้ง ถ้าปีละ 5-6 ครั้ง เราอาจจะยึดบัตรไม่ต่ออายุให้ จะทำให้ไกด์มีคุณภาพมากขึ้น แต่ปัญหาคือ เรื่องภาษา เราอาจจะสู้ทัวร์จีนไม่ได้ ซึ่งสถานทูตจีน ก็เห็นด้วยที่จะร่วมกับเรา โดยการจะจัดให้มีการอบรมเรื่องนี้ ในอนาคตก็จะเข้าสู่มาตรฐาน
พล.อ.ธนะศักดิ์ ยังกล่าวถึงเทศกาลกินเจ ที่จะเริ่มขึ้นในต้นเดือนตุลาคมนี้ ว่า ช่วงต้นเดือน เราจะมีการไปโรดโชว์ที่จีน โดย ตนและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้ติดต่อเพื่อนที่จีน เรื่องของผู้ใหญ่จึงไม่มีปัญหา อีกทั้งการท่องเที่ยวจีน ที่เคยมาพบกับเราที่ไทย ก็ไม่มีปัญหา เขามั่นใจว่าคนของเขาที่มาจะได้การรับท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ตนคิดว่าจะทำให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น แต่ถ้าผู้ประกอบการไม่รักกัน ก็จะถ่วงกันเอง