ผู้จัดการรายวัน360- "บิ๊กต๊อก" ขอทุกฝ่ายรอฟังผลสอบฟันปมเสียชีวิต "ธวัชชัย" ชี้ผลสอบนิติวิทยาศาสตร์ชี้ชัดหลักฐานได้อย่างดี กก.สืบสวนฯแย้มขอยืดเวลาอีก 15 วัน ก่อนสรุปสาเหตุการตาย "ไพบูลย์" ร้องผู้ตรวจฯสอบกรมสรรพสามิตละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ไม่เก็บภาษีเบนซ์จาก “สมเด็จช่วง”
วานนี้ (20 ก.ย.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการเสียชีวิตภายในห้องควบคุมตัวกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ของ นายธวัชชัย อนุกุล อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพังงา สาขาท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ผู้ต้องหาในคดีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบออกโฉนดที่ดินบริเวณหาดลายัน อุทยานแห่งชาติสิรินาถ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต รวมทั้งที่ดินอีกหลายแห่งใน จ.ภูเก็ต จ.พังงา และ จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ขอให้รอฟังผลสอบจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการเสียชีวิต นายธวัชชัย ที่มี นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เป็นประธาน โดยใช้เวลาตรวจสอบ 15 วัน แต่ไม่ทราบว่าจะมีประเด็นอะไรให้ยืดเยื้อออกไปอีกหรือไม่ หลักฐานทั้งหมดในการตรวจสอบครั้งนี้ ทั้งหมดอยู่ในการกระบวนการแล้ว ทั้ง ดีเอสไอ โรงพยาบาล นิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งต้องรอผลจากทั้ง 3 หน่วยงานนี้ ทั้งเรื่องของฟิลม์เอ็กซเรย์ วันเวลา เหตุการณ์ ที่จะออกมา ความคืบหน้าการตรวจสอบมีการรายงานตนอยู่ตลอด โดยที่ตนไม่ได้ไปจี้เร่งรัดทุกวัน
“สิ่งที่ยืนยันคือ ใช้ผลสอบนิติวิทยาศาสตร์ รายงานตรวจศพของแพทย์นิติเวช เชื่อว่าผลสอบจากนิติวิทยาศาสตร์ช่วยได้ เพราะไม่มีใครอยู่ในเหตุการณ์ มีเพียงผู้ที่ถูกกล่าวหาที่อยู่ในพื้นที่” พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
** คาดสัปดาห์หน้าได้สาเหตุเสียชีวิต
ด้าน นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนหาข้อเท็จจริง กรณีการเสียชีวิตของ นายธวัชชัย เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับคณะกรรมการว่า ในวันนี้เชิญตัวแทนจากราชวิทยาลัยที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาช่องท้อง และผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้ชีพ เข้าร่วมหารือกับคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงที่พบซึ่งมีทั้งภาพถ่าย และผลการชันสูตรที่ได้ครบแล้ว และต้องให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยแปลผล อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีประเด็นที่ต้องสอบเพิ่มเติม จึงยังไม่สามารถชี้ ถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจน ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติมอบให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำซีทีสแกน ทรีดี ระบบเอ็กซเรย์สามมิติ เพื่อดูโครงสร้างกระดูกทั้งตัวของผู้เสียชีวิต คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในวันที่ 23 ก.ย.นี้ ดังนั้นต้องรอผลการทำซีทีสแกนด้วย ส่งผลให้ต้องขยายระยะเวลาทำงานไปอีกไม่เกิน 15 วัน คาดสัปดาห์หน้าจะมีข้อสรุปถึงสาเหตุการเสียชีวิต โดยนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 27 ก.ย.นี้
“เบื้องต้นยังไม่มีความจำเป็นต้องผ่าศพซ้ำเป็นครั้งที่ 2 และเมื่อดำเนินการครบถ้วนแล้ว จึงเป็นขั้นตอนของการทำความเข้าใจกับญาติ โดยเราต้องการให้มีความเห็นชัดเจนก่อน ไม่อยากพูดออกไปก่อน เพราะอาจทำให้ความเข้าใจในกระบวนการยุติธรรมเสียได้” นายวิศิษฎ์ ระบุ
** ปูด “สรรพสามิต” ไม่เก็บภาษี “สมเด็จช่วง”
วันเดียวกัน นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เข้ายื่นหนังสือ ต่อประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่าน นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้วินิจฉัยการละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของกรมสรรพสามิต และเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต เนื่องจากอาจมีการละเว้น ไม่ดำเนินการเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตเพิ่มเติม จากสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญโญ) หรือ สมเด็จช่วง ในฐานะผู้ครอบครองรถเบนซ์ทะเบียน ขม 99 ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สรรพสามิต ซึ่งมีหลักฐานเป็นสำเนาเช็คบัญชีชื่อสมเด็จช่วง สั่งจ่ายเงิน 1 ล้านบาท เป็นค่ารถเบนซ์ให้กับภรรยาของ นายวิชาญ รัษฐปานะ เจ้าของอู่วิชาญ ประกอบด้วยเอกสารต่างๆที่บ่งชี้ว่า สมเด็จช่วง เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์และครอบครองรถเบนซ์ ขม 99 แต่กรมสรรพสามิต กลับดำเนินการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวไปยังนายวิชาญให้ชำระภาษีเป็นเงิน 6,864,000 บาท ซึ่งนายวิชาญได้ยื่นเรื่องขอคัดค้าน เพราะไม่ใช่บุคคลตามกฎหมายที่กำหนดให้ต้องไปยื่นเสียภาษี หรือต้องรับผิดชอบชำระค่าภาษี การที่กรมสรรพสามิตเรียกเก็บภาษีจากนายวิชาญ จึงอาจจะส่อว่า เพื่อหลีกเลี่ยงไม่เรียกเก็บภาษี พร้อมเบี้ยปรับจากสมเด็จช่วง ในฐานะผู้ครอบครองรถตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต มาตรา 161 (1) ใช่หรือไม่.
“ขอให้ผู้ตรวจการฯ พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงและวินิจฉัยว่ากรมสรรพสามิตและเจ้าหน้าที่มีการละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือไม่อย่างไร เพราะการที่หน่วยราชการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยเห็นว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วหาทางหลีกเลี่ยงให้ ถือว่าไม่เป็นธรรมกับสังคม” นายไพบูลย์ กล่าว.
วานนี้ (20 ก.ย.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการเสียชีวิตภายในห้องควบคุมตัวกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ของ นายธวัชชัย อนุกุล อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพังงา สาขาท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ผู้ต้องหาในคดีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบออกโฉนดที่ดินบริเวณหาดลายัน อุทยานแห่งชาติสิรินาถ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต รวมทั้งที่ดินอีกหลายแห่งใน จ.ภูเก็ต จ.พังงา และ จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ขอให้รอฟังผลสอบจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการเสียชีวิต นายธวัชชัย ที่มี นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เป็นประธาน โดยใช้เวลาตรวจสอบ 15 วัน แต่ไม่ทราบว่าจะมีประเด็นอะไรให้ยืดเยื้อออกไปอีกหรือไม่ หลักฐานทั้งหมดในการตรวจสอบครั้งนี้ ทั้งหมดอยู่ในการกระบวนการแล้ว ทั้ง ดีเอสไอ โรงพยาบาล นิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งต้องรอผลจากทั้ง 3 หน่วยงานนี้ ทั้งเรื่องของฟิลม์เอ็กซเรย์ วันเวลา เหตุการณ์ ที่จะออกมา ความคืบหน้าการตรวจสอบมีการรายงานตนอยู่ตลอด โดยที่ตนไม่ได้ไปจี้เร่งรัดทุกวัน
“สิ่งที่ยืนยันคือ ใช้ผลสอบนิติวิทยาศาสตร์ รายงานตรวจศพของแพทย์นิติเวช เชื่อว่าผลสอบจากนิติวิทยาศาสตร์ช่วยได้ เพราะไม่มีใครอยู่ในเหตุการณ์ มีเพียงผู้ที่ถูกกล่าวหาที่อยู่ในพื้นที่” พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
** คาดสัปดาห์หน้าได้สาเหตุเสียชีวิต
ด้าน นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนหาข้อเท็จจริง กรณีการเสียชีวิตของ นายธวัชชัย เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับคณะกรรมการว่า ในวันนี้เชิญตัวแทนจากราชวิทยาลัยที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาช่องท้อง และผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้ชีพ เข้าร่วมหารือกับคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงที่พบซึ่งมีทั้งภาพถ่าย และผลการชันสูตรที่ได้ครบแล้ว และต้องให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยแปลผล อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีประเด็นที่ต้องสอบเพิ่มเติม จึงยังไม่สามารถชี้ ถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจน ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติมอบให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำซีทีสแกน ทรีดี ระบบเอ็กซเรย์สามมิติ เพื่อดูโครงสร้างกระดูกทั้งตัวของผู้เสียชีวิต คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในวันที่ 23 ก.ย.นี้ ดังนั้นต้องรอผลการทำซีทีสแกนด้วย ส่งผลให้ต้องขยายระยะเวลาทำงานไปอีกไม่เกิน 15 วัน คาดสัปดาห์หน้าจะมีข้อสรุปถึงสาเหตุการเสียชีวิต โดยนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 27 ก.ย.นี้
“เบื้องต้นยังไม่มีความจำเป็นต้องผ่าศพซ้ำเป็นครั้งที่ 2 และเมื่อดำเนินการครบถ้วนแล้ว จึงเป็นขั้นตอนของการทำความเข้าใจกับญาติ โดยเราต้องการให้มีความเห็นชัดเจนก่อน ไม่อยากพูดออกไปก่อน เพราะอาจทำให้ความเข้าใจในกระบวนการยุติธรรมเสียได้” นายวิศิษฎ์ ระบุ
** ปูด “สรรพสามิต” ไม่เก็บภาษี “สมเด็จช่วง”
วันเดียวกัน นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เข้ายื่นหนังสือ ต่อประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่าน นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้วินิจฉัยการละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของกรมสรรพสามิต และเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต เนื่องจากอาจมีการละเว้น ไม่ดำเนินการเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตเพิ่มเติม จากสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญโญ) หรือ สมเด็จช่วง ในฐานะผู้ครอบครองรถเบนซ์ทะเบียน ขม 99 ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สรรพสามิต ซึ่งมีหลักฐานเป็นสำเนาเช็คบัญชีชื่อสมเด็จช่วง สั่งจ่ายเงิน 1 ล้านบาท เป็นค่ารถเบนซ์ให้กับภรรยาของ นายวิชาญ รัษฐปานะ เจ้าของอู่วิชาญ ประกอบด้วยเอกสารต่างๆที่บ่งชี้ว่า สมเด็จช่วง เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์และครอบครองรถเบนซ์ ขม 99 แต่กรมสรรพสามิต กลับดำเนินการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวไปยังนายวิชาญให้ชำระภาษีเป็นเงิน 6,864,000 บาท ซึ่งนายวิชาญได้ยื่นเรื่องขอคัดค้าน เพราะไม่ใช่บุคคลตามกฎหมายที่กำหนดให้ต้องไปยื่นเสียภาษี หรือต้องรับผิดชอบชำระค่าภาษี การที่กรมสรรพสามิตเรียกเก็บภาษีจากนายวิชาญ จึงอาจจะส่อว่า เพื่อหลีกเลี่ยงไม่เรียกเก็บภาษี พร้อมเบี้ยปรับจากสมเด็จช่วง ในฐานะผู้ครอบครองรถตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต มาตรา 161 (1) ใช่หรือไม่.
“ขอให้ผู้ตรวจการฯ พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงและวินิจฉัยว่ากรมสรรพสามิตและเจ้าหน้าที่มีการละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือไม่อย่างไร เพราะการที่หน่วยราชการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยเห็นว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วหาทางหลีกเลี่ยงให้ ถือว่าไม่เป็นธรรมกับสังคม” นายไพบูลย์ กล่าว.