xs
xsm
sm
md
lg

ผลงาน”รบ.ตู่”ดีทุกด้านแถลง5ชม.ก่อนโชว์ลูกคอ-โปรดเกล้าฯตั้งก.ดิจิทัลฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน360 - "ประยุทธ์" นำแถลงผลงานรัฐบาล โว 2 ปีดีขึ้นทุกด้าน ซัดการเมืองไม่มีธรรมภิบาลทำประเทศล้าหลัง ชี้ตอนนี้อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญ หากไม่ทำคนไทยจะเสียโอกาสมหาศาล เปรียบบ้านเมืองเป็นรถยนต์ทุกคนเป็นฟันเฟือง ช่วงท้ายโชว์ลูกคอ 3 เพลงรวด โปรดเกล้าฯ ตั้ง "กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม" แล้ว

วานนี้ (15 ก.ย.) บรรยากาศก่อนการแถลงผลงานรัฐบาล ในโอกาสครบรอบ 2 ปี ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผู้บัญชาการเหล่าทัพ หัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง หรือเทียบเท่า รองปลัดกระทรวง ผู้บริหารระดับสูงสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ เดินทางเข้าร่วมงาน โดยก่อนเริ่มงานในเวลา 08.00 น. รองนายกฯ ทั้ง 6 คน ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เพื่อเตรียมพร้อมสรุปผลงานให้นายกฯ รับทราบ ก่อนที่นายกฯจะเป็นผู้กล่าวเปิดแถลงผลงานรัฐบาล จากนั้นรองนายกฯ ทั้ง 6 คน นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง นายวิษณุ เครืองาม และ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กล่าวแถลงสรุปผลงานในแต่ละด้าน คนละ 15 นาที

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า สิ่งที่หายไปจากสังคมไทยมากว่า 10 ปี ซึ่งช่วงเวลาที่ผ่านมา สถานการณ์ในประเทศไทยไม่ค่อยสงบสุข การพัฒนาประเทศเป็นไปอย่างล่าช้า เศรษฐกิจไม่ได้รับการปฏิรูปทั้งระบบ เกิดความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรม เพราะการเมืองที่ไม่มีธรรมาภิบาล ไม่เคารพกฏหมาย อีกทั้งยังไม่มีแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะยาวที่ชัดเจน ทำให้ประเทศขาดทิศทางในการพัฒนา กลายเป็นปัญหาที่ทาบทับประเทศไทยมาเป็นเวลากว่า 10 ปี โดยไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม

“ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการปฏิรูปประเทศ ตามสิ่งท้าทาย และสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาของโลกศตวรรษที่ 21 เราจำเป็นต้องมีการปฏิรูปประเทศในทุกระบบ ให้ครบวงจร เพื่อไม่ให้ประเทศไทยกลายเป็นชาติที่ไร้การพัฒนา และถูกทิ้งรั้งไว้เบื้องหลัง” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

** โอ่ผลงานกระเตื้องขึ้นทุกด้าน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในห้วง 2 ปีแรกที่รัฐบาลและ คสช.เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อระยะเวลาผ่านไป ผลการทำงานของรัฐบาลเป็นที่ประจักษ์ มีผลสัมฤทธิ์ปรากฏออกมา ทำให้มุมมองและการประเมินที่หน่วยงาน องค์กรต่างๆ มีต่อประเทศไทยเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นน่าพอใจ สะท้อนผลการทำงานของรัฐบาลในทุกด้าน อาทิ ผลการประเมินความเสี่ยงด้านความไม่แน่นอนทางการเมืองดีขึ้นจากอันดับที่ 58 ในปี 57 เป็นอันดับที่ 51 ในปี 59 ซึ่งดีขึ้น 7 อันดับ ความโปร่งใสในการบริหารงานภาครัฐดีขึ้นจากอันดับที่ 57 ในปี 57 เป็นอันดับที่ 25 ในปี 59 จำนวนเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ลดลงกว่าร้อยละ 50 จำนวนคดียาเสพติด ลดลงกว่าร้อยละ 50 ผลการจัดอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชัน (CPI) เกือบ 180 ประเทศทั่วโลก ตั้งแต่ปี 56 - 58 ประเทศไทยดีขึ้นทุกๆ ปี อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 56 ก่อนที่รัฐบาลนี้ เข้ามาเราอยู่อันดับที่ 102 ปัจจุบันอยู่อันดับที่ 76 ทั้งนี้ สถาบันและองค์กรต่าง ๆ ทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ ได้ประเมินสถานการณ์คอร์รัปชันของไทย ในสายตานานาชาติ ว่าดีที่สุดในรอบ 6 ปี และมีความโปร่งใสดีที่สุดในรอบ 10 ปี รวมทั้งขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจและสังคมมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง

“ขอย้ำอีกครั้งว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ ถ้าไม่ทำวันนี้ โอกาสของประเทศไทย โอกาสของคนไทยจะสูญเสียไปอย่างมหาศาลและยากที่จะเรียกกลับคืนมาได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

** ฟุ้งทำประเทศเป็นบ้านที่แสนสุข

จากนั้นเวลา 13.30 น. หลังจากที่รองนายกฯทั้ง 6 คนได้แถลงเสร็จ นายกฯกล่าวสรุปว่า ทุกอย่างที่ทำต้องมียุทธศาสตร์ เดินสะเปะสะปะไม่ได้ โดยเรามองว่าประเทศเป็นบ้าน ทหารและตำรวจเป็นรั้ว ประชาชนเป็นผู้อยู่อาศัยเราต้องการบ้านที่แสนสุข บ้านที่ทุกคนมีความสุขมีความรักความสามัคคี มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน รัฐบาล ข้าราชการเปรียบเสมือนพ่อบ้าน ต้องทำให้ทุกคนในบ้านมีความสุขในบ้านหลังนี้ ทุกคนต้องทำตัวให้ดีไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่สร้างความขัดแย้ง ไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ ต้องเคารพกฎหมาย เหล่านี้คือธรรมาภิบาล มีคุณธรรมจริยธรรมต้องทำให้ได้

“ทุกคนคือฟันเฟือง รัฐบาลก็เป็นเหมือนพ่อบ้าน มีลูกหลายคน หรือเหมือนเป็นรถยนต์สักคัน ที่กำลังเปลี่ยนเครื่องอยู่จากรถเต่าช้าๆ จะเป็นรถสปอร์ตเร็วได้หรือไม่ ก็ต้องเปลี่ยนเครื่อง ให้กินน้ำมันน้อยลง มันต้องเปลี่ยนทั้งนั้น ทุกคนคือฟันเฟืองที่มีส่วนสำคัญในการบริหาร ขับเคลื่อนประเทศ” นายกฯกล่าว

** ครม.กินข้าวร่วมสื่อ - “บิ๊กตู่” โชว์ลูกคอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงผลงานใช้เวลาไปทั้งสิ้นประมาณ 5 ชั่วโมง จากกำหนดการเดิมที่จะเสร็จสิ้นในเวลา 12.00 น.ปรากฎว่า เลยกำหนดการไปจบในเวลา 14.00 น.โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวซักถามแต่อย่างใด จากนั้นนายกฯ และครม.ร่วมรับประทานอาหารกลาง กับผู้สื่อข่าว ที่บริเวณห้องโถงกลาง ตึกสันติไมตรี กระทั่งเวลา 14.45 พล.อ.ประยุทธ์ ได้ออกไปร้องเพลงร่วมกับผู้สื่อข่าว และวงดนตรี 3เพลง ประกอบด้วย เพลง ”หัวใจแลกเบอร์โทร” และ”เล่าสู่กันฟัง” แต่พอถึงเพลงสุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขอร้องคนเดียว โดยไม่มีผู้สื่อข่าว คือเพลง ”อยากสวย” ของนักร้องเสาวลักษณ์ ลีลาบุตร ซึ่งเมื่อร้องถึงท่อนที่ว่า ”ไม่สวยแล้วยังปากเสีย“ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เน้นให้เสียงดังมากขึ้น เป็นนัยให้กับผู้สื่อข่าว แต่เมื่อท่อนเดิมวนกลับที่รอบสอง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำท่าเอามือตบปากตัวเอง สร้างความครื้นเครงให้กับผู้ที่มาร่วมรับประทานอาหารครั้งนี้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเพลง คสช.เพลงที่ 3 ที่มีข่าวว่านายกรัฐมนตรีได้แต่งไว้แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธ "บอกยังไม่มี ยังไม่ถึงเวลา"

** 2ปี คสช.ออก กม. 187 ฉบับ

ในช่วงที่ นายวิษณุ แถลงผลงานระบุช่วงหนึ่งว่า ก่อนที่ คสช.จะเข้ามา ตั้งแต่ปี 51 - 57 มี 4 รัฐบาล แต่ออกกฎหมายได้เพียง 120 ฉบับ เฉลี่ยปีละ 17 ฉบับ เพราะสถานการณ์ไม่อำนวย แต่เมื่อเทียบกับ 2 ปีของ คสช. ตั้งแต่ ก.ย.57 - ก.ย.59 สามารถออกมาได้ถึง 187 ฉบับ อยู่ระหว่างอยู่การพิจารณาของ สนช. อีก 27 ฉบับ มีการใช้มาตรา 44 แก้ปัญหาเล็กๆ น้อยอีก 104 ฉบับ ทั้งหมดคือเครื่องมือขับเคลื่อนประเทศ อีก 1 ปีข้างหน้าจะมีกฎหมายทะลักออกมาอีก 100 กว่าฉบับ ซึ่งหลายฉบับเป็นเรื่องเกี่ยวกับการป้องกันการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ส่วนรวมของนักการเมืองและข้าราชการ.

** โปรดเกล้าฯตั้ง ก.ดิจิทัลฯแล้ว

วันเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2545 (ฉบับแก้ไข) โดยมีสาระสำคัญในการตั้ง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการวางแผน ส่งเสริม พัฒนา และดำเนินกิจการเกี่ยวกับดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม การอุตุนิยมวิทยา การสถิติ และราชการอื่นๆ ตามที่มีกฎหมายกำหนด โดยรับโอนส่วนราชการทั้งหมดในสังกัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เข้ามา แต่ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติให้โอนไปเป็นอำนาจหน้าที่ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย.
กำลังโหลดความคิดเห็น