xs
xsm
sm
md
lg

กกต.ถก กม.พรรคการเมือง บอยคอตเลือกตั้งหมดสภาพทันที

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ในวันนี้ ( 6 ก.ย.) กกต.มีนัดประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมือง เป็นที่น่าจับตามองว่าก่อนการประชุม กกต.จะมีการถกเถียงในประเด็นดังกล่าวอีกหรือไม่ และท่าทีของแต่ละฝ่ายจะเป็นอย่างไร
ส่วนร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมืองที่ กกต.จะมีการพิจารณาเพื่อนำเสนอต่อ กรธ. ภายในวันที่ 15 ก.ย.นั้น มีทั้งสิ้น 6 หมวด มีสาระสำคัญที่ แตกต่างไปจากพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ปี 50 คือ ให้ กกต.คนหนึ่งที่คณะกรรมการการเลือกตั้งเลือกทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนพรรคเมือง ไม่ใช่ประธานกกต. เป็นนายทะเบียนเหมือนในอดีต การจัดตั้งพรรคการเมืองทำเป็น 2 ขั้นตอน คือ ต้องมีคณะผู้ริเริ่ม15 คน ยื่นขอจัดตั้งพรรคการเมืองก่อน จากนั้นจึงมีการไปหาสมาชิกจากภาคต่างๆ ให้ครบ5 พันคน แล้วจึงประชุมคัดเลือกหัวหน้า และกรรมการบริหารพรรค ก่อนมาจดทะเบียนเป็นพรรคเมือง และส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งได้
การดำเนินกิจการของพรรค คณะกรรมการบริหารพรรคอาจถูกนายทะเบียนพรรคการเมือง โดยความเห็นของของกกต. สั่งให้พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ และห้ามดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองนั้นเป็นเวลา 5 ปีได้ หาก 1 . มีพ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งส.ส.แล้ว พรรคปล่อยให้ผู้สมัคร สมาชิกพรรคฝ่าฝืนรธน. กฎหมาย ระเบียบ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ยินยอมให้บุคคล ที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการครอบงำ หรือ ชี้นำการดำเนินกิจการโดยอิสระของพรรคไม่ว่าโดยทางตรงหรืออ้อม 3 เสนอนโยบายหาเสียงของพรรค โดยไม่ส่งข้อมูลการวิเคราะห์นโยบายต่อกกต.
การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ก็ให้ความสำคัญกับสาขาพรรคเป็นผู้ รายชื่อสมาชิกในจังหวัดนั้นเป็นผู้สมควรได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต แบบบัญชีรายชื่อ กรณีจังหวัดใดไม่มีสาขาพรรค แต่มีสมาชิกพรรคตั้งแต่ 200 คนขึ้นไปเป็นผู้เสนอ ถ้าพรรคการเมืองไม่ดำเนินการตามนี้ ในเขตเลือกตั้งใดก็ไม่มีสิทธิที่จะส่งผู้สมัครในเขตนั้น ซึ่งกรณีนี้บทเฉพาะกาล กำหนดยังไม่ให้นำมาใช้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะใช้ในอีก 2 ปีหลังกฎหมายใช้บังคับ
ส่วนนโยบายหาเสียงก่อนนำไปใช้ พรรคต้องจัดทำการวิเคราะห์ผลกระทบ ความคุ้มค่า ความเสี่ยงอย่างรอบด้านของนโยบายนั้นตามหลักวิชาการ และส่งข้อมูลการวิเคราะห์นโยบายต่อกกต. โดยอย่างน้อยต้องมี ที่มาของงบประมาณ ระยะเวลา ความคุ้มค่า ผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบาย การคัดเลือกบุคคลผู้สมควรเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไม่เกินสามชื่อ ในการเลือกตั้งต้องทำโดยที่ประชุมใหญ่ของพรรค
การบริจาคแก่พรรคการเมือง ก็ให้พรรคการเมืองสามารถตั้งตู้รับบริจาคได้ มีการเพิ่มจำนวนเงินภาษีที่ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรดาประจำปีประสงค์บริจาคให้พรรค จากปีละ 100 บาท เป็นปีละ 500 บาท และเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีให้กับบุคคลและนิติบุคคลที่บริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองจากเดิมที่บุคคลธรรมดาลดหย่อนไม่เกินปีละ 5 พัน นิติบุคคลไม่เกินปีละ 2 หมื่น ก็กลายเป็นบุคคลธรรมดาไม่เกิน 2 เท่าของเงินบริจาค แต่ไม่เกิน5หมื่น และนิติบุคคลไม่เกิน 2 แสน
การจัดสรรเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง ก็กำหนดเกณฑ์จัดสรรใหม่ โดยให้คิดจากจำนวนคะแนนเสียงแบบแบ่งเขตร้อยละ 60 สาขาพรรคร้อยละ 30 จำนวน สมาชิกร้อยละ 10 จากเดิมที่คิดจากจำนวนคะแนนเสียงแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีประเภทร้อยละ 40 สาขาพรรคและสมาชิกพรรคประเภทร้อยละ 10
สำหรับเหตุแห่งการสิ้นสภาพพรรคเมืองนั้น จากเดิมที่กำหนดว่า ถ้าไม่ส่ง 2 ครั้งติดต่อกัน หรือเป็นเวลา 8 ปีติดต่อกันสุดแต่ระยะเวลาใดจะยาวกว่ากันจึงจะเป็นเหตุให้สิ้นสภาพพรรคการเมือง มาเป็นถ้ามีการเลือกตั้งทั่วไปแล้วพรรคการเมืองไม่ส่งก็สิ้นสภาพเลย
ส่วนการสั่งยุบพรรค และศาลรัฐธรรมนูญอาจสั่งเพิกถอนสิทธิหัวหน้า กรรมการบริหารพรรคนั้น เหลือเพียงกรณีพรรคกระทำการล้มล้าง หรือกระทำการเป็นปฏิปักษ์ การปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองโดยวิถีทางที่มิได้เป็นตามที่บัญญัติไว้รัฐธรรมนูญเท่านั้นส่วนเหตุอื่น เช่นไม่ใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด หรือไม่รายงานการดำเนินกิจการของพรรค มีโทษเพียงนายทะเบียนพรรคการเมืองสั่งหัวหน้าพรรคพ้นจากตำแหน่ง ตัดสิทธิเป็นกรรมการบริหารพรรค 5 ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น