พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.พูดชัดเจนแล้วว่า ใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีหลังจากนี้ต้อง “สง่างาม” โดยครั้งแรกต้องมาจากพรรคการเมืองเสนอชื่อเท่านั้น แต่หากไม่ได้ถึงเอา “คนนอก”
แต่ถึงตอนนี้เขาคาดการณ์กันแล้วว่า แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งก็คือ นายกฯ ที่จะมาเป็นต่อจากพล.อ.ประยุทธ์หลังการเลือกตั้งก็คือ พล.อ.ประยุทธ์นั่นแหละ
ต้องยอมรับนะครับว่า ตอนนี้ความนิยมของพล.อ.ประยุทธ์สูงลิ่ว โพลกี่โพลแม้จะทำกันอย่างไม่ค่อยมีหลักการนักก็ออกมาเหมือนกันหมด เรียกได้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ติดลมบนไปแล้ว นั่นมาจากบุคลิกความเด็ดขาดและตรงไปตรงมาของพล.อ.ประยุทธ์นั่นแหละ และมันสะท้อนว่า สังคมกำลังเบื่อนักการเมือง เบื่อการบริหารประเทศแบบนักการเมือง
ขณะที่ลิ่วล้อของทักษิณ บอกว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกฯ ต่อต้องทำให้เห็นว่าไม่ได้มาจากคนนอก ถึงจะดูดี ถ้ายังถูกมองว่าต่อท่ออำนาจมาด้วยกลไกพิเศษ จะไม่สง่างาม ไหนๆ ร่างรัฐธรรมนูญก็ผ่านประชามติมาแล้ว ก็ควรที่จะตั้งพรรคการเมืองไปเลย แล้วลงสนามเล่นตามกติกา ถ้าชนะได้เสียงข้างมากจากประชาชน แบบนั้นทุกฝ่ายจะยอมรับ แต่ถ้าใช้กลไก ส.ว.ลากตั้งกระเตงกันไปก็จะขาดความชอบธรรม อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์พิสูจน์ตัวเองผ่านสนามเลือกตั้ง จะได้รู้กันไปเลยว่าตลอดระยะเวลาที่บริหารประเทศมาและที่จะทำต่อไปจนครบโรดแมปเป็นเวลา 4 ปี ประชาชนเขาคิดอย่างไร เพราะการทำประชามติที่ผ่านมายังไม่ได้ชี้ชัดว่าประชาชนต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ
แต่หลายคนก็เตือนว่าพล.อ.ประยุทธ์ อย่าไปหลงคารมเพราะนายทหารที่ออกมาตั้งพรรคการเมืองนั้นยากที่จะประสบความสำเร็จ แม้ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะได้รับความนิยมสูงแต่การเมืองมีปัจจัยมากกว่านั้น
ดังนั้น จึงเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกรัฐมนตรีในแบบที่เรียกว่า “เปรมโมเดล” มากกว่า
ถามว่าอย่างนี้ “สง่างาม” ไหมก็สง่างามนั่นแหละ เพราะนั่นเป็นกติกาตามรัฐธรรมนูญที่ประชาชนลงมติเห็นชอบแล้วว่า ให้เป็นไปตามนั้น ดังนั้น ไม่ว่าจะมาจากรายชื่อในตะกร้านักการเมืองหรือคนนอก หลังจากที่นักการเมืองเลือกกันเองไม่ได้แล้วก็ไม่น่ารังเกียจตรงไหน สำคัญขอให้ทำงานได้เห็นแก่ประโยชน์ของชาติมากกว่าประโยชน์ส่วนตัวก็พอ เรียกว่า นายกฯ ในวิถีทางของระบอบประชาธิปไตยเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม การเป็นนายกฯ หลังการเลือกตั้งจะแตกต่างกว่าการเป็นนายกฯ ในตอนนี้ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมีมาตรา 44 อยู่ในมือ มีกองทัพอยู่เบื้องหลังที่จะจัดการกับฝ่ายที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐด้วยอำนาจพิเศษ แต่ต่อไปก็จะต้องใช้กลไกปกติ ระบบราชการปกติ และต้องบริหารอำนาจทางการเมืองดูแลพรรคการเมืองที่เข้าร่วมเป็นพรรครัฐบาล จะต้องพบกับแรงเสียดทานทางการเมืองจากฝ่ายตรงข้าม ทั้งในสภาฯ และที่จะออกมาเคลื่อนไหวประท้วงต่างๆ นานาตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย
ใครออกมาวิพากษ์วิจารณ์จะใช้กำลังทหารไปหิ้วเขามาอบรมในค่ายทหารก็ทำไม่ได้อีกแล้ว
วันข้างหน้าถึงแม้กองทัพยังยืนข้างรัฐบาล แต่กองทัพจะออกมาแสดงบทบาทชัดแจ้งจนมีบทบาทเหนือกลไกปกติเหมือนเช่นในเวลานี้ก็ไม่ได้
ในเมื่อพล.อ.ประยุทธ์เคยเป็นข้าราชการที่เคยทำงานตามกลไกของรัฐแบบเดิมมาก่อน เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา และมาเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยอำนาจพิเศษก็น่าจะมองเห็นได้ว่ากลไกอันไหนที่เป็นอุปสรรคในการทำงาน ถ้าจะให้การบริหารงานหลังการเลือกตั้งราบรื่นพล.อ.ประยุทธ์ก็น่าจะใช้โอกาสนี้ที่ยังมีอำนาจปฏิเสธอยู่ในมือแก้ไขเสีย นั่นก็คือเสียงเรียกร้องให้ปฏิรูปประเทศในทุกๆ ด้านก่อนการเลือกตั้งนั่นแหละ ถ้าทำไม่ได้ตอนนี้ก็อย่าหวังว่าจะทำได้หลังจากนี้เลยครับ
เอาล่ะไม่กี่วันก่อนพล.อ.ประยุทธ์ พูดแล้วว่าจะทำให้การปฏิรูปการเมืองเสร็จก่อนการเลือกตั้งก็ต้องรอดูนับจากนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้ง แต่ถ้าทำไม่สำเร็จมันจะสะท้อนกลับมาที่พล.อ.ประยุทธ์เอง
อย่าไปห่วงว่าคนจะมองรัฐบาลนี้ไม่มีผลงานจึงต้องสร้างรถไฟความเร็วสูง ต้องทำเมกะโปรเจกต์แบบที่รัฐบาลทั่วไปเขาทำกัน คนเขารู้อยู่แล้วว่า รัฐบาลนี้เข้ามาในช่วงเปลี่ยนผ่านบ้านเมือง เพื่อเซ็ตกติกากันใหม่ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปบนวิถีทางที่ดีขึ้นหลังกลับมาสู่การเลือกตั้งอีกครั้ง ไม่ให้บ้านเมืองกลับไปสู่วังวนแบบเก่าทั้งการแสวงหาผลประโยชน์มิชอบของฝ่ายการเมืองจนนำมาสู่ความขัดแย้งแตกแยกของประชาชนในประเทศ
ถามว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษจะทำทำไม ไปเพิกถอนสภาพที่ดินที่เป็นป่าสงวนแห่งชาติ เขตป่าถาวร และถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับชาวบ้านใช้ร่วมกัน ไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่ทำกินแล้วเอาไปให้ต่างชาติเช่าซึ่งเป็นสิ่งที่ทักษิณคิดและอยากจะทำ
โรงไฟฟ้าถ่านหินจะทำไปทำไม เมื่อทั่วโลกเขากำลังยกเลิกการทำโรงไฟฟ้าถ่านหินเพราะพิสูจน์กันมาแล้วว่า ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมอย่างใหญ่หลวง
เรื่องพลังงานตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ลองถอยกลับมามองในฐานะประชาชนสิครับ ปีนี้ ปตท.ประกาศแล้วว่ามีกำไรเพิ่มขึ้น แต่ประชาชนใช้น้ำมันในราคาแพง ทำไมเพื่อนบ้านเขาถึงขายได้ในราคาถูกกว่าไทย แล้วปรัชญาของการก่อตั้งองค์กรของ ปตท.อยู่ตรงไหน ถ้าไม่ใช่เพื่อความมั่นคงด้านพลังงาน แต่พอเข้าตลาดหลักทรัพย์ก็เปลี่ยนเป็นความมั่นคงของผู้ถือหุ้นไป แต่เอาข้าราชการด้านพลังงานซึ่งต้องดูแลผลประโยชน์ของประเทศไปนั่งคร่อมอยู่ ในบริษัทพลังงานที่มุ่งแสวงหากำไรด้วยผลประโยชน์ที่สูงลิ่ว แล้วคิดว่าข้าราชการเหล่านั้นจะปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองหรือประเทศชาติ ประชาชน
แล้วปฏิรูปตำรวจถ้าไม่ทำตอนนี้แล้วจะทำตอนไหน ใช้อำนาจปกติแล้วจะไปเปลี่ยนแปลงแก้ไของค์กรที่มีองคาพยพใหญ่ขนาดนั้นได้หรือ เชื่อเถอะว่าถึงรัฐธรรมนูญเขียนให้ต้องทำต้องปฏิรูป แต่ถ้าไม่ใช่อำนาจพิเศษที่มีอยู่แล้วอย่าคิดฝันเลยว่ามันจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงปฏิรูปให้ดีขึ้นได้ ตอนนี้เหลืออีกปีกว่าๆ จะเลือกตั้งยังมีเวลาถ้าจะลงมือทำตั้งกรรมการลงมาปรับปรุงแก้ไขให้เป็นรูปธรรม อย่าไปหวังว่าตำรวจเขาจะปฏิรูปกันเองไม่มีทางหรอก
ลองคิดสิว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจพิเศษขนาดนี้ยังบ่นแล้วบ่นอีกว่า ทำงานเหนื่อย ตรงนี้ไม่เป็นไปตามที่คิด ตรงนั้นเดินต่อไปไม่ได้ ติดขัดไปหมด แล้ววันข้างหน้าถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีในภาวะปกติที่ไม่มีกองทัพหนุนหลังไม่มีอำนาจพิเศษ ไม่มี ม. 44 แล้วมันจะเดินหน้าไปได้หรือ แล้วจะทำงานได้มั้ยขนาดตอนนี้ยังบ่นว่าทำไม่ได้เลย
ประชาชนฝากประเทศไว้ในมือแล้ว ถ้าไม่ทำเสียตั้งแต่ยังมีอำนาจพิเศษอยู่ในมือ เมื่อเป็นนายกฯ ในภาวะปกติจะทำได้หรือ พอถึงเวลานั้นกว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว
แต่ถึงตอนนี้เขาคาดการณ์กันแล้วว่า แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งก็คือ นายกฯ ที่จะมาเป็นต่อจากพล.อ.ประยุทธ์หลังการเลือกตั้งก็คือ พล.อ.ประยุทธ์นั่นแหละ
ต้องยอมรับนะครับว่า ตอนนี้ความนิยมของพล.อ.ประยุทธ์สูงลิ่ว โพลกี่โพลแม้จะทำกันอย่างไม่ค่อยมีหลักการนักก็ออกมาเหมือนกันหมด เรียกได้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ติดลมบนไปแล้ว นั่นมาจากบุคลิกความเด็ดขาดและตรงไปตรงมาของพล.อ.ประยุทธ์นั่นแหละ และมันสะท้อนว่า สังคมกำลังเบื่อนักการเมือง เบื่อการบริหารประเทศแบบนักการเมือง
ขณะที่ลิ่วล้อของทักษิณ บอกว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกฯ ต่อต้องทำให้เห็นว่าไม่ได้มาจากคนนอก ถึงจะดูดี ถ้ายังถูกมองว่าต่อท่ออำนาจมาด้วยกลไกพิเศษ จะไม่สง่างาม ไหนๆ ร่างรัฐธรรมนูญก็ผ่านประชามติมาแล้ว ก็ควรที่จะตั้งพรรคการเมืองไปเลย แล้วลงสนามเล่นตามกติกา ถ้าชนะได้เสียงข้างมากจากประชาชน แบบนั้นทุกฝ่ายจะยอมรับ แต่ถ้าใช้กลไก ส.ว.ลากตั้งกระเตงกันไปก็จะขาดความชอบธรรม อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์พิสูจน์ตัวเองผ่านสนามเลือกตั้ง จะได้รู้กันไปเลยว่าตลอดระยะเวลาที่บริหารประเทศมาและที่จะทำต่อไปจนครบโรดแมปเป็นเวลา 4 ปี ประชาชนเขาคิดอย่างไร เพราะการทำประชามติที่ผ่านมายังไม่ได้ชี้ชัดว่าประชาชนต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ
แต่หลายคนก็เตือนว่าพล.อ.ประยุทธ์ อย่าไปหลงคารมเพราะนายทหารที่ออกมาตั้งพรรคการเมืองนั้นยากที่จะประสบความสำเร็จ แม้ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะได้รับความนิยมสูงแต่การเมืองมีปัจจัยมากกว่านั้น
ดังนั้น จึงเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกรัฐมนตรีในแบบที่เรียกว่า “เปรมโมเดล” มากกว่า
ถามว่าอย่างนี้ “สง่างาม” ไหมก็สง่างามนั่นแหละ เพราะนั่นเป็นกติกาตามรัฐธรรมนูญที่ประชาชนลงมติเห็นชอบแล้วว่า ให้เป็นไปตามนั้น ดังนั้น ไม่ว่าจะมาจากรายชื่อในตะกร้านักการเมืองหรือคนนอก หลังจากที่นักการเมืองเลือกกันเองไม่ได้แล้วก็ไม่น่ารังเกียจตรงไหน สำคัญขอให้ทำงานได้เห็นแก่ประโยชน์ของชาติมากกว่าประโยชน์ส่วนตัวก็พอ เรียกว่า นายกฯ ในวิถีทางของระบอบประชาธิปไตยเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม การเป็นนายกฯ หลังการเลือกตั้งจะแตกต่างกว่าการเป็นนายกฯ ในตอนนี้ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมีมาตรา 44 อยู่ในมือ มีกองทัพอยู่เบื้องหลังที่จะจัดการกับฝ่ายที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐด้วยอำนาจพิเศษ แต่ต่อไปก็จะต้องใช้กลไกปกติ ระบบราชการปกติ และต้องบริหารอำนาจทางการเมืองดูแลพรรคการเมืองที่เข้าร่วมเป็นพรรครัฐบาล จะต้องพบกับแรงเสียดทานทางการเมืองจากฝ่ายตรงข้าม ทั้งในสภาฯ และที่จะออกมาเคลื่อนไหวประท้วงต่างๆ นานาตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย
ใครออกมาวิพากษ์วิจารณ์จะใช้กำลังทหารไปหิ้วเขามาอบรมในค่ายทหารก็ทำไม่ได้อีกแล้ว
วันข้างหน้าถึงแม้กองทัพยังยืนข้างรัฐบาล แต่กองทัพจะออกมาแสดงบทบาทชัดแจ้งจนมีบทบาทเหนือกลไกปกติเหมือนเช่นในเวลานี้ก็ไม่ได้
ในเมื่อพล.อ.ประยุทธ์เคยเป็นข้าราชการที่เคยทำงานตามกลไกของรัฐแบบเดิมมาก่อน เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา และมาเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยอำนาจพิเศษก็น่าจะมองเห็นได้ว่ากลไกอันไหนที่เป็นอุปสรรคในการทำงาน ถ้าจะให้การบริหารงานหลังการเลือกตั้งราบรื่นพล.อ.ประยุทธ์ก็น่าจะใช้โอกาสนี้ที่ยังมีอำนาจปฏิเสธอยู่ในมือแก้ไขเสีย นั่นก็คือเสียงเรียกร้องให้ปฏิรูปประเทศในทุกๆ ด้านก่อนการเลือกตั้งนั่นแหละ ถ้าทำไม่ได้ตอนนี้ก็อย่าหวังว่าจะทำได้หลังจากนี้เลยครับ
เอาล่ะไม่กี่วันก่อนพล.อ.ประยุทธ์ พูดแล้วว่าจะทำให้การปฏิรูปการเมืองเสร็จก่อนการเลือกตั้งก็ต้องรอดูนับจากนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้ง แต่ถ้าทำไม่สำเร็จมันจะสะท้อนกลับมาที่พล.อ.ประยุทธ์เอง
อย่าไปห่วงว่าคนจะมองรัฐบาลนี้ไม่มีผลงานจึงต้องสร้างรถไฟความเร็วสูง ต้องทำเมกะโปรเจกต์แบบที่รัฐบาลทั่วไปเขาทำกัน คนเขารู้อยู่แล้วว่า รัฐบาลนี้เข้ามาในช่วงเปลี่ยนผ่านบ้านเมือง เพื่อเซ็ตกติกากันใหม่ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปบนวิถีทางที่ดีขึ้นหลังกลับมาสู่การเลือกตั้งอีกครั้ง ไม่ให้บ้านเมืองกลับไปสู่วังวนแบบเก่าทั้งการแสวงหาผลประโยชน์มิชอบของฝ่ายการเมืองจนนำมาสู่ความขัดแย้งแตกแยกของประชาชนในประเทศ
ถามว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษจะทำทำไม ไปเพิกถอนสภาพที่ดินที่เป็นป่าสงวนแห่งชาติ เขตป่าถาวร และถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับชาวบ้านใช้ร่วมกัน ไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่ทำกินแล้วเอาไปให้ต่างชาติเช่าซึ่งเป็นสิ่งที่ทักษิณคิดและอยากจะทำ
โรงไฟฟ้าถ่านหินจะทำไปทำไม เมื่อทั่วโลกเขากำลังยกเลิกการทำโรงไฟฟ้าถ่านหินเพราะพิสูจน์กันมาแล้วว่า ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมอย่างใหญ่หลวง
เรื่องพลังงานตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ลองถอยกลับมามองในฐานะประชาชนสิครับ ปีนี้ ปตท.ประกาศแล้วว่ามีกำไรเพิ่มขึ้น แต่ประชาชนใช้น้ำมันในราคาแพง ทำไมเพื่อนบ้านเขาถึงขายได้ในราคาถูกกว่าไทย แล้วปรัชญาของการก่อตั้งองค์กรของ ปตท.อยู่ตรงไหน ถ้าไม่ใช่เพื่อความมั่นคงด้านพลังงาน แต่พอเข้าตลาดหลักทรัพย์ก็เปลี่ยนเป็นความมั่นคงของผู้ถือหุ้นไป แต่เอาข้าราชการด้านพลังงานซึ่งต้องดูแลผลประโยชน์ของประเทศไปนั่งคร่อมอยู่ ในบริษัทพลังงานที่มุ่งแสวงหากำไรด้วยผลประโยชน์ที่สูงลิ่ว แล้วคิดว่าข้าราชการเหล่านั้นจะปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองหรือประเทศชาติ ประชาชน
แล้วปฏิรูปตำรวจถ้าไม่ทำตอนนี้แล้วจะทำตอนไหน ใช้อำนาจปกติแล้วจะไปเปลี่ยนแปลงแก้ไของค์กรที่มีองคาพยพใหญ่ขนาดนั้นได้หรือ เชื่อเถอะว่าถึงรัฐธรรมนูญเขียนให้ต้องทำต้องปฏิรูป แต่ถ้าไม่ใช่อำนาจพิเศษที่มีอยู่แล้วอย่าคิดฝันเลยว่ามันจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงปฏิรูปให้ดีขึ้นได้ ตอนนี้เหลืออีกปีกว่าๆ จะเลือกตั้งยังมีเวลาถ้าจะลงมือทำตั้งกรรมการลงมาปรับปรุงแก้ไขให้เป็นรูปธรรม อย่าไปหวังว่าตำรวจเขาจะปฏิรูปกันเองไม่มีทางหรอก
ลองคิดสิว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจพิเศษขนาดนี้ยังบ่นแล้วบ่นอีกว่า ทำงานเหนื่อย ตรงนี้ไม่เป็นไปตามที่คิด ตรงนั้นเดินต่อไปไม่ได้ ติดขัดไปหมด แล้ววันข้างหน้าถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีในภาวะปกติที่ไม่มีกองทัพหนุนหลังไม่มีอำนาจพิเศษ ไม่มี ม. 44 แล้วมันจะเดินหน้าไปได้หรือ แล้วจะทำงานได้มั้ยขนาดตอนนี้ยังบ่นว่าทำไม่ได้เลย
ประชาชนฝากประเทศไว้ในมือแล้ว ถ้าไม่ทำเสียตั้งแต่ยังมีอำนาจพิเศษอยู่ในมือ เมื่อเป็นนายกฯ ในภาวะปกติจะทำได้หรือ พอถึงเวลานั้นกว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว