พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดูสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วงวันสถาปนาขบวนการแนวร่วมเพื่อเอกราชแห่งปาตานี หรือ เบอร์ซาตู ในวันที่ 31 ส.ค.ว่า วันครบรอบก็มีทุกปี เราก็อย่าไปให้ความสำคัญ เราให้ความสำคัญในการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้นดีกว่า ถ้าอยากให้ดีที่สุดต้องตรวจรถทุกคันที่ผ่านด่าน แต่ก็ทำไม่ได้สักอย่าง อ้างว่าสร้างความเดือดร้อน ตรงนี้ต้องสร้างการรับรู้ใหม่ ถ้าต้องการความปลอดภัย ก็ต้องร่วมมือ และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น แต่วันนี้พอแตะอะไร ก็หาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน แล้วคนวางระเบิดแบบนั้น ละเมิดสิทธิใครหรือเปล่า
"เรื่องภาคใต้ เราทำอะไรไม่ได้สักอย่าง เรื่องมาตรการเสริม มาตรการพิเศษ ห้ามใช้ถนนก็ไม่ได้ เคอร์ฟิวก็ไม่ได้ อะไรก็ไม่ได้หมด แล้วต้องใช้ทหาร ตำรวจ ต้องเท่าไรไปเฝ้าทุกเส้นทาง มันมีกี่เส้น และมีกี่กลุ่มที่ต้องดูแล ครู นักเรียน ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ก็โดนกันหมด ซึ่งต้องไปบังคับกลุ่มคน ที่มาพูดคุยกับเรา ทำเรื่องนี้ให้มันชัดเจนขึ้น จะมีมาตรการแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร ถึงจะไปสู่กระบวนการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน ถ้ามาต่อรองด้วยการใช้ความรุนแรง ผมก็ต้องใช้กฎหมายให้เข้มข้นขึ้น ประชาชนก็เดือดร้อน ไม่มีสูตรอื่น อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่มีรายงานข่าวความเคลื่อนไหวอะไร ซึ่งฝ่ายความมั่นคงได้ติดตามอยู่แล้ว"
ส่วนที่มีข่าวว่าจะยกเครื่องข่าวกรองใหม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ข่าวกรองก็คือข่าวกรอง ต้องเข้าใจ มันจะมีข่าวทางยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี นำยุทธศาสตร์กว้างๆ มาสู่การปฏิบัติ ซึ่งข่าวที่ได้มามีหลายความน่าเชื่อถือ ต้องไปสู่กระบวนการตรวจสอบ ซึ่งเขาก็ทำอยู่ ประเด็นคือ พื้นที่กว้าง ดังนั้นมาตรการสำคัญคือ มาตรการป้องกันเชิงรุก ต้องวางกำลังป้องกันเข้มแข็ง ต่างประเทศเขาใข้มาตรการป้องกันเชิงรุก ใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ ห้ามเข้าห้ามออก รถทุกคันต้องตรวจ เขาทำแบบนั้นจึงทำได้ แต่บ้านเราทำไม่ได้ ตนไม่ได้โทษประชาชน แต่ประชาชนต้องร่วมมือ บางครั้งเกิดสถานการณ์บางพื้นที่ บางอำเภอ ไม่ได้เกิดทั้งหมด แต่กลับไปบอกว่าเกิด 4 จังหวัด ก็จะยิ่งไปกันใหญ่ เดิมเกิดหลายหมู่บ้าน แต่วันนี้ลดลงเยอะ ปัญหาคือ จะไปไล่ล่าอย่างไรในพื้นที่ มันทำไม่ได้ แต่จะต้องปิดล้อม สกัดกั้นทั้งหมดทุกเส้นทาง เพื่อไม่ให้ขยายไปที่อื่น แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะประชาชนต้องการเสรี ตรงนี้ต้องช่วยกันคิดสร้างความเข้าใจ ขอให้เข้าใจว่าเราไม่ได้รบกับชาวบ้าน แต่เราไปรบกับโจร ต้องบังคับใช้กฎหมาย อย่าให้ไปพันกับเรื่องสิทธิมนุษยชน เพราะเป็นอาชญากรรมร้ายแรง
"ใครจะรู้มากกว่าผม ซึ่งอยู่ฝ่ายความมั่นคงมาตลอดชีวิต การแก้ปัญหาภาคใต้ ก็แก้มาก่อนหน้าผม รัฐบาลที่แล้วผมก็บอกว่า การพูดคุยเป็นไปไม่ได้ที่จะได้ข้อสรุปที่เดียว ต้องทำอย่างอื่นไปด้วย ทั้งการพัฒนา และเรื่องการศึกษา ซึ่งวันนี้ผมก็ทำใหม่ทั้งหมด ทำเต็มที่ " นายกฯ กล่าว
ด้านพล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงการที่ได้ร่วมคณะของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไปเยือนประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า ยืนยันไม่มีการเลื่อนการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้วันที่ 2 ก.ย. ทุกอย่างยังเป็นไปตามกำหนดการเดิม โดยพล.อ.อักษรา เกิดผล ที่ปรึกษานายกฯ ในฐานะหัวหน้าคณะพูดคุยฯ ได้เรียนให้นายกฯ ทราบแล้ว ส่วนจะสามารถดำเนินการต่อถึงขั้นลงนามในทีโออาร์ กำหนดพื้นที่ปลอดภัยด้วยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพูดคุย
"เรื่องภาคใต้ เราทำอะไรไม่ได้สักอย่าง เรื่องมาตรการเสริม มาตรการพิเศษ ห้ามใช้ถนนก็ไม่ได้ เคอร์ฟิวก็ไม่ได้ อะไรก็ไม่ได้หมด แล้วต้องใช้ทหาร ตำรวจ ต้องเท่าไรไปเฝ้าทุกเส้นทาง มันมีกี่เส้น และมีกี่กลุ่มที่ต้องดูแล ครู นักเรียน ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ก็โดนกันหมด ซึ่งต้องไปบังคับกลุ่มคน ที่มาพูดคุยกับเรา ทำเรื่องนี้ให้มันชัดเจนขึ้น จะมีมาตรการแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร ถึงจะไปสู่กระบวนการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน ถ้ามาต่อรองด้วยการใช้ความรุนแรง ผมก็ต้องใช้กฎหมายให้เข้มข้นขึ้น ประชาชนก็เดือดร้อน ไม่มีสูตรอื่น อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่มีรายงานข่าวความเคลื่อนไหวอะไร ซึ่งฝ่ายความมั่นคงได้ติดตามอยู่แล้ว"
ส่วนที่มีข่าวว่าจะยกเครื่องข่าวกรองใหม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ข่าวกรองก็คือข่าวกรอง ต้องเข้าใจ มันจะมีข่าวทางยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี นำยุทธศาสตร์กว้างๆ มาสู่การปฏิบัติ ซึ่งข่าวที่ได้มามีหลายความน่าเชื่อถือ ต้องไปสู่กระบวนการตรวจสอบ ซึ่งเขาก็ทำอยู่ ประเด็นคือ พื้นที่กว้าง ดังนั้นมาตรการสำคัญคือ มาตรการป้องกันเชิงรุก ต้องวางกำลังป้องกันเข้มแข็ง ต่างประเทศเขาใข้มาตรการป้องกันเชิงรุก ใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ ห้ามเข้าห้ามออก รถทุกคันต้องตรวจ เขาทำแบบนั้นจึงทำได้ แต่บ้านเราทำไม่ได้ ตนไม่ได้โทษประชาชน แต่ประชาชนต้องร่วมมือ บางครั้งเกิดสถานการณ์บางพื้นที่ บางอำเภอ ไม่ได้เกิดทั้งหมด แต่กลับไปบอกว่าเกิด 4 จังหวัด ก็จะยิ่งไปกันใหญ่ เดิมเกิดหลายหมู่บ้าน แต่วันนี้ลดลงเยอะ ปัญหาคือ จะไปไล่ล่าอย่างไรในพื้นที่ มันทำไม่ได้ แต่จะต้องปิดล้อม สกัดกั้นทั้งหมดทุกเส้นทาง เพื่อไม่ให้ขยายไปที่อื่น แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะประชาชนต้องการเสรี ตรงนี้ต้องช่วยกันคิดสร้างความเข้าใจ ขอให้เข้าใจว่าเราไม่ได้รบกับชาวบ้าน แต่เราไปรบกับโจร ต้องบังคับใช้กฎหมาย อย่าให้ไปพันกับเรื่องสิทธิมนุษยชน เพราะเป็นอาชญากรรมร้ายแรง
"ใครจะรู้มากกว่าผม ซึ่งอยู่ฝ่ายความมั่นคงมาตลอดชีวิต การแก้ปัญหาภาคใต้ ก็แก้มาก่อนหน้าผม รัฐบาลที่แล้วผมก็บอกว่า การพูดคุยเป็นไปไม่ได้ที่จะได้ข้อสรุปที่เดียว ต้องทำอย่างอื่นไปด้วย ทั้งการพัฒนา และเรื่องการศึกษา ซึ่งวันนี้ผมก็ทำใหม่ทั้งหมด ทำเต็มที่ " นายกฯ กล่าว
ด้านพล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงการที่ได้ร่วมคณะของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไปเยือนประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า ยืนยันไม่มีการเลื่อนการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้วันที่ 2 ก.ย. ทุกอย่างยังเป็นไปตามกำหนดการเดิม โดยพล.อ.อักษรา เกิดผล ที่ปรึกษานายกฯ ในฐานะหัวหน้าคณะพูดคุยฯ ได้เรียนให้นายกฯ ทราบแล้ว ส่วนจะสามารถดำเนินการต่อถึงขั้นลงนามในทีโออาร์ กำหนดพื้นที่ปลอดภัยด้วยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพูดคุย