วานนี้ (30 ส.ค.) อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายเจริญ คันธวงศ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายธนา ชีรวินิจ อดีตส.ส. กทม. นางภรภัทร โชติกะสุภา ประธานสมาชิกสภาเขตพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตสมาชิกสภาเขต (สข.) หลายเขต เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหารือกรณีที่สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เสนอให้มีการแก้ไข ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับ...) พ.ศ.... โดยมีแนวคิดที่จะตัด สข.ออกทั้งหมด และเปลี่ยนรูปแบบเป็น"คณะกรรมการประชาคมเขต"แทน
นายเจริญ ได้ชี้แจงถึงเหตุผล และความจำเป็นที่ควรคง สข.ไว้ คือ 1. การแต่งตั้งคณะกรรมการประชาคมเขต แทนการเลือกตั้งสข. ขาดการยึดโยงระหว่างประชาชนกับสำนักงานเขต และฝ่ายบริหาร เนื่องจากคณะกรรมการประชาคมเขต เกิดจากกระบวนการแต่งตั้งโดยบุคคล คนเดียว 2. ทำให้ขาดกระบวนการตรวจสอบการบริหารราชการของสำนักงานเขต เพราะอำนาจหน้าที่ของ คณะกรรมการประชาคมเขต มีเพียงการให้ข้อเสนอแนะ หรือคำปรึกษา และการให้ความร่วมมือในการดำเนินการเท่านั้น 3. ระเบียบกรุงเทพมหานคร การบริหารการพัฒนากรุงเทพมหานคร ปี พ.ศ. 2538 กำหนดให้ คณะกรรมการพัฒนาเขต ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ครอบคลุมอยู่ครบถ้วนแล้ว 4. ปรับกลไกการถ่วงดุลอำนาจระหว่างประชาชน กับผู้บริหาร คือ ผู้ว่าฯกรุงเทพฯ ในกรณีที่ผู้อำนวยการเขต ละเลย ไม่ปฏิบัติตามคำร้องขอของประชาชน และ 5. ขัดต่อหลักการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ดังนั้น จึงเห็นว่า สข. เป็นตัวแทนจากเขตได้รับการเลือกตั้งใกล้ชิดประชาชน รู้ปัญหาประชาชน สามารถนำปัญหามาเสนอต่อผู้อำนวยการเขตในการแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากกว่า
ขณะที่นายธนา กล่าวว่าการเลือกตั้งสข. มีมา ตั้งแต่ปี 2533 จนถึงยุคของคสช.นี้ สข.มีอำนาจหน้าที่ ในการกำกับการทำงานของผู้อำนวยการเขต และไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงบประมาณ การตัดสข.ออก โดยให้เหตุผลว่าจะประหยัดงบประมาณ จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะความจริงก็จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการประชาคมเขตขึ้นมาแทน ซึ่งเชื่อว่า จะมีการจัดค่าตอบแทนให้อยู่ดี จึงขอให้พิจารณาถึงประโยชน์ของประชาชนชาวกรุงเทพฯ เป็นที่ตั้ง และขอวิงวอนไปยัง คสช. และครม.ให้พิจารณาทบทวนเรื่องนี้ เพื่อคงรูปแบบของ สข.ไว้ต่อไป
นายเจริญ ได้ชี้แจงถึงเหตุผล และความจำเป็นที่ควรคง สข.ไว้ คือ 1. การแต่งตั้งคณะกรรมการประชาคมเขต แทนการเลือกตั้งสข. ขาดการยึดโยงระหว่างประชาชนกับสำนักงานเขต และฝ่ายบริหาร เนื่องจากคณะกรรมการประชาคมเขต เกิดจากกระบวนการแต่งตั้งโดยบุคคล คนเดียว 2. ทำให้ขาดกระบวนการตรวจสอบการบริหารราชการของสำนักงานเขต เพราะอำนาจหน้าที่ของ คณะกรรมการประชาคมเขต มีเพียงการให้ข้อเสนอแนะ หรือคำปรึกษา และการให้ความร่วมมือในการดำเนินการเท่านั้น 3. ระเบียบกรุงเทพมหานคร การบริหารการพัฒนากรุงเทพมหานคร ปี พ.ศ. 2538 กำหนดให้ คณะกรรมการพัฒนาเขต ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ครอบคลุมอยู่ครบถ้วนแล้ว 4. ปรับกลไกการถ่วงดุลอำนาจระหว่างประชาชน กับผู้บริหาร คือ ผู้ว่าฯกรุงเทพฯ ในกรณีที่ผู้อำนวยการเขต ละเลย ไม่ปฏิบัติตามคำร้องขอของประชาชน และ 5. ขัดต่อหลักการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ดังนั้น จึงเห็นว่า สข. เป็นตัวแทนจากเขตได้รับการเลือกตั้งใกล้ชิดประชาชน รู้ปัญหาประชาชน สามารถนำปัญหามาเสนอต่อผู้อำนวยการเขตในการแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากกว่า
ขณะที่นายธนา กล่าวว่าการเลือกตั้งสข. มีมา ตั้งแต่ปี 2533 จนถึงยุคของคสช.นี้ สข.มีอำนาจหน้าที่ ในการกำกับการทำงานของผู้อำนวยการเขต และไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงบประมาณ การตัดสข.ออก โดยให้เหตุผลว่าจะประหยัดงบประมาณ จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะความจริงก็จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการประชาคมเขตขึ้นมาแทน ซึ่งเชื่อว่า จะมีการจัดค่าตอบแทนให้อยู่ดี จึงขอให้พิจารณาถึงประโยชน์ของประชาชนชาวกรุงเทพฯ เป็นที่ตั้ง และขอวิงวอนไปยัง คสช. และครม.ให้พิจารณาทบทวนเรื่องนี้ เพื่อคงรูปแบบของ สข.ไว้ต่อไป