เมื่่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (29ส.ค.) ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานก.พ. นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมายื่นหนังสือที่มีอดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ร่วมลงชื่อด้วย 18 คน ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรั กษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเรียกร้องให้เร่งปฏิรู ปตำรวจ และให้แยกหน่วยงานตำรวจที่ไม่ เกี่ยวข้องกับการรั กษาความสงบเรียบร้อย ไปสังกัดหน่วยงานอื่นภายใน1 ปี พร้อมขอใช้ ม.44 ให้อำนาจพนักงานอัยการควบคุ มการสอบสวนคดีสำคัญ โดยมีนายพันศักดิ์ เจริญ ผู้อำนวยการส่ วนประสานมวลชนและองค์กรประชาชน ( สปอ. ) รับเรื่องไว้เพื่อดำเนินการต่ อไป
นายวัชระ กล่าวว่า เพื่อให้สอดคล้องกับร่างรั ฐธรรมนูญเรื่องการตรวจสอบถ่วงดุลย์ และเป็นไปตามมติสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ขอเรียกร้องให้แยกหน่วยงานของตำรวจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาความสงบเรียบร้อย ไปสังกัดหน่วยงานอื่นภายใน 1 ปี รวมถึงขอให้ใช้ ม.44 ให้อำนาจพนักงานอัยการควบคุมการสอบสวนคดีสำคัญ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัด มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจในจังหวัด เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจังหวัด
นอจากกนี้ ขอให้นายกรัฐมนตรีสั่งการกระทรวงยุติธรรม เร่งปฏิรูประบบการสอบสวน ด้วยการออกพ.ร.บ.จัดตั้งสำนักงานสอบสวนคดีอาญา ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม คู่ขนานกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ( DSI )โดยหากรัฐบาลนี้ทำไม่สำเร็จ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะประกาศนโยบายแยกอำนาจการสอบสวนเป็นนโยบายหลัก ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
นอกจากนี้ นายวัชระ ยังกล่าวถึงกรณี นายคชพล ส่องแสง อดีตนายตำรวจสัญญาบัตร กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งถูกลงโทษทางวินัยร้ายแรงให้ กลับมาเข้ารับราชการตามเดิม เนื่องจากนายคชพลได้เข้าร้องเรียนกับตนว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากพล.ต.ท.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ขณะนั้น ให้ออกจากราชการอย่างไม่เป็นธรรม ตั้งแต่ที่ปรากฏเป็นข่าว เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 40 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 19 ปี และเคยได้ร้องเรียนกับนายกรัฐมนตรีไปแล้ว เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 57
"นายคชพล ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการพิจารณาทางวินัย กรณีมีข้อพิพาทกับอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมการข้าราชตำรวจ (ก.ตร.) ได้ลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรง กรณียื่นฟ้องพล.ต.ท.โกวิท ต่อมาศาลได้ยกฟ้องจึงถูกบทลงโทษทางวินัย ไล่ออกจากราชการตามมติก.ตร. แต่เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ได้ตอบข้อหารือกรณีฟ้องผู้บังคับบัญชา ว่า เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ไม่เป็นความผิด เว้นแต่จะเป็นความเท็จ แต่ก.ตร.ลงโทษฐาน ฟ้อง พล.ต.ท.โกวิท ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง อันเป็นความผิดตามกฎ ก.พ. มาตรา 98 วรรค 2 ซึ่งเห็นว่าเป็นการลงโทษโดยไม่ มีกฎหมายรองรับ และการกระทำไม่ เป็นความผิดนั้น ผมจึงขอส่งเรื่องอดีตข้าราชการตำรวจ ผู้ระบุว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมดังกล่าวให้ นายกรัฐมนตรี ให้ความเป็นธรรมต่อ นายคชาพล ที่มีเวลากลับเข้ารับ ราชการเหลืออีกเพียงหนึ่งปีเท่านั้น ก่อนจะเกษียณอายุ 60 ปีในปี 2560 นี้" นายวัชระ กล่าว
นายวัชระ กล่าวว่า เพื่อให้สอดคล้องกับร่างรั ฐธรรมนูญเรื่องการตรวจสอบถ่วงดุลย์ และเป็นไปตามมติสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ขอเรียกร้องให้แยกหน่วยงานของตำรวจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาความสงบเรียบร้อย ไปสังกัดหน่วยงานอื่นภายใน 1 ปี รวมถึงขอให้ใช้ ม.44 ให้อำนาจพนักงานอัยการควบคุมการสอบสวนคดีสำคัญ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัด มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจในจังหวัด เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจังหวัด
นอจากกนี้ ขอให้นายกรัฐมนตรีสั่งการกระทรวงยุติธรรม เร่งปฏิรูประบบการสอบสวน ด้วยการออกพ.ร.บ.จัดตั้งสำนักงานสอบสวนคดีอาญา ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม คู่ขนานกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ( DSI )โดยหากรัฐบาลนี้ทำไม่สำเร็จ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะประกาศนโยบายแยกอำนาจการสอบสวนเป็นนโยบายหลัก ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
นอกจากนี้ นายวัชระ ยังกล่าวถึงกรณี นายคชพล ส่องแสง อดีตนายตำรวจสัญญาบัตร กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งถูกลงโทษทางวินัยร้ายแรงให้ กลับมาเข้ารับราชการตามเดิม เนื่องจากนายคชพลได้เข้าร้องเรียนกับตนว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากพล.ต.ท.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ขณะนั้น ให้ออกจากราชการอย่างไม่เป็นธรรม ตั้งแต่ที่ปรากฏเป็นข่าว เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 40 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 19 ปี และเคยได้ร้องเรียนกับนายกรัฐมนตรีไปแล้ว เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 57
"นายคชพล ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการพิจารณาทางวินัย กรณีมีข้อพิพาทกับอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมการข้าราชตำรวจ (ก.ตร.) ได้ลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรง กรณียื่นฟ้องพล.ต.ท.โกวิท ต่อมาศาลได้ยกฟ้องจึงถูกบทลงโทษทางวินัย ไล่ออกจากราชการตามมติก.ตร. แต่เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ได้ตอบข้อหารือกรณีฟ้องผู้บังคับบัญชา ว่า เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ไม่เป็นความผิด เว้นแต่จะเป็นความเท็จ แต่ก.ตร.ลงโทษฐาน ฟ้อง พล.ต.ท.โกวิท ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง อันเป็นความผิดตามกฎ ก.พ. มาตรา 98 วรรค 2 ซึ่งเห็นว่าเป็นการลงโทษโดยไม่ มีกฎหมายรองรับ และการกระทำไม่ เป็นความผิดนั้น ผมจึงขอส่งเรื่องอดีตข้าราชการตำรวจ ผู้ระบุว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมดังกล่าวให้ นายกรัฐมนตรี ให้ความเป็นธรรมต่อ นายคชาพล ที่มีเวลากลับเข้ารับ ราชการเหลืออีกเพียงหนึ่งปีเท่านั้น ก่อนจะเกษียณอายุ 60 ปีในปี 2560 นี้" นายวัชระ กล่าว