พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด ถึงปลัดกระทรวงยุติธรรม เรื่องขอให้ดำเนินการตามข้อสั่งนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตามบันทึกสั่งการด่วนที่สุด ที่ ยธ 02007/2574 ลงวันที่ 4 เมษายน 2559 สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ขอให้ทุกส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม พิจารณาส่งรายละเอียดข้อกฎหมายที่ต้องการแก้ไข โดยการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ให้แก่สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ภายในวันศุกร์ที่ 8 เมษายน 2559 เพื่อส่งให้แก่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต่อไป
หนังสือระบุว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาแล้วเห็นว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษประสบปัญหาในการบริหารงานบุคคลอันสืบเนื่องจากกรณีที่มีการคัดเลือก การประเมินผลงานและการแต่งตั้งข้าราชการตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 และพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 จนถึงปัจจุบัน จนเป็นเหตุให้มีการดำเนินคดีในศาลปกครองและศาลอาญารวม 16 คดี ส่งผลให้ข้าราชการซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันอาจได้รับผลกระทบจนถูกเพิกถอนจากตำแหน่ง ประมาณ 300 ราย กระทบกระเทือนต่อขวัญกำลังใจในการปฏบัติหน้าที่ราชการ
"ดังนั้นจึงมีแนวคิดในการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยเสนอขอให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ตามแนวทางคำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 6/2559 เรื่องการคัดเลือกหรือการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2559 จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา หากเห็นชอบโปรดนำเสนอฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาต่อไป" หนังสือระบุ
สำหรับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 6/2559 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 เรื่อง การคัดเลือกหรือการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ระบุว่า โดยที่ในการคัดเลือกและการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ได้ดำเนินการอยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย ประกาศ และคำสั่งหลายฉบับ ซึ่งต่างมีกระบวนการและขั้นตอนที่แตกต่างกัน เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง อันจะส่งผลต่อการปฏิบัติงานในอำนาจหน้าที่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่งอันจะเป็นประโยชน์ต่องานการบริหารราชการแผ่นดินและกระบวนการยุติธรรม ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้บรรดาการคัดเลือกหรือการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 จนถึงวันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย
ข้อ 2 คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
พ.ต.อ.ไพสิฐให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอดังกล่าว ว่า ดีเอสไอมีปัญหาเรื่องภายใน โดยเฉพาะคำสั่งแต่งตั้งบุคลากรภายใน และการฟ้องร้องการเลื่อนตำแหน่ง ตั้งแต่สมัยอธิบดีคนก่อนๆ แต่ขณะนี้ยังสรุปไม่ได้ว่าจะเอาหรือไม่ ดังนั้นจึงเสนอเรื่องไปที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้กระทรวงรวบรวมปัญหาของแต่ละหน่วยงานว่าอันไหนจะเสนอหรือไม่เสนอ ก่อนส่งต่อไปยังนายกฯ
"ผมเห็นว่ามันจะมีปัญหา จึงทำเรื่องเสนอกระทรวงยุติธรรม ซึ่งกระทรวงคงจะไปพิจารณาอีกครั้งว่าปัญหาดังกล่าวควรจะใช้มาตรา 44 หรือไม่ คดีทั้งหมดเป็นคดีเก่า 16 คดี ที่มีคนยื่นฟ้องศาลปกครองและขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล เรื่องดังกล่าวจึงส่งผลให้ข้าราชการที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันอาจได้รับผลกระทบจนถูกเพิกถอนออกจากตำแหน่งประมาณ 300 คน ดังนั้นผมจึงเสนอกระทรวง เพื่อเสนอหัวหน้า คสช. ในการใช้มาตรา 44 ในการแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งดีเอสไอก็จะทำเหมือนกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่เสนอให้ใช้มาตรา 44 ในการแก้ปัญหาการแต่งตั้งบุคลากรในหน่วยงาน แต่ผมยังไม่รู้ว่ากระทรวงจะเห็นด้วยกับข้อเสนอของดีเอสไอหรือไม่" อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษระบุ
หนังสือระบุว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาแล้วเห็นว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษประสบปัญหาในการบริหารงานบุคคลอันสืบเนื่องจากกรณีที่มีการคัดเลือก การประเมินผลงานและการแต่งตั้งข้าราชการตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 และพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 จนถึงปัจจุบัน จนเป็นเหตุให้มีการดำเนินคดีในศาลปกครองและศาลอาญารวม 16 คดี ส่งผลให้ข้าราชการซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันอาจได้รับผลกระทบจนถูกเพิกถอนจากตำแหน่ง ประมาณ 300 ราย กระทบกระเทือนต่อขวัญกำลังใจในการปฏบัติหน้าที่ราชการ
"ดังนั้นจึงมีแนวคิดในการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยเสนอขอให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ตามแนวทางคำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 6/2559 เรื่องการคัดเลือกหรือการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2559 จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา หากเห็นชอบโปรดนำเสนอฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาต่อไป" หนังสือระบุ
สำหรับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 6/2559 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 เรื่อง การคัดเลือกหรือการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ระบุว่า โดยที่ในการคัดเลือกและการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ได้ดำเนินการอยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย ประกาศ และคำสั่งหลายฉบับ ซึ่งต่างมีกระบวนการและขั้นตอนที่แตกต่างกัน เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง อันจะส่งผลต่อการปฏิบัติงานในอำนาจหน้าที่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่งอันจะเป็นประโยชน์ต่องานการบริหารราชการแผ่นดินและกระบวนการยุติธรรม ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้บรรดาการคัดเลือกหรือการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 จนถึงวันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย
ข้อ 2 คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
พ.ต.อ.ไพสิฐให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอดังกล่าว ว่า ดีเอสไอมีปัญหาเรื่องภายใน โดยเฉพาะคำสั่งแต่งตั้งบุคลากรภายใน และการฟ้องร้องการเลื่อนตำแหน่ง ตั้งแต่สมัยอธิบดีคนก่อนๆ แต่ขณะนี้ยังสรุปไม่ได้ว่าจะเอาหรือไม่ ดังนั้นจึงเสนอเรื่องไปที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้กระทรวงรวบรวมปัญหาของแต่ละหน่วยงานว่าอันไหนจะเสนอหรือไม่เสนอ ก่อนส่งต่อไปยังนายกฯ
"ผมเห็นว่ามันจะมีปัญหา จึงทำเรื่องเสนอกระทรวงยุติธรรม ซึ่งกระทรวงคงจะไปพิจารณาอีกครั้งว่าปัญหาดังกล่าวควรจะใช้มาตรา 44 หรือไม่ คดีทั้งหมดเป็นคดีเก่า 16 คดี ที่มีคนยื่นฟ้องศาลปกครองและขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล เรื่องดังกล่าวจึงส่งผลให้ข้าราชการที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันอาจได้รับผลกระทบจนถูกเพิกถอนออกจากตำแหน่งประมาณ 300 คน ดังนั้นผมจึงเสนอกระทรวง เพื่อเสนอหัวหน้า คสช. ในการใช้มาตรา 44 ในการแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งดีเอสไอก็จะทำเหมือนกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่เสนอให้ใช้มาตรา 44 ในการแก้ปัญหาการแต่งตั้งบุคลากรในหน่วยงาน แต่ผมยังไม่รู้ว่ากระทรวงจะเห็นด้วยกับข้อเสนอของดีเอสไอหรือไม่" อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษระบุ
