ศาลทหารจังหวัดเพชรบุรี อนุมัติออกหมายจับ 1 ราย ผู้ต้องหาลอบวางระเบิดหัวหิน จนท.เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์เมืองปัตตานี มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 30 ราย พบวางระเบิดทั้งหมด 3 จุด เจอหลักฐานสำคัญ "วงจรระเบิด" ตัวตั้งเวลาจุดระเบิด นำไปตรวจดีเอ็นเอหาความเชื่อมโยงกับบุคคลตามข้อมูลประวัติคดีความมั่นคง "ผบ.ตร." ลงพื้นที่สั่งยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้น "บิ๊กป้อม" ย้ำเวทีพูดคุยสันติสุขจะเกิดได้ ความรุนแรงต้องสงบก่อน ชี้ยังระบุชัดไม่ได้ เป็น "บีอาร์เอ็น" หรือไม่
วานนี้ (24 ส.ค.59) เวลา 14.45 น.พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมคณะทำงานชุดคลี่คลายคดีระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้ ได้เดินทางมาที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 15 อ.เมือง จ.เพชรบุรี เพื่อยื่นขออนุมัติต่อศาลมณฑลทหารบกที่ 15 ออกหมายจับ 3 ผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิดในพื้นที่อำเภอหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังคนร้ายลอบวางระเบิดในยานบาร์เบียร์ ซอยเสละคาม หัวหิน 2 จุดในคืนวันที่ 11 ส.ค.และบริเวณหน้าหอนาฬิกาเมื่อเช้าวันที่ 12 ส.ค. ตลอดจนพยายามในการวางระเบิดเพลิงในตลาดฉัตร์ไชย์ หัวหินอีก 1 จุดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บอีกเกือบ 30 ราย ซึ่งมีทั้งชาวไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
โดยการพิจารณาใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ศาลได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 1 ราย ในข้อหาทำให้เกิดเหตุระเบิดและพยายามวางเพลิง ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ แต่ระบุว่าเป็นคนไทยและยังหนีกบดานอยู่ในประเทศไทย
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาอีก 2 รายต้องขึ้นอยู่กับหลักฐานหากมีความชัดเจนก็จะมายื่นร้องขออำนาจศาลอนุมัติอีกครั้ง ส่วนข้อมูลชื่อของผู้ที่ออกหมายจับนั้นอยู่ในสำนวนไม่สามารถให้ข้อมูลได้ พร้อมทั้งระบุผู้ก่อเหตุมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย และยืนยันว่ายังทำการสืบสวนสอบสวนอย่างต่อเนื่องแต่ต้องอาศัยเวลาเพื่อไม่ให้พลาดเพราะเป็นเรื่องของความมั่นคง
**ออกภาพสเกตช์มือบึ้มตลาดบางเนียง
ส่วนความคืบหน้ากรณีคนร้ายก่อเหตุวางเพลิงและระเบิดตลาดบางเนียง ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้รวบรวมวัตถุพยาน และพยานแวดล้อมที่พบในที่เกิดเหตุ ตรวจสอบรูปพรรณผู้ต้องสงสัยจากกล้องวงจรปิดขณะเหมารถแท็กซี่เดินทางจากหน้าตลาดนัดบางเนียง ไปเปลี่ยนรถที่สถานีรถขนส่งผู้โดยสารโคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา จนสามารถออกภาพสเกตช์ผู้ต้องสงสัย 1 ใน 3 คน ขณะซื้อตั๋วรถทัวร์สายหนึ่งเพื่อเดินทางไปยัง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
**คาร์บอมบ์!หน้ารร.ปัตตานีดับ1เจ็บ30
ส่วนความคืบหน้าเหตุระเบิดที่ จ.ปัตตานี เมื่อคืนวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมาจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่พบว่าคนร้ายลอบวางระเบิด 3 จุดในเวลาไล่เลี่ยกันช่วงเวลาประมาณ 22.40 น.เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 30 ราย ในจำนวนนี้สาหัส 5 ราย และเกิดเพลิงไหม้ทำให้ร้านค้า ห้องอาหารคาราโอเกะ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ได้รับความเสียหายจำนวนมาก โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว และยังคงตรึงกำลังเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างเข้มงวด
สำหรับจุดเกิดเหตุที่คนร้ายลอบวางระเบิด จุดแรกคือบริเวณห้องน้ำในผับ ข้างโรงแรมเซาเทิร์นวิว ม.3 ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี จุดที่ 2 เป็นระเบิดคาร์บอมบ์ โดยคนร้ายได้นำรถยนต์อีซูซุ ทะเบียน กจ 1381 ปัตตานี หมายเลขเครื่อง 4JK1LT0578 หมายเลขตัวถัง MP1TFR86JET014764 มาจอดไว้ด้านหน้าผับข้างโรงแรมเซาเทิร์นวิว ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ น.ส.อรพรรณ ศรีเรือนหัด อายุ 35 ปี พนักงานห้องอาหาร และบาดเจ็บอีก 30 ราย จุดที่ 3 บริเวณถังขยะตลาดนัด ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จุดนี้ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าวานนี้ พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ วังสุภา ผบก.ภ.จ.ปัตตานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาวัตถุพยาน และพบหลักฐานสำคัญคือวงจรระเบิด ซึ่งเป็นตัวตั้งเวลาจุดระเบิด รวมไปถึงชิ้นส่วนระเบิดถังแก๊สขนาด 15 กิโลกรัม จึงได้รวบรวมเพื่อนำไปตรวจดีเอ็นเอหาความเชื่อมโยงกับบุคคลตามข้อมูลประวัติคดีความมั่นคง
ส่วนรถคันที่คนร้ายนำมาก่อเหตุนั้นเป็นรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ ทะเบียน กจ 1381 ปัตตานี ซึ่งเป็นรถให้บริการผู้ป่วยของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปะกาฮารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี และได้มีการเชิญเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบรถคันดังกล่าวมาสอบปากคำ จำนวน 4 คน เบื้องต้นทราบว่ารถได้นำมาจอดไว้หน้าบ้านพักของประธาน อสม. เพื่อเตรียมให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ แต่ปรากฏว่า ในช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. คนร้ายได้เข้ามาขโมยไป ก่อนจะรู้อีกทีก็เกิดระเบิดขึ้นดังกล่าว
สำหรับความเสียหายหลังเกิดเหตุนั้นทางผู้บริหารของโรงแรมต้องแจ้งปิดให้บริการโดยไม่มีกำหนด เนื่องจากสภาพจากแรงระเบิดทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก ทั้งตัวอาคาร อุปกรณ์ต่างๆ เอกสาร รวมทั้งขวัญกำลังใจพนักงานของโรงแรม นอกจากนี้ ยังทำให้อาคารพาณิชย์ที่อยู่หน้าโรงแรม และเปิดเป็นร้านค้าอีก 1 หลัง ได้รับความเสียหายจนต้องหยุดกิจการด้วยเช่นกัน
**ประณามมือบึ้มหน้าโรงแรมเซาเทิร์นวิวปัตตานี
ด้าน พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้กล่าวแถลงต่อสื่อมวลชนถึงเหตุระเบิดว่า เหตุระเบิดดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 29 ราย ซึ่งผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตมีทั้งเด็ก และผู้หญิง รวมทั้งมีพี่น้องชาวไทยมุสลิมหลายราย ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์
จากการตรวจสอบพบว่า รถที่คนร้ายนำมาก่อเหตุระเบิดรถยนต์จุดที่ 2 เป็นรถพยาบาลของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปะกาฮารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี ซึ่งขโมยมาจากหน้าบ้านของพนักงานขับรถ ซึ่งจอดอยู่หน้าบ้านพัก แล้วมาใช้ในการก่อเหตุเพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ ถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายรับไม่ได้ เพราะรถพยาบาลถือเป็นสัญลักษณ์ของการช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ แต่กลับถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงนำมาเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด
"การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่มีเป้าหมายในการทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งมีทั้งเด็ก และผู้หญิง รวมทั้งพี่น้องชาวไทยพุทธ และมุสลิม ซึ่งการกระทำในครั้งนี้ถือเป็นการกระทำที่สุดโต่ง ไร้ซึ่งมนุษยธรรม หวังเพียงเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มตนเอง โดยมิได้คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ ถือเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน"
**ผบ.ตร.สั่งยกระดับความปลอดภัยชายแดนใต้
เวลา 12.00 น.ที่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ไปติดตามเหตุการณ์ลอบวางระเบิด 3 จุดในพื้นที่ จ.ปัตตานี เพื่อรับทราบความคืบหน้าคดี และวางมาตรการรักษาความปลอดภัย พร้อมกับเปิดเผยว่า จะต้องเพิ่มมาตรการเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพิ่มขึ้น รวมทั้งเร่งสืบสวนไปยังกลุ่มผู้ก่อเหตุ และรถที่นำมาก่อเหตุ ซึ่งเป็นรถของทางการ ส่วนเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นจะเชื่อมโยง และเป็นการก่อเหตุต่อเนื่องกับเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบนหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถระบุได้ ส่วนจะเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ก่อนการเจรจาสันติสุขหรือไม่นั้นก็บอกไม่ได้เช่นกัน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องระดับรัฐบาล
ส่วนความคืบหน้าเหตุระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้นั้น ในวันนี้อาจจะสามารถออกหมายจับคนร้ายได้อย่างน้อย 1-2 รายในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยคดีนี้เจ้าหน้าที่รู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้ว รวมทั้งความเชื่อมโยงของเหตุการณ์ทุกขั้นตอน และแผนการทั้งหมด ส่วนเป้าหมายของการก่อเหตุจะเกี่ยวข้องต่อการเมือง หรือการสร้างสถานการณ์ยังไม่สามารถบอกได้
** "บิ๊กป้อม"ยันไม่มีทีโออาร์สันติสุขใต้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงเหตุคาร์บอมบ์ 3 จุด ที่โรงแรมเซาธ์เทิร์นวิว ในตัวเมือง จ.ปัตตานี เมื่อกลางดึกวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ลงพื้นที่ไปดู ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีระเบิด 2 ลูก ลูกหนึ่งใกล้ผับ ไม่มีคนเสียชีวิต เป็นการระเบิดที่ดึงความสนใจ และเอาคาร์บอมบ์ มาจอดทิ้งไว้ อีก 10 นาทีต่อมา ก็เกิดเหตุระเบิดครั้งที่ 2 มีคนเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 29 คน
"เรื่องของการพูดคุยสันติสุข ยังไม่ก้าวหน้าหรืออย่างไร ผมก็ไม่ทราบ แต่ก็ต้องพูดคุยกันต่อไป ซึ่งต้องถามทาง พล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุข ดูอีกครั้ง แต่ความจริงเรื่องนี้ มันต้องรอให้สถานการณ์สงบ แล้วค่อยมาพูดคุยเจรจากัน ไม่ว่าจะในรอบ หรือนอกรอบ ก็ตาม"
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเป็นการกดดันทีมพูดคุยสันติสุขหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ยังไม่รู้ เพราะเท่าที่คุยกับ พล.อ.อักษรา ก็ยังไม่มีการคุยเรื่องกดดันหรือเรื่องอะไรต่างๆ เมื่อถามว่าเมื่อเกิดเหตุแบบนี้ จะทำให้การพูดคุยต้องหยุดไปก่อนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องคุยกับ พล.อ.อักษรา อีกครั้ง ว่าเขาจะคุยกันอย่างไร ส่วนกระแสข่าวจะมีการตกลงทีโออาร์กันนั้น ตนยืนยันว่า ไม่มี ทีโออาร์หรอก
"แนวทางตอนนี้ก็คือทำคู่ขนานกันไป ระหว่างเจรจากับหยุดเหตุการณ์ ซึ่งก็ต้องทำให้สงบเสียก่อน ถึงจะมาว่ากัน ถึงจะมากำหนดทีโออาร์กันได้ และที่สำคัญต้องคุมทุกพื้นที่ได้ ว่าไม่มีอะไรก่อน จึงค่อยเดินหน้าพูดคุย" พล.อ.ประวิตร กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังบอกไม่ได้ใช่หรือไม่ว่า เป็นการกระทำของ กลุ่มบีอาร์เอ็น หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังบอกไม่ได้ เพราะอีกพวกบอก ใช่ แต่อีกพวกบอก ไม่ใช่
ด้านพล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุข เปิดเผยว่า การพูดคุยสันติสุข ยังคงเดินหน้าต่อไป เพราะถือเป็นแนวทางสันติวิธีที่ทั่วโลกให้การยอมรับและสนับสนุน ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นตนมองว่าเป็นเรื่องที่เขาพยายามใช้ความรุนแรงมากดดันให้เกิดการพูดคุย แต่เราก็ยืนยันมาตลอดว่า ถ้ายิ่งมาใช้ความรุนแรง ก็ไม่ใช่แนวทางของคณะพูดคุยอยู่แล้ว
ส่วนกำหนดการที่ชัดเจนที่จะพูดคุยกันนั้น พล.อ.อัษรา กล่าวว่า จะเป็นเมื่อไร ยังไม่ชัดเจน ต้องรอให้นายกฯ ดูให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งทาง สมช. จะเป็นผู้กำหนด
วานนี้ (24 ส.ค.59) เวลา 14.45 น.พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมคณะทำงานชุดคลี่คลายคดีระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้ ได้เดินทางมาที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 15 อ.เมือง จ.เพชรบุรี เพื่อยื่นขออนุมัติต่อศาลมณฑลทหารบกที่ 15 ออกหมายจับ 3 ผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิดในพื้นที่อำเภอหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังคนร้ายลอบวางระเบิดในยานบาร์เบียร์ ซอยเสละคาม หัวหิน 2 จุดในคืนวันที่ 11 ส.ค.และบริเวณหน้าหอนาฬิกาเมื่อเช้าวันที่ 12 ส.ค. ตลอดจนพยายามในการวางระเบิดเพลิงในตลาดฉัตร์ไชย์ หัวหินอีก 1 จุดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บอีกเกือบ 30 ราย ซึ่งมีทั้งชาวไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
โดยการพิจารณาใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ศาลได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 1 ราย ในข้อหาทำให้เกิดเหตุระเบิดและพยายามวางเพลิง ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ แต่ระบุว่าเป็นคนไทยและยังหนีกบดานอยู่ในประเทศไทย
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาอีก 2 รายต้องขึ้นอยู่กับหลักฐานหากมีความชัดเจนก็จะมายื่นร้องขออำนาจศาลอนุมัติอีกครั้ง ส่วนข้อมูลชื่อของผู้ที่ออกหมายจับนั้นอยู่ในสำนวนไม่สามารถให้ข้อมูลได้ พร้อมทั้งระบุผู้ก่อเหตุมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย และยืนยันว่ายังทำการสืบสวนสอบสวนอย่างต่อเนื่องแต่ต้องอาศัยเวลาเพื่อไม่ให้พลาดเพราะเป็นเรื่องของความมั่นคง
**ออกภาพสเกตช์มือบึ้มตลาดบางเนียง
ส่วนความคืบหน้ากรณีคนร้ายก่อเหตุวางเพลิงและระเบิดตลาดบางเนียง ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้รวบรวมวัตถุพยาน และพยานแวดล้อมที่พบในที่เกิดเหตุ ตรวจสอบรูปพรรณผู้ต้องสงสัยจากกล้องวงจรปิดขณะเหมารถแท็กซี่เดินทางจากหน้าตลาดนัดบางเนียง ไปเปลี่ยนรถที่สถานีรถขนส่งผู้โดยสารโคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา จนสามารถออกภาพสเกตช์ผู้ต้องสงสัย 1 ใน 3 คน ขณะซื้อตั๋วรถทัวร์สายหนึ่งเพื่อเดินทางไปยัง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
**คาร์บอมบ์!หน้ารร.ปัตตานีดับ1เจ็บ30
ส่วนความคืบหน้าเหตุระเบิดที่ จ.ปัตตานี เมื่อคืนวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมาจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่พบว่าคนร้ายลอบวางระเบิด 3 จุดในเวลาไล่เลี่ยกันช่วงเวลาประมาณ 22.40 น.เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 30 ราย ในจำนวนนี้สาหัส 5 ราย และเกิดเพลิงไหม้ทำให้ร้านค้า ห้องอาหารคาราโอเกะ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ได้รับความเสียหายจำนวนมาก โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว และยังคงตรึงกำลังเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างเข้มงวด
สำหรับจุดเกิดเหตุที่คนร้ายลอบวางระเบิด จุดแรกคือบริเวณห้องน้ำในผับ ข้างโรงแรมเซาเทิร์นวิว ม.3 ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี จุดที่ 2 เป็นระเบิดคาร์บอมบ์ โดยคนร้ายได้นำรถยนต์อีซูซุ ทะเบียน กจ 1381 ปัตตานี หมายเลขเครื่อง 4JK1LT0578 หมายเลขตัวถัง MP1TFR86JET014764 มาจอดไว้ด้านหน้าผับข้างโรงแรมเซาเทิร์นวิว ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ น.ส.อรพรรณ ศรีเรือนหัด อายุ 35 ปี พนักงานห้องอาหาร และบาดเจ็บอีก 30 ราย จุดที่ 3 บริเวณถังขยะตลาดนัด ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จุดนี้ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าวานนี้ พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ วังสุภา ผบก.ภ.จ.ปัตตานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาวัตถุพยาน และพบหลักฐานสำคัญคือวงจรระเบิด ซึ่งเป็นตัวตั้งเวลาจุดระเบิด รวมไปถึงชิ้นส่วนระเบิดถังแก๊สขนาด 15 กิโลกรัม จึงได้รวบรวมเพื่อนำไปตรวจดีเอ็นเอหาความเชื่อมโยงกับบุคคลตามข้อมูลประวัติคดีความมั่นคง
ส่วนรถคันที่คนร้ายนำมาก่อเหตุนั้นเป็นรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ ทะเบียน กจ 1381 ปัตตานี ซึ่งเป็นรถให้บริการผู้ป่วยของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปะกาฮารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี และได้มีการเชิญเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบรถคันดังกล่าวมาสอบปากคำ จำนวน 4 คน เบื้องต้นทราบว่ารถได้นำมาจอดไว้หน้าบ้านพักของประธาน อสม. เพื่อเตรียมให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ แต่ปรากฏว่า ในช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. คนร้ายได้เข้ามาขโมยไป ก่อนจะรู้อีกทีก็เกิดระเบิดขึ้นดังกล่าว
สำหรับความเสียหายหลังเกิดเหตุนั้นทางผู้บริหารของโรงแรมต้องแจ้งปิดให้บริการโดยไม่มีกำหนด เนื่องจากสภาพจากแรงระเบิดทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก ทั้งตัวอาคาร อุปกรณ์ต่างๆ เอกสาร รวมทั้งขวัญกำลังใจพนักงานของโรงแรม นอกจากนี้ ยังทำให้อาคารพาณิชย์ที่อยู่หน้าโรงแรม และเปิดเป็นร้านค้าอีก 1 หลัง ได้รับความเสียหายจนต้องหยุดกิจการด้วยเช่นกัน
**ประณามมือบึ้มหน้าโรงแรมเซาเทิร์นวิวปัตตานี
ด้าน พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้กล่าวแถลงต่อสื่อมวลชนถึงเหตุระเบิดว่า เหตุระเบิดดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 29 ราย ซึ่งผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตมีทั้งเด็ก และผู้หญิง รวมทั้งมีพี่น้องชาวไทยมุสลิมหลายราย ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์
จากการตรวจสอบพบว่า รถที่คนร้ายนำมาก่อเหตุระเบิดรถยนต์จุดที่ 2 เป็นรถพยาบาลของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปะกาฮารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี ซึ่งขโมยมาจากหน้าบ้านของพนักงานขับรถ ซึ่งจอดอยู่หน้าบ้านพัก แล้วมาใช้ในการก่อเหตุเพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ ถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายรับไม่ได้ เพราะรถพยาบาลถือเป็นสัญลักษณ์ของการช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ แต่กลับถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงนำมาเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด
"การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่มีเป้าหมายในการทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งมีทั้งเด็ก และผู้หญิง รวมทั้งพี่น้องชาวไทยพุทธ และมุสลิม ซึ่งการกระทำในครั้งนี้ถือเป็นการกระทำที่สุดโต่ง ไร้ซึ่งมนุษยธรรม หวังเพียงเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มตนเอง โดยมิได้คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ ถือเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน"
**ผบ.ตร.สั่งยกระดับความปลอดภัยชายแดนใต้
เวลา 12.00 น.ที่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ไปติดตามเหตุการณ์ลอบวางระเบิด 3 จุดในพื้นที่ จ.ปัตตานี เพื่อรับทราบความคืบหน้าคดี และวางมาตรการรักษาความปลอดภัย พร้อมกับเปิดเผยว่า จะต้องเพิ่มมาตรการเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพิ่มขึ้น รวมทั้งเร่งสืบสวนไปยังกลุ่มผู้ก่อเหตุ และรถที่นำมาก่อเหตุ ซึ่งเป็นรถของทางการ ส่วนเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นจะเชื่อมโยง และเป็นการก่อเหตุต่อเนื่องกับเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบนหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถระบุได้ ส่วนจะเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ก่อนการเจรจาสันติสุขหรือไม่นั้นก็บอกไม่ได้เช่นกัน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องระดับรัฐบาล
ส่วนความคืบหน้าเหตุระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้นั้น ในวันนี้อาจจะสามารถออกหมายจับคนร้ายได้อย่างน้อย 1-2 รายในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยคดีนี้เจ้าหน้าที่รู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้ว รวมทั้งความเชื่อมโยงของเหตุการณ์ทุกขั้นตอน และแผนการทั้งหมด ส่วนเป้าหมายของการก่อเหตุจะเกี่ยวข้องต่อการเมือง หรือการสร้างสถานการณ์ยังไม่สามารถบอกได้
** "บิ๊กป้อม"ยันไม่มีทีโออาร์สันติสุขใต้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงเหตุคาร์บอมบ์ 3 จุด ที่โรงแรมเซาธ์เทิร์นวิว ในตัวเมือง จ.ปัตตานี เมื่อกลางดึกวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ลงพื้นที่ไปดู ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีระเบิด 2 ลูก ลูกหนึ่งใกล้ผับ ไม่มีคนเสียชีวิต เป็นการระเบิดที่ดึงความสนใจ และเอาคาร์บอมบ์ มาจอดทิ้งไว้ อีก 10 นาทีต่อมา ก็เกิดเหตุระเบิดครั้งที่ 2 มีคนเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 29 คน
"เรื่องของการพูดคุยสันติสุข ยังไม่ก้าวหน้าหรืออย่างไร ผมก็ไม่ทราบ แต่ก็ต้องพูดคุยกันต่อไป ซึ่งต้องถามทาง พล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุข ดูอีกครั้ง แต่ความจริงเรื่องนี้ มันต้องรอให้สถานการณ์สงบ แล้วค่อยมาพูดคุยเจรจากัน ไม่ว่าจะในรอบ หรือนอกรอบ ก็ตาม"
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเป็นการกดดันทีมพูดคุยสันติสุขหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ยังไม่รู้ เพราะเท่าที่คุยกับ พล.อ.อักษรา ก็ยังไม่มีการคุยเรื่องกดดันหรือเรื่องอะไรต่างๆ เมื่อถามว่าเมื่อเกิดเหตุแบบนี้ จะทำให้การพูดคุยต้องหยุดไปก่อนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องคุยกับ พล.อ.อักษรา อีกครั้ง ว่าเขาจะคุยกันอย่างไร ส่วนกระแสข่าวจะมีการตกลงทีโออาร์กันนั้น ตนยืนยันว่า ไม่มี ทีโออาร์หรอก
"แนวทางตอนนี้ก็คือทำคู่ขนานกันไป ระหว่างเจรจากับหยุดเหตุการณ์ ซึ่งก็ต้องทำให้สงบเสียก่อน ถึงจะมาว่ากัน ถึงจะมากำหนดทีโออาร์กันได้ และที่สำคัญต้องคุมทุกพื้นที่ได้ ว่าไม่มีอะไรก่อน จึงค่อยเดินหน้าพูดคุย" พล.อ.ประวิตร กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังบอกไม่ได้ใช่หรือไม่ว่า เป็นการกระทำของ กลุ่มบีอาร์เอ็น หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังบอกไม่ได้ เพราะอีกพวกบอก ใช่ แต่อีกพวกบอก ไม่ใช่
ด้านพล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุข เปิดเผยว่า การพูดคุยสันติสุข ยังคงเดินหน้าต่อไป เพราะถือเป็นแนวทางสันติวิธีที่ทั่วโลกให้การยอมรับและสนับสนุน ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นตนมองว่าเป็นเรื่องที่เขาพยายามใช้ความรุนแรงมากดดันให้เกิดการพูดคุย แต่เราก็ยืนยันมาตลอดว่า ถ้ายิ่งมาใช้ความรุนแรง ก็ไม่ใช่แนวทางของคณะพูดคุยอยู่แล้ว
ส่วนกำหนดการที่ชัดเจนที่จะพูดคุยกันนั้น พล.อ.อัษรา กล่าวว่า จะเป็นเมื่อไร ยังไม่ชัดเจน ต้องรอให้นายกฯ ดูให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งทาง สมช. จะเป็นผู้กำหนด