อาจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
สาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
สาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ช่วงสองสามวันมานี้ ประชาไทเป็นข่าวว่ารับเงินมาจากต่างประเทศ โดยที่นายเทพชัย หย่อง กรรมการ
บริหารเครือเนชั่น (Facebook: Thepchai Yong) กล่าวว่าประชาไทได้เงินจาก “จอร์จ โซรอส” อภิมหาเศรษฐีพ่อมดการเงินโลกผู้โจมตีค่าเงินบาทของไทยจนเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง นางสาวจีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการประชาไท ให้ข่าวว่าประชาไทได้รับเงินสนับสนุนปีละ 1.7 ล้านบาท จาก Open Society Foundation ของโซรอส จริง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ (Facebook: Jessada Denduangboripant) ได้กล่าวว่ามีแต่คนเพ่งเล็งประชาไท ทำไมไม่ไปเพ่งเล็ง สสส บ้าง “นอกจากนี้ ประชาไทก็รับทุน สสส. ทุกปี สสส. เป็นองค์กรของ establishment เลยทีเดียว ทำไมไม่พูดถึงบ้าง องค์กรที่รับทุนโซรอสมาบ่อนทำลายชาติ แต่ในขณะเดียว สสส. ก็ให้ทุนเนี่ยนะ คราวนี้ สื่ออย่าง The Nation นี่ก็ไปอ้างข่าวจากสำนักข่าวที่ไม่มีตัวตนอย่าง New Atlas มาโจมตีองค์กรที่มีตัวตน เป็นมูลนิธิจดทะเบียนภายใต้กฎหมายไทยอย่าง ประชาไทและไทยเน็ต”
เช่นเดียวกันกับ ใบตองแห้ง (Facebook: Atukkit Sawangsuk) ก็ยืนยันเช่นกันว่าประชาไทได้รับเงินจาก สสส เช่นกัน
เรื่องนี้ไม่น่าแปลกใจอะไร เช่นเดียวกันกับจุดยืนทางการเมืองของประชาไท ซึ่งเคยมีปัญหามากจนกระทั่ง เว็บบอร์ดประชาไทต้องปิดตัวลงเมื่อ 31 กรกฎาคม 2553 เพราะถูกข้อกล่าวหา “เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ” ด้วย พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์, พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน และกฎหมายอาญามาตรา 112
ประชาไททั้งก่อตั้งโดยแนวคิดของ จอน อึ๊งภากรณ์ โดยเริ่มต้นในชื่อ “โครงการวารสารข่าวทางอินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษาและสุขภาวะของชุมชน” เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2547 โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมสุขภาพ (สสส.) และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ในภายหลังยังได้รับเงินอุดหนุนเพิ่มเติมจากมูลนิธิร็อกเกอะเฟลเลอร์ ภายหลังได้จดทะเบียนเป็น “มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน” โดยมีคณะกรรมการดำเนินงานดังรายนามต่อไปนี้
๕.๑ นายเกษม ศิริสัมพันธ์ ประธานกรรมการ
๕.๒ นายรุจน์ โกมลบุตร รองประธานกรรมการ
๕.๓ นายจำนงค์ จิตรนิรัตน์ กรรมการ
๕.๔ นายนิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการ
๕.๕ นางสาวสารี อ๋องสมหวัง กรรมการและเหรัญญิก
๕.๖ นายจอน อึ๊งภากรณ์ กรรมการและเลขาธิการ
เลขทะเบียน ลำดับที่ กท ๑๕๐๙ ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๔๙
ทั้งนี้ จอน อึ๊งภากรณ์ เคยนำการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ที่ปรึกษากลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพและอดีตกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งเป็นแนวทางและพันธมิตรชิดใกล้กับทั้ง สสส และ สปสช หรือสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สองหลักใหญ่ของตระกูล ส โดยที่ สสส เป็นเสมือนเสบียงกรังของ NGO และเป็นพลาธิการของตระกูล ส ในขณะที่ สปสช เปรียบเสมือนทัพหลวงตระกูล ส ใน ยุทธการสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขาเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยสู่สังคมแนวราบตามแนวคิดของนายแพทย์ประเวศ วะสี
ส่วนนางสาวสารี อ่องสมหวัง ผู้ร่วมก่อตั้งประชาไท เป็นกรรมการคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (พ.ศ. 2557-2558) กรรมการคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข (พ.ศ. 2546-2549) ของ สปสช กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (พ.ศ. 2549) เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (พ.ศ. 2551) และ เลขาธิการสหพันธ์คุ้มครองผู้บริโภค (พ.ศ. 2555) และมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเองก็ได้เงินจากทั้ง สสส และ สปสช ไปมากมาย โดยที่กรรมการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคต่างก็ดำรงตำแหน่งใน สสส และ สปสช ด้วย อาจจะกล่าวได้ว่าเป็น NGO ตระกูล ส เต็มตัว
อันที่จริงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรที่ ทาง สสส ใช้เงินโฆษณาซื้อสื่อโฆษณาเป็นจำนวนมาก และอุดหนุนหรือสนับสนุนโครงการของสำนักข่าวต่างๆ เป็นจำนวนมาก สำนักข่าวอิศรา เองก็ได้เงินไปจาก สสส เกือบหนึ่งร้อยล้านบาท และ สสส เองก็ตกเป็นข่าวฉาวโฉ่เรื่องการใช้เงินผิดประเภทและการขัดกันแห่งผลประโยชน์จนนายกรัฐมนตรีต้องลงนามในคำสั่งมาตรา 44 ปลดกรรมการบอร์ด สสส ไปถึง 7 คนมาแล้ว
ตระกูล ส นั้นนอกจากจะเก่งกาจเรื่องการสื่อสารมวลชนมีสายสัมพันธ์อันดียิ่งกับนักข่าวต่างๆ สำนักข่าวต่างๆ แล้วยังมีความสามารถพิเศษในการเข้าหาได้ทุกพรรค รักได้ทุกคน เพื่อผลประโยชน์มาเสมอมา
สปสช นั้นก็เกิดขึ้นมาได้เพราะนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร โดยมีนายแพทย์ประเวศ วะสีเป็นคนผลักดัน ร่วมกับนายแพทย์สงวน นิตยารัมพงศ์ และมีนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และ นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นกาวใจประสานใจให้กับนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร
ใบตองแห้งได้เขียนไว้ว่า
รัฐประหาร 2549 ที่แพทย์ตระกูล ส. ได้อำนาจเบ็ดเสร็จ หมอมงคล ณ สงขลา เป็นรัฐมนตรี หมอวิชัย โชควิวัฒน เป็นประธานบอร์ดองค์การเภสัช ร่วมกับหมอสงวน นิตยารัมภ์พงศ์ เลขาธิการ สปสช.ทำ CL หักคอบริษัทข้ามชาติจนยาละลายลิ่มเลือดเม็ดละ 80 บาทเหลือ 1.50 บาท ประกาศคุณงามความดีของการ "ร่วมมือกับรัฐประหาร จนถึงวันนี้
นี่คือวิถีแพทย์ตระกูล ส. เครือข่ายหมอประเวศ วะสี ซึ่งรวบรวมแพทย์ชนบทผู้มีอุดมการณ์ตั้งแต่ยุค 14 ตุลา มารวมกลุ่ม "หมอสามพราน" วางยุทธศาสตร์สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา เอากับอำนาจทุกขั้ว ไม่สนว่าเลือกตั้งหรือรัฐประหาร ขอเพียงได้สร้างองค์กรขับเคลื่อนสุขภาพนอกระบบราชการ (ซึ่งก็ทำให้ขัดแย้งกับข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข)
ตั้งแต่ยุคอานันท์ก็ได้สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ยุคชวนได้ สสส.ภาษีบาป 2% เป็น "ท่อน้ำเลี้ยง" สร้างเครือข่ายใหญ่โต เลี้ยงไปถึง NGO และสื่อ (สถาบันอิศราได้งบ 8 ปี เกือบ 100 ล้าน) ยุคทักษิณได้ 30 บาทรักษาทุกโรค ยุค พล.อ.สุรยุทธ์ได้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ และได้ไทยพีบีเอสแถมพก
ดังนั้นอย่าได้สงสัยเลยว่า ตระกูล ส และ สสส และ ประชาไท มีรากเหง้ามาจากที่เดียวกัน มีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันลึกซึ้ง โดยมีนายแพทย์ประเวศ วะสีเป็นหัวเรือใหญ่ตระกูล ส ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างนายแพทย์ประเวศ วะสี กับนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร เป็นไปอย่างราบรื่นหวานชื่นเพียงใด โปรดอ่านได้จากจดหมายฉบับนี้ http://www.komchadluek.net/news/politic/33490 หรือ http://www.siamintelligence.com/thaksin-is-a-force-of-transformation/