xs
xsm
sm
md
lg

ระเบิดที่สั่นคลอนสถาบันหลักของชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“หนึ่งความคิด”
โดย “สุรวิชช์ วีรวรรณ”


การก่อวินาศกรรมวางระเบิดและเผาใน 7 จังหวัดภาคใต้ เป็นสัญญาณของความรุนแรงที่เริ่มก่อตัวขึ้นนับจากนี้ประเทศไทยจะไม่มีวันสงบเหมือนที่ใครบางคนเคยพูดเอาไว้

มีการวิเคราะห์กันไปต่างๆ นานาถึงสาเหตุของการก่อวินาศกรรมครั้งนี้ เดิมทีผมคิดไปว่าน่าจะเป็นเหตุจากความรุนแรงทางใต้ที่ต้องการแสดงแสนยานุภาพให้เห็นว่า พวกเขาสามารถก่อวินาศกรรมในหลายจังหวัดได้ไม่ใช่เฉพาะ 3 จังหวัดภาคใต้และบางอำเภอในสงขลาเท่านั้นซึ่งทำให้กองทัพต้องพะว้าพะวงมากขึ้น แต่มานั่งทบทวนก็เกิดคำถามว่า พวก 3 จังหวัดใต้จะเสี่ยงขึ้นมาก่อวินาศกรรมในจังหวัดอื่นทำไม ไม่เห็นได้อะไรขึ้นมาเลย

และเมื่อมาฟังการวิเคราะห์ของ สนธิ ลิ้มทองกุล ที่บอกว่า ถ้าเราจะวิเคราะห์กรณีระเบิดที่ภาคใต้นี่ต้องถามตัวเองว่ากลุ่มไหนได้ประโยชน์ กลุ่มที่ได้ประโยชน์มีหลายกลุ่ม หนึ่งกลุ่มทางใต้ ตอนนี้ทั้งฝรั่ง ทั้งฝ่ายตรงข้ามนี่ก็อยากให้มุ่งไปที่ทางใต้ เพราะจะทำให้เหตุการณ์ต่างๆที่เงียบสงบลงรุนแรงขึ้นมาอีก แล้วอีกไม่นานก็จะมีพวกไอเอสเกิดขึ้นแล้ว โดยอ้างว่าไอเอสมาอยู่ทางใต้ อันที่สองกลุ่มที่ได้ประโยชน์คือ พรรคการเมือง(เอ่ยชื่อ) กลุ่มเสื้อแดง นายใหญ่(เอ่ยชื่อ) อันที่สามคือ มีคนบอกว่าทหารสร้างสถานการณ์ เมื่อเราวิเคราะห์แต่ละกลุ่มแล้ว เราต้องวิเคราะห์ว่าผลประโยชน์ที่แต่ละกลุ่มได้จากการระเบิดครั้งนี้นี่มีอะไรบ้าง

แล้วสนธิก็วิเคราะห์ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ไม่ได้อย่างไรของกลุ่มต่างๆทั้ง 3 กลุ่ม ซึ่งสนธิชี้ว่าไม่มีเหตุผลเลยที่กลุ่มทหารจะทำไปเพื่ออะไรเพราะตอนนี้ก็มีอำนาจอยู่แล้ว และไม่น่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้าย แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มการเมืองและใต้จะพึ่งพากันแล้วกัน สุดท้ายก็ฟันธงลงไปว่า กลุ่มที่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือ กลุ่มการเมืองนั่นเอง

ผมจึงกลับไปมองความขัดแย้งทางการเมืองในบ้านเรา นั่งทบทวนว่าใช่แล้ว 10 ปีมานี้เราไม่ได้ขัดแย้งกันเรื่องการช่วงชิงอำนาจทางการเมืองของพรรคการเมือง 2 ขั้วเท่านั้น แต่มันกลายเป็นความขัดแย้งในเชิง “ระบอบการเมือง” ด้วย

พูดกันอย่างตรงไปตรงมาก็คือ กลุ่มคนเสื้อแดงที่อ้างตัวเป็นฝ่ายประชาธิปไตยนั้น มีคนกลุ่มหนึ่งที่มีความมุ่งหมายที่จะเปลี่ยน “ระบอบการปกครอง” ด้วย และสิ่งที่คนกลุ่มนี้ใช้ในการปลูกฝังหล่อหลอมมวลชนก็คือ การทำให้มวลชนชิงชังสถาบันพระมหากษัตริย์ สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องการเอาสถาบันมาใช้ป้ายสีกันทางการเมืองเหมือนยุคที่ผ่านมา แต่มีการเคลื่อนไหวกันอย่างจริงจังและเปิดเผยตัวมากขึ้น

สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการที่ไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์และแนวร่วมของกลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งหลบหนีอยู่ในฝรั่งเศส เพิ่งเปรียบเปรยให้เห็นเมื่อไม่นานมานี้ถึงฝ่ายไม่เอาทักษิณและเอาทักษิณว่า คือฝ่าย “ด่าทักษิณโดยไม่แคร์ข้อมูลเหตุผล ไม่แตะเจ้า” กับ “ด่าเจ้าโดยไม่แคร์ข้อมูลเหตุผล ไม่แตะทักษิณ”

ต้องยอมรับนะครับว่า ในหมู่คนเสื้อแดงมีคนที่ไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์มากขึ้น อาจมีเสื้อแดงบางคนที่ยังนิยมสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่บ้างหรือไม่ไม่รู้ แต่รับรู้กันโดยเปิดเผยว่าคนที่ไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งหมดเป็นเสื้อแดง กลุ่มคนเสื้อแดงที่หลบหนีไปต่างประเทศเปิดเผยตัวในการต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์มากขึ้น คนที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ในประเทศก็เพียงแต่ซ่อนเร้นเป้าหมายที่แท้จริงของตนเอาไว้เท่านั้นเอง

นั่นคือมีความกล้าที่จะเปิดเผยตัวเป็นศัตรูของขาติมากขึ้น นั่นคือการประกาศตัวเป็นศัตรูกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

เป็นไปได้ไหมนายใหญ่ไม่รู้เลยหรือว่ามวลชนและคนที่เป็นมือไม้ของเขาจำนวนหนึ่งเป็นพวกล้มเจ้า ไม่รู้เลยว่าในขบวนการคนเสื้อแดงนั้นมีคนกลุ่มใหญ่ที่มุ่งเป้าหมายคือนำพาประเทศไปสู่การปกครอง “ระบอบสาธารณรัฐ” และมวลชนที่สนับสนุนแนวทางนี้เป็นมวลชนกลุ่มเดียวกับที่สนับสนุนตัวเอง

เราจึงเห็นการก่อวินาศกรรมครั้งนี้จึงมุ่งหมายไปที่จะให้เกิดขึ้นในวันที่ 12 สิงหาคม และจงใจให้เกิดขึ้นหลายจุดในอำเภอหัวหินซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชวังที่แปรพระราชฐาน

เมื่อนี่ไม่ใช่แค่การช่วงชิงอำนาจกันในสนามเลือกตั้ง แต่คือการล้มล้างการปกครอง การติดอาวุธและการใช้ความรุนแรงจึงถูกนำมาใช้ในวิธีการต่อสู้ เพียงแต่ยังไม่มีการก่อตั้งกองกำลังอย่างเปิดเผย มีแต่ข่าวการจับกุมการสะสมอาวุธได้หลายครั้ง รวมถึงข่าวการระดมคนไปฝึกอาวุธในประเทศเพื่อนบ้าน แล้วที่ผ่านมาเราก็เห็นอยู่แล้วว่าในการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงนั้นมีกองกำลังติดอาวุธแฝงตัวอยู่ ทั้งการเปิดตัวของวันเสียงปืนแตกเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ที่สี่แยกคอกวัว และการใช้อาวุธสงครามในการยิงถล่มและทำร้ายฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองหลายครั้งทั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและกปปส.ในระยะ10ปีมานี้ และในหมู่คนเสื้อแดงก็รู้กันดีว่า มีมวลชนกลุ่มหนึ่งที่ใช้ความรุนแรงในการเคลื่อนไหว

เราไม่รู้ว่าการก่อวินาศกรรมครั้งนี้เป็นฝีมือของใคร แต่บอกได้เลยว่านี่เป็นการกระทำที่มุ่งเป้าหมายทางการเมือง

สิ่งที่น่าตั้งคำถามก็คือวันนี้ฝ่ายความมั่นคงของไทยคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ ยังคงมองความขัดแย้งของคนในชาติที่แบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายเป็นเพียงความขัดแย้งเรื่องความรักชอบต่อบุคคลหรือพรรคการเมืองหรือไม่ หรือมองความขัดแย้งในบ้านเมืองเป็นเรื่องของคนสองฝ่ายทะเลาะกันหรือไม่ เพราะหลังจากยึดอำนาจ สิ่งที่แถลงออกมาของ คสช.มีทัศนคติเช่นนั้น จนกระทั่งพยายามทำให้เห็นว่าตัว คสช.ที่เข้ามานั้นเพื่อระงับความขัดแย้งในบ้านเมืองไม่ใช่การเลือกข้างฝ่ายไหน

เมื่อเข้าสู่อำนาจคสช.จึงไม่เพียงแต่สกัดสื่อฝ่ายเสื้อแดงไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์บ้านเมืองเท่านั้น แต่ยังห้ามไม่ให้สื่อที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับทักษิณวิพากษ์วิจารณ์ทักษิณ ยิ่งลักษณ์และพรรคพวกของทักษิณด้วย

แม้ว่าในระยะหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.เริ่มพูดออกมาให้ได้ยินแล้วหลายครั้งว่า ศัตรูของประเทศก็คือกลุ่มที่สนับสนุนทักษิณ รวมทั้งการเอ่ยชื่อทักษิณว่าอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวทั้งหมด แต่อย่าลืมว่าทักษิณไม่สามารถเคลื่อนไหวเพื่อสั่นคลอนความมั่นคงของชาติได้หรอก ถ้าเขาไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนกลุ่มหนึ่งซึ่งถ้าวัดด้วยการเลือกตั้งในระยะ 10 ปีมานี้พรรคการเมืองของทักษิณชนะการเลือกตั้งมาตลอด

แน่นอนว่า อำนาจรัฐไทยยากที่จะจับกุมตัวทักษิณมาลงโทษได้ และทักษิณยังไปไหนมาไหนอย่างเปิดเผยเพราะได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศที่มองว่า ทักษิณกับรัฐไทยเป็นเพียงคู่ขัดแย้งในอุดมการณ์ทางการเมืองไม่ใช่นักโทษหนีอาญา การต่อสู้เพื่อช่วงชิงมวลชนจึงน่าจะเป็นเป้าหมายที่สำคัญมากกว่าการกวาดล้างลิ่วล้อของทักษิณซึ่งต้องยอมรับว่าสองปีที่เข้ามายึดอำนาจ คสช.ยังไม่สามารถทำให้มวลชนที่ภักดีต่อระบอบทักษิณเปลี่ยนใจได้เลย

เสียงระเบิดที่ดังขึ้นบอกเราว่า ถ้าเราแย่งชิงมวลชนจากระบอบทักษิณไม่ได้ มันคือภยันตรายต่อสถาบันหลักของชาตินั่นเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น