ผู้จัดการรายวัน360-"พงศพัศ"ประชุมคอนเฟอเรนติดตามคดีระเบิด 7 จังหวัด แฉทำกันเป็นขบวนการ มีไม่ต่ำกว่า 10-20 คน เผยสาวถึงตัวไอ้โม่งจอมบงการได้แน่ บช.ภ.7 ตั้งรางวัล 2 แสนให้ผู้ที่แจ้งเบาะแส คสช.ยันเชิญบุคคลซักถาม ทำตามขั้นตอนกฎหมาย ด้านมือเผาห้างโลตัส ส่อถูกจับผิดตัว พบระเบิดตกค้างอีกที่หัวหินและภูเก็ต ส่วน กทม. ระทึก เจอระเบิดใต้สะพานข้ามแยลำสาลี อีโอดีเร่งเก็บกู้ วุ่นเจอแจ้งวัตถุต้องสงสัย สุดท้ายเป็นหม้อ กะทะ นปช.โวยถูกยัดข้อหา "ไอ้ตู่" ท้าสาบานวัดพระแก้ว ลั่นกูไม่กลัวมึง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (14 ส.ค.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กองบัญชการตำรวจภูธรภาค 1-9 ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีคนร้ายก่อเหตุว่างระเบิด และวางเพลิงในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวภายหลังการประชุมว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลแหล่งท่องเที่ยว ศูนย์การค้า รวมถึงโรงแรมที่มีชาวต่างชาติพักอาศัย โดยตลอดช่วงเวลา 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องต่อไป ไม่มีการผ่อนกำลัง ขอให้ประชาชนมั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง
ทั้งนี้ ได้กำชับให้มีการปรับแต่งกล้องซีซีทีวีใหม่ทั้งหมด เพราะ ผบ.ตร. เน้นย้ำว่า ต้องมีความพร้อมในการปฏิบัติงานในทุกจุด ไม่เฉพาะพื้นที่ล่อแหลม และไม่ว่าจะเป็นกล้องของส่วนราชการหรือเอกชน ต้องมีความพร้อม และได้ปรับแต่งให้กล้องหันไปทางมุมที่เจ้าหน้าที่ต้องการในการป้องกันเหตุอาชญากรรม
ส่วนการรวบรวมพยานหลักฐาน วัตถุพยานต่างๆ และตัวอย่างดีเอ็นเอที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ ได้ส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานกลางเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างเทียบเคียงกับตัวอย่างดีเอ็นเอ หรือวัตถุพยานที่เก็บไว้จากเหตุการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ โดยขณะนี้วัตถุพยานบางส่วนเปรียบเทียบแล้วเสร็จ และได้ส่งกลับให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อ ตรงนี้ถือเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ การสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีระเบิดครั้งนี้ตำรวจให้น้ำหนักพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะดีเอ็นเอ เป็นสิ่งที่จะมัดตัวผู้ต้องหา ไม่สามารถปฏิเสธได้ ซึ่งยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ภายใต้กรอบกฎหมาย
***เผยทำเป็นขบวนการ10-20คน
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า การกระทำผิดที่เกิดขึ้นทั้งหมดทุกจุด มีความเชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน และเป็นการกระทำของกลุ่มขบวนการ ภายใต้การบงการหรือสั่งการของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ซึ่งขบวนการนี้อาจจะมี 10 คน หรือ 20 คน ขณะนี้ตำรวจก็มีเบาะแสที่จะดำเนินการ ส่วนจะมีมูลเหตุเรื่องใด ยังไม่สามารถบอกได้ ต้องรอให้การสืบสวนสอบสวนแล้วเสร็จ แต่ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแน่นอน
"ใครที่ไม่เกี่ยวข้อง ไม่ต้องกังวลใจ แต่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากสำนึกผิด ขอให้มาพบเจ้าหน้าที่ เพราะพยานหลักฐานทุกชิ้น เป็นจิ๊กซอว์ที่ปะติดปะต่อ และภาพใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น เป็นความต้องการของ ผบ.ตร. ที่จะเปิดโปงขบวนการนี้ว่ามีใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและใครอยู่ร่วมขบวนการบ้าง ขณะนี้ค่อยๆ มีความชัดเจนมากขึ้น การสืบสวนมีความก้าวหน้าตามลำดับ ขณะเดียวกัน จากการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยทั้งหมดที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวมา ทุกคนให้การเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนสอบสวน ยืนยันว่าวันนี้การสืบสวนมีความก้าวหน้ามากขึ้นทุกจุด”พล.ต.อ.พงศพัศกล่าว
ส่วนการออกหมายจับ หากพยานหลักฐานสาวถึงใครก็จะขออนุมัติศาลออกหมายจับ แต่ก่อนจะถึงกระบวนการออกหมายจับ ก็จะมีการเชิญตัวมาสอบปากคำ ซึ่งทุกคนให้การที่เป็นประโยชน์ โดยผู้ต้องสงสัยที่อยู่ในการควบคุมตัวของตำรวจไม่มี แต่มีบางกลุ่มที่ฝ่ายทหารเชิญตัวไป
***ตั้งรางวัล2แสนคนชี้แบะแส
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวด้วยว่า สำหรับเหตุระเบิดในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ล่าสุด ได้พูดคุยกับ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวส ผบช.ภ.7 ได้รับรายงานว่า ทาง บช.ภ.7 มีการตั้งรางวัล 200,000 บาท สำหรับผู้ทีให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการสืบสวน ไม่จำเป็นต้องจับกุมคนร้ายได้ เพราะเชื่อว่าคนในพื้นที่น่าจะมีข้อมูลในส่วนนี้ ขณะเดียวกัน ได้รับรายงานจาก สตม. ว่า ผู้กระความผิดเชื่อว่ายังอยู่ในประเทศ เนื่องจากได้ตรวจสอบตามด่าน ตม. ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด่านท่าอากาศยาน ด่านตรวจคนเข้าเมืองชายแดน 53 แห่งทั่วประเทศ ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวการเดินทางเข้า-ออก ของบุคคลต้องสงสัยที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้มีการประสานให้ติดตาม
***เผยแค่เรียก"ศักดิ์รินทร์"มาถาม
วันเดียวกันนี้ พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมพร้อม พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภาค 8 ได้เดินทางไปตรวจสถานที่เกิดเหตุในห้างเทสโก้ โลตัส สาขานครศรีธรรมราช โดยมีการตรวจสอบจุดเกิดเหตุ กล้องวงจรปิดอย่างละเอียด พร้อมหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร เพื่อติดตามความคืบหน้าการคลี่คลายคดี
พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า ในส่วนของนายศักดิ์รินทร์ คฤหัส ยังไม่ถือเป็นผู้ต้องหาหรือแม้แต่ผู้ต้องสงสัย และไม่ได้เป็นการจับกุม เพียงแต่เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจ ม.44 ไปเชิญตัวมาเพื่อสอบปากคำในฐานะเป็นผู้หนึ่งที่ปรากฏภาพในกล้องวงจรปิด จึงยังไม้ได้เสนอขอออกหมายจับนายศักด์รินทร์ แต่ยังควบคุมตัวไว้ที่ มทบ.41 ส่วนจะมีการปล่อยตัวหรือไม่ และเมื่อไร เป็นอำนาจของ คสช.ที่จะมีคำสั่งต่อไป
***ยันคุมตัวผู้ต้องสงสัยทำตามขั้นตอน
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า การเชิญตัวบุคคลมาพูดคุยและสอบถาม เป็นไปตามมาตรการของงานรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งอยู่ในกรอบไม่เกิน 7 วัน และการปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกเชิญตัวมา ไม่มีการปฏิบัติในลักษณะของผู้ที่กระทำความผิด แต่ถ้าพบว่ามีพยานหลักฐานที่ชัดเจน และเข้าข่ายกระทำความผิด ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป และขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจแนวทางการรักษากฎหมายและการรักษาความสงบเรียบร้อยที่ คสช. กำลังดำเนินการ โดยเจ้าหน้าที่จะเร่งคลี่คลายคดีอย่างเต็มที่ จนนำไปสู่การจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี
***เจอระเบิดตกค้างอีก2ลูก
นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ได้รับรายงานจากผู้ว่าฯ จ.ภูเก็ต ว่า พบการวางระเบิดเวลา เพื่อให้เกิดเพลิงไหม้เช่นเดียวกับที่ตรวจพบเมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ล็อกขายสินค้า ในศูนย์การค้าพาราไดส์ พลาซ่า ใกล้หาดป่าตอง อ.กระทู้ แต่ระบบทำงานไม่สมบูรณ์ เจ้าหน้าที่อีโอดีได้เข้าตรวจสอบและเก็บกู้แล้ว โดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหาย และยังได้รับรายงานจากผู้ว่าฯ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่ามีเจ้าของร้านขายผ้าตลาดฉัตรชัย เขตเทศบาลเมืองหัวหิน พบวัตถุคล้ายระเบิดถูกวางไว้ในตะกร้าผ้า 2 ลูก ซึ่งเจ้าหน้าที่อีโอดีได้เข้าตรวจสอบพบเป็นระเบิดชนิดเดียวกับที่คนร้ายใช้ในวันที่ 11-12 ส.ค.
"เป็นไปตามคาดการณ์ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้แจ้งให้ทุกจังหวัดจัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบระเบิดถ่วงเวลาที่อาจหลงเหลือในพื้นที่ปฎิบัติการ และเพื่อไม่ให้สาธารณชนเข้าใจผิดว่ามีการวางระเบิดอีก"นายกฤษฎากล่าว
***ชื่นชมรปภ.อุ้มระเบิดหนี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.เฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ได้เดินทางไปยังศูนย์การค้าไชน่าทาวน์พลาซ่า ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายนำวัตถุต้องสงสัย หรือระเบิดเพลิง ไปวางไว้ในร้านจำหน่ายเสื้อผ้า เพื่อมอบเงินรางวัลให้กับนาย กำธร เกตแก้ว เจ้าหน้าที่ รปภ. รวมทั้งนางสาว สีตลา ตันมาลาทอง คนดูแลร้าน และพนักงานชาวเนปาล ที่ช่วยกันสังเกตจนพบวัตถุต้องสงสัยและนำไปทิ้งในถังน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุระเบิดขึ้น
นายกำธร เกตุแก้ว รปภ. ซึ่งตัดสินใจอุ้มถังน้ำที่มีระเบิดอยู่ภายในไปวางที่ลานจอดรถห่างจากจุดที่พบประมาณ 800 เมตร เล่าถึงนาทีระทึก ว่า กำลังจะกลับบ้าน แต่มีคนเรียกไปดู เมื่อเห็นระเบิด ก็ตัดสินใจในวินาทีนั้นเลยว่า ตายเป็นตาย จึงอุ้มถังน้ำที่มีระเบิดออกไป คิดว่า ตายคนเดียวดีกว่าที่คนส่วนมากจะต้องมาตาย แต่โชคดีที่ไม่ระเบิด ซึ่งที่ทำไป ก็ไม่ได้หวังอะไร เพียงแค่ต้องการให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นรอด
***ที่กทม.ก็เจอแต่ไม่เกี่ยวบึ้มใต้
วันเดียวกันนี้ พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.สน.หัวหมาก ได้รับแจ้งพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด บริเวณใต้สะพานข้ามแยกลำสาลี แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร (กทม.) จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบเป็นลูกเหล็กทรงกลม สภาพถูกดินและขี้โคลนจับ จึงควบคุมพื้นที่ พร้อมทั้งประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดเข้าทำการตรวจสอบและเก็บกู้
ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบพบว่า เป็นระเบิดขว้าง ซึ่งมีสภาพเก่า ถูกพบโดยเจ้าหน้าที่รักษาความสะอาดของกรุงเทพมหานคร ที่กำลังเข้าไปทำความสะอาดใต้สะพาน โดยเชื่อว่า น่าจะถูกฝังไว้ใต้ดินนานแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดในจังหวัดทางใต้เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำไปทำลายต่อไป
***แจ้งวัตถุต้องสงสัยสุดท้ายเป็นหม้อ-กะทะ
ร.ต.อ.ชนะชัย พันธ์วิไล รอง สว.(สอบสวน) สน.โคกคราม รับแจ้งเหตุพบวัตถุต้องสงสัยบริเวณตู้โทรศัพท์สาธารณะ ใกล้ที่ทำการไปรษณีย์ สาขาจรเข้บัว ถนนนวมินทร์ แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กทม. จึงรุดเดินทางไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.โคกคราม และเจ้าหน้าที่อีโอดี พบกล่องกระดาษสีน้ำตาลขนาด 20x30 ซม. มีสายรัดมัดอยู่ที่ปากกล่อง จึงได้นำยางรถยนต์มาครอบไว้ และกันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากจุดเกิดเหตุ ก่อนเข้าทำการตรวจสอบพบว่าเป็นฝาหม้อ กระทะไฟฟ้า และจานข้าว โดยเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า น่าจะมีคนวางลืมทิ้งไว้มากกว่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ไม่หวังดี โดยจะได้ตรวจสอบหาเจ้าของมาทำการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป
***นปช.โวยถูกยัดข้อหาซัดกูไม่กลัวมึง
ที่ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้แถลงข่าวถึงกรณีการลอบวางระเบิดในพื้นที่หลายจังหวัดทางภาคใต้ เมื่อวันที่ 11-12 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยนางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำ นปช. ได้อ่านแถลงการณ์ โดยระบุว่า เป็นการจงใจสร้างความวุ่นวาย เพื่อให้ คสช. ใช้เป็นเหตุผลในการรักษาอำนาจ , ขอประณามฝ่ายรัฐและการเมืองที่ฉวยโอกาสใส่ร้ายผู้มีความเห็นต่าง หรือฝ่ายที่ไม่ชอบรัฐธรรมนูญ , ขอคัดค้านการจับกุมแบบเหวี่ยงแหโดยใช้อำนาจพิเศษ , ขอให้รัฐบาลสอบสวนด้วยความโปร่งใส เพราะสื่อต่างประเทศมีการวิเคราะห์ว่าเกี่ยวข้องกับปัญหา 3 จังหวัดใต้ และมือถือที่ใช้ก่อเหตุมีซีเรียลนับเบอร์จากมาเลเซีย และขอยืนยันว่า นปช. ไม่เกี่ยวข้องกับการชี้นำและทำให้มีการวางระเบิด โดยขอสนับสนุนให้มีการจับกุมผู้ก่อเหตุได้โดยเร็ว
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า อยากบอกไปยังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่าจะไม่ทน ถ้ายัดเยียดตั้งข้อหาไม่ชอบธรรม จับกุมแบบเหวี่ยงแหแบบนี้ และอยากขอเชิญพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชน ให้ไปวัดพระแก้วและสาบานสาปแช่งว่าใครเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ขอให้มีอันเป็นไปภายใน 3 วัน 7 วัน โดยนับจากนี้ไป หากมีการใส่ร้ายกันอีก จะดำเนินคดีตามกฎหมายไม่มีละเว้น ผมไม่กลัวพวกท่าน ไม่ยอมให้ข่มเหงกันอีกแล้ว ซึ่งอยากจะส่งสัญญาณไปยังผู้มีอำนาจให้ฟังเสียงนี้ว่ากูไม่กลัวมึง ถ้ายังใส่ร้าย สร้างความชิงชังให้เข้าใจผิด ท่านบีบให้เราต่อสู้เอง พวกท่านทำลายความสงบของชาติเอง
นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ทันทีที่ได้ข่าวเกี่ยวกับระเบิดที่หัวหินและภาคใต้ สามารถเดาได้เลยว่าฝ่ายเผด็จการจะต้องโทษนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นวิธีง่ายที่สุด ที่จะปัดความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาของประเทศ
***"เซฟรอน"ยันผู้ต้องสงสัยไม่ใช้พนักงาน
นายวีระศักดิ์ พึ่งรัศมี อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า ได้รับการยืนยันจากบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจ และผลิต จำกัด ว่า ผู้ต้องสงสัยข้อหาวางเพลิงเผาห้างเทสโก้ โลตัส สาขานครศรีธรรมราช ไม่ใช่พนักงานของบริษัท แต่เป็นพนักงานของบริษัท Weatherford KSP จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับจ้างเหมาบริการของเวฟรอน และหลังจากได้รับแจ้งจากตำรวจ ก็ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี