xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

อย่าปล่อยให้แก๊งงาบ"ไทเกอร์"ลอยนวล จับไต๋ สตช. ทำงามหน้าปกป้องคนโกง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -อีกเดือนเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมีการแต่งตั้งโยกย้ายระดับนายพลกันอีกแล้ว มีการเสนอรายชื่อและลำดับอาวุโสให้สังคมรับทราบอย่างเปิดเผย ใครเป็นใคร เชื่อว่าท่านที่เป็นคอข่าวอาชญากรรมคงผ่านสายตากันไปบ้าง

สำหรับคอข่าวและนักข่าวอาจมองเห็นว่าเป็นเรื่องแฟร์ แต่สำหรับตำรวจที่ปรากฏชื่อนั้นคงทราบดีว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ก็คงหนีไม่พ้นทั้งวิ่ง ทั้งเต้น เพราะถ้านั่งเฉยๆ รอสวรรค์มีตาหรือราชรถมาเกยก็คงเป็นฝันค้าง ไม่มีทางที่จะเดินสู่จุดหมายปลายทางได้ 

ในจำนวนรายชื่อนายพลทั้งหมดรู้สึกสะดุดใจชื่อของ พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. มากกว่าใครเพื่อน เหตุผลความเป็นมามีรายละเอียดเช่นไร ลองอ่านรายละเอียดดังต่อไปนี้....

เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2557 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการป.ป.ช. กรณีคดีทุจริตโครงการจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจขนาด 200 ซีซี พร้อมอุปกรณ์ทดแทนจำนวน19,147 คัน วงเงิน 1,144,550,600 บาทว่า คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาและมีมติว่า โครงการจัดซื้อรถจักรยานยนต์ซึ่งเริ่มการกำหนดคุณลักษณะจากขนาด 150 ซีซี มาเป็นขนาดไม่เกิน 200 ซีซี การกำหนดร่างขอบเขตงานในเรื่องของโรงงานผู้ผลิตต้องได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และงบประมาณที่ได้รับทำให้พิจารณาได้ว่ามีเพียงรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อไทเกอร์ รุ่น Boxer200 ที่สามารถเข้าเสนอราคาได้ อย่างถูกต้องเพียงรายเดียว และยังไม่เสนอเพื่อให้มีการยกเลิกการประกวดราคาหรือ ไม่แสดงเหตุผลความจำเป็นใด เพื่อที่จะดำเนินการต่อ

ที่สำคัญอีกประการคือ ไม่ได้ตรวจสอบเงื่อนไขที่สำคัญของการประกวดราคา ที่บริษัท คาร์แทรคกิ้ง จำกัด ที่ไม่มีศูนย์ซ่อมและตัวแทนจำหน่ายดังกล่าว ทำให้เชื่อได้ว่า มีบริษัท คาร์แทรคกิ้ง จำกัด เพียงรายเดียว ทำให้ทางราชการเสียหาย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้รถจักรยานยนต์ ไทเกอร์ ในการปฏิบัติหน้าที่ไม่สามารถนำรถจักรยานยนต์ ไปซ่อมบำรุงตามสัญญาได้ และพบว่ามีปัญหาหลายอย่าง เช่น อัตราเร่งไม่สามารถทำความเร็วได้เท่ากับรถยี่ห้ออื่นๆในท้องตลาด ดังนั้นกระบวนการในการจัดซื้อจัดจ้างครั้งนี้ จึงไม่ชอบด้วยระเบียบและกฎหมาย การกระทำของผู้เกี่ยวข้อง จึงมีมูลความผิด

นายสรรเสริญ กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ถูกชี้มูลความผิดได้แก่ 1. พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ ในฐานะผู้บังคับการพลาธิการและสรรพาวุธ และกรรมการประกวดราคา ซึ่งทราบรายละเอียดมาทุกขั้นตอน และเป็นเจ้าหน้าที่รับผิดชอบในการจัดหาครั้งนี้ ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบระมัดระวังผลประโยชน์ของทางราชการให้สูงเป็นพิเศษ แต่กระทำการโดยมีเจตนาให้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อไทเกอร์ รุ่น BOXER 200 ได้เข้าทำสัญญากับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกทั้งในฐานะที่เป็นผู้บังคับการพลาธิการและสรรพาวุธ ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพัสดุ ซึ่งมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบพัสดุ แต่กลับไม่นำเสนอข้อเท็จจริงในการประกวดราคาในกรณีที่มีผู้มีสิทธิเสนอราคาเพียงรายเดียว รวมทั้งเหตุผลและความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการประกวดราคาต่อไป เพื่อประกอบการพิจารณาของผู้บังคับบัญชาในการอนุมัติจัดซื้อ

“การกระทำดังกล่าวจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542ฐานเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระทำการใดๆโดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐพ.ศ.2542มาตรา12และฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และเป็นความผิดวินัยฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติพ.ศ.2547มาตรา 79(1)”

ส่วนการกระทำของ พล.ต.ท.ประชิน วารี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 พล.ต.ต.สมพงษ์ น้าเจริญ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นั้น ไม่ได้รู้เห็นการดำเนินการมาตั้งแต่ต้น แต่อยู่ในฐานะคณะกรรมการประกวดราคา โดยการที่ต้องตรวจสอบศูนย์ซ่อมรถจักรยานยนต์ไทเกอร์ดังกล่าวตามที่เสนอมาว่ามีอยู่จริงหรือไม่ แต่กลับไม่มีการตรวจสอบแม้กระทั่งการสุ่มตัวอย่างแต่อย่างใด คณะกรรมการประกวดราคากลับไม่ดำเนินการให้เหตุผลที่ไม่ยกเลิกการประกวดราคาในครั้งนี้ไว้อย่างชัดเจนเพื่อประกอบการพิจารณาของผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจในการอนุมัติจัดซื้อ จัดจ้าง

“การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดวินัยฐานการรักษาวินัยในเรื่องไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยชอบด้วยกฎหมายกฎระเบียบของทางราชการมติคณะรัฐมนตรีโดยไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการฐานประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 78 (1) (9) และการกระทำผิดดังกล่าวเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา 79 (6) ส่วนพล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนง นั้น ในฐานะกรรมการประกวดราคา เป็นข้าราชการบำนาญ จึงไม่มีความผิดทางวินัย”

3. การกระทำของ น.ส.รักชนก แจ๊ะซ้าย หรือ น.ส.สุพิชญา สองมณี กรรมการผู้จัดการบริษัท คาร์แทรคกิ้ง จำกัด ที่ได้ยื่นเสนอราคาต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเสนอเอกสารหนังสือรับรองการเป็นตัวแทนจำหน่ายให้บริการซ่อมบำรุงตามมาตรฐานว่ามีตัวแทนจำหน่ายให้บริการซ่อมบำรุงครบทั้ง76 จังหวัด เพื่อมีเจตนาให้คณะกรรมการประกวดราคาพิจารณาให้ บริษัท คาร์แทรคกิ้ง จำกัด เป็นผู้มีสิทธิเสนอราคาต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การกระทำดังกล่าวถือว่า น.ส.รักชนก ได้กระทำการอันเป็นความผิดฐานร่วมกันในการเสนอราคา โดยเอาเปรียบแก่หน่วยงานของรัฐ อันมิใช่เป็นในทางประกอบธุรกิจปกติ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542

4. นายปิติ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทเกอร์มอเตอร์ จำกัด ได้แจ้งรายชื่อที่ตั้งของตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ซึ่งให้บริการซ่อมบำรุงตามมาตรฐานของบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ของบริษัทไทเกอร์มอเตอร์จำกัด ครบทุกจังหวัดซึ่งไม่เป็นความจริงจึงมีมูลความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของ น.ส.รักชนก แจ๊ะซ้าย อันมีมูลเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ มาตรา 4 ประกอบมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

 ....รายละเอียดที่นำเสนอมาทั้งหมดมีคำถามว่า สตช.ทำอะไรกันอยู่....เมื่อ ป.ป.ช.ชี้มาว่า พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ มีความผิดทางวินัยร้ายแรงโทษ 3 สถาน คือ ให้ออก ปลดออก ไล่ออก แต่วันนี้ยังรับราชการตามปกติ ซ้ำมีแนวโน้มจะเจริญก้าวหน้าผู้หลักผู้ใหญ่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้รับผิดชอบคงต้องรีบหาคำตอบกันแล้ว

ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน อย่าเพียงมุ่งหวังแต่เรื่องปัจจุบัน หรือ อนาคต...คดีโกงบ้านกินเมืองในอดีตก็ต้องได้รับการสะสางดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา...กรณีทุจริต จยย.ไทเกอร์ ทราบมาว่ามีช่องโหว่ ช่องว่างให้เกิดการทุจริตอย่างมากมาย เป็นโครงการที่ไม่ผ่านการวิเคราะห์ความคุ้มค่าของสำนักงบประมาณฯ ทุกข้อมูลมีความชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัยว่ามีขบวนการปล้นภาษีของชาติ แต่แปลกที่คนผิดไม่ได้รับการลงโทษ 

หากสตช.จะแย้งว่า ได้พิจารณาไปแล้วและตีความถึงขอบเขตอำนาจของ ป.ป.ช. ถ้าเป็นแบบนี้ขอเสนอให้ยุบ ป.ป.ช.ไปเลย เพราะคำวินิจฉัยของท่าน ไม่มีความหมาย แถมหน่วยงานต้นสังกัดยังออกอาการปกป้อง โดยที่คนไทย รัฐบาลไทยหรือผู้มีอำนาจในบ้านในเมืองยืนดูกันตาปริบๆ


กำลังโหลดความคิดเห็น