ต่างชาติห้ามจุ้น “ดอน”ฮึ่มอย่าแถลงกดดัน

ผู้จัดการรายวัน 360 - “ก.ต่างประเทศ-กรธ.” บรรยายสรุปผลประชามติต่อคณะทูตต่างชาติ “ดอน” วอนเคารพผลการตัดสินใจคนไทย-เข้าใจวิถีประชาธิปไตยแบบไทย พร้อมขอความร่วมมืออย่าออกแถลงกดดันอีก “วิษณุ” แจงซ้ำโรดแมป ย้ำเลือกตั้งไม่เกินต้นปี 61ม.44 ยังมีอยู่แต่ต้องไม่ขัด รธน.ใหม่ ด้าน กรธ.นัดถกใส่คำถามพ่วงในร่าง รธน.สัปดาห์หน้า ยังไม่ตั้ง กรธ.เพิ่ม “ไพบูลย์” ยันคิดตั้งพรรคเอง ไม่เป็นนอมินีทหาร ชี้ คสช.มี 250 ส.ว.ในมือแล้วตั้งพรรคให้เหนื่อยทำไม รวบอีก 2 อดีต ส.ส.เพื่อไทย คาดผิด กม.ประชามติ

วานนี้ (11 ส.ค.) ที่ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ พร้อมด้วย นายศุภชัย ยาวะประภาษ กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และนายเจษฎ์ โทณวณิก ที่ปรึกษา กรธ. ร่วมบรรยายสรุปเกี่ยวกับการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญให้กับคณะทูตานุทูตต่างประเทศ องค์กรระหว่างประเทศ และหอการค้าต่างประเทศ 80 คนจาก 48 แห่ง โดยมีเอกอัครราชทูต 11 คน อุปทูต 8 คน เข้าร่วม

นายดอน กล่าวตอนหนึ่งว่า การจัดทำประชามติเมื่อวันที่ 7 ส.ค.59 ปรากฏตัวเลขผู้มาใช้สิทธิออกเสียงครั้งนี้ สูงกว่าเมื่อปี 2550 ซึ่งแสดงถึงความกระตือรือร้นของประชาชนในการมีส่วนร่วม และประชาชนส่วนใหญ่ให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญและคำถามเพิ่มเติม ทำให้มีความชัดเจนถึงแผนโรดแมปของรัฐบาล ว่าจะเดินหน้าสู่การเลือกตั้งในปี 2560 โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะยังเดินหน้าส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย และความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนของประเทศในอนาคต พร้อมระบุด้วยว่าผลที่ออกมาสะท้อนว่า ประชาชนส่วนมากมองว่าประเทศมีความสงบเรียบร้อยมาตลอด 2 ปี และต้องการให้เป็นเช่นนี้ต่อไป เพราะถือเป็นเอกลักษณ์ของไทยที่กองทัพจะเข้ามาแก้ปัญหาอย่างเป็นประชาธิปไตย โดยไม่มีการจำกัดสิทธิ และประชาชนส่วนใหญ่ให้การสนับสนุน

นายดอนยังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลไทยหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติ โดยหวังว่าประเทศต่างๆ จะคำนึงถึงสภาพความเป็นจริงในไทย ที่ทุกอย่างสงบเรียบร้อยและกำลังเดินหน้า และหวังว่าจะไม่มีการออกแถลงการณ์ต่างๆอีก

“ขอให้นานาประเทศเคารพการตัดสินใจของคนไทย และขอให้สนับสนุนการเดินหน้าของรัฐบาลต่อไปด้วย” นายดอน ระบุช่วงหนึ่ง

** ต่างชาติจี้ถามเรื่องอำนาจ คสช.

ในช่วงที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมรับฟังสอบถาม ได้มีทูตท่านหนึ่งสอบถามถึงการใช้อำนาจของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยนายดอน ระบุว่า คสช. จะยังคงอยู่จนกว่าจะมีการตั้งรัฐบาลใหม่

ขณะที่ผู้แทนจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ถามถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคส่วนต่างๆในการร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ โดยนายศุภชัย ระบุว่า กรธ.จะเปิดรับฟังความเห็นให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และจะขอความเห็นจากพรรคการเมืองต่างๆ โดยการเชิญมาพูดคุยด้วย

ด้านผู้แทนจากสหภาพยุโรป ถามถึงช่วงเวลาการร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ โดยนายศุภชัย ระบุว่า ขณะนี้ได้มีการเริ่มร่างอย่างไม่เป็นทางการแล้ว เพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด แต่ต้องคำนึงถึงการรับฟังความเห็นประชาชนด้วย ซึ่งต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง

นอกจากนี้ คณะทูตยังให้ความสนใจเกี่ยวกับแนวทางการยกเลิกคำสั่งของ คสช.ที่จำกัดเสรีภาพการชุมนุมและการแสดงออก นายดอน ระบุว่า เป็นไปได้ที่จะมีการผ่อนคลายคำสั่ง โดยขึ้นอยู่กับสภาพบ้านเมืองว่า ต้องมีความสงบเรียบร้อย และหวังว่าจะยกเลิกได้โดยเร็วเช่นกัน เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้

ภายหลังการชี้แจง นายดอน ให้สัมภาษณ์ว่า เชื่อว่าตัวแทนทูตจะนำเรื่องดังกล่าวไปชี้แจงให้กับประเทศของตัวเองรับทราบ ซึ่งหากเป็นผู้มีมาตรฐานสากลตนเชื่อว่า จะไม่ลำบากใจในการเคารพเสียงคนไทยเสมือนเสียงของประเทศต่างๆ แต่หากทำใจลำบากก็เข้าใจได้ แต่ก็ขึ้นแยู่กับสถานการณ์ในไทยด้วย โดยหลังจากนี้อาจเรียกประชุมทูตประเทศต่างๆ เพื่อเน้นย้ำบางเรื่องและแลกเปลี่ยนการพูดคุยเป็นระยะ

** กต.ญี่ปุ่นออกแถลงการณ์ยินดี

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ได้ออกแถลงการณ์เรื่องการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในประเทศไทย โดยระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นยินดีที่การออกเสียงเมื่อวันที่ 7 ส.ค. เป็นไปอย่างเรียบร้อย ไม่เกิดเหตุวุ่นวายใดๆ ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นคาดหวังว่า กระบวนการกลับสู่ประชาธิปไตยของประเทศไทย ซึ่งรวมถึงการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาจะดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ได้รับการรับรองในการทำประชามติครั้งนี้ และคาดหวังว่า ประเทศไทยจะยังคงมีบทบาทในการเสริมสร้างเสถียรภาพและการพัฒนาในภูมิภาค ทั้งนี้รัฐบาลญี่ปุ่นจะยังคงให้การสนับสนุนความพยายามของไทยในการนำพาประเทศกลับสู่ประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการดำเนินมาตรการต่างๆ ที่จำเป็นเพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนและการดำเนินธุรกิจของญี่ปุ่นในไทย

** “วิษณุ” ย้ำเลือกตั้งไม่เกินต้นปี 61

เมื่อเวลา 18.05 น. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเดินหน้าประเทศไทย ตอนหนึ่งถึงกระบวนการหลังร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงผ่านประชามติว่า เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองผลอย่างเป็นทางการ ถือว่ากระบวนการเริ่มนับหนึ่ง ขั้นตอนหลังจากนี้ กรธ.ต้องปรับเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับคำถามพ่วงภายใน 30 วัน จากนั้นส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน คือ ประมาณวันที่ 10 ต.ค. แล้วส่งมาให้นายกรัฐมนตรี นำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายใน 30 วัน โดยขั้นตอนนี้จะต้องผ่านกระบวนการตามโบราณวิธี จะต้องเขียนด้วยลายมือในสมุดไทยโดยพนักงานอาลักษณ์จำนวน 3 ฉบับ เมื่อทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว และประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาในเดือน พ.ย. ถือว่ารัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ และรัฐธรรมนูญชั่วคราวจะสิ้นสุดลง

นายวิษณุ กล่าวอีกว่า เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกาศใช้แล้ว กรธ.ต้องร่างกฎหมายลูก 10 ฉบับ ให้แล้วเสร็จภายใน 8 เดือน แต่กฎหมายที่จำเป็นต่อการเลือกตั้ง 4 ฉบับ สามารถเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 4 เดือน และเข้าสู่กระบวนการของสภาอีก 2 เดือน พอประกาศใช้กฎหมายทั้ง 4 ฉบับแล้ว กระบวนการเลือกตั้งจะเริ่มขึ้นภายใน 150 วัน ปฏิทินการเลือกตั้งจะอยู่ที่เดือน พ.ย.- ธ.ค. 60 การเลือกตั้งจะทำให้เร็วกว่านี้ได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยคือ 1.การจัดทำกฎหมายลูก 2.ความต้องการของพรรคการเมือง การหาเสียง การจัดเลือกส.ส. และ 3.ความสงบเรียบร้อยภายในบ้านเมือง ดังนั้นโรดแม็พเลือกตั้งคือปลายปี 60 ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลใหม่อาจคาบเกี่ยวไปถึงต้นปี 61

“หลังจากนี้ในส่วนที่เกี่ยวกับ ครม. และ คสช. ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ โดยมีอำนาจเต็มไปจนกว่ารัฐบาลใหม่จะเข้าถวายสัตย์ฯ ด้านสปท.ต้องทำกฎหมายที่เกี่ยวกับการปฏิรูปให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน พอกฎหมายมีผล สปท.จะสิ้นสุด ขณะที่ สนช.ต้องอยู่ทำหน้าที่ออกกฎหมายต่อไปจนกระทั่งใกล้เวลาที่จะเลือกตั้งส.ส. และมี ส.ว. ส่วนการใช้อำนาจมาตรา 44 ของ คสช. แม้ยังอยู่ แต่จะใช้ขัดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่ได้” นายวิษณุ ระบุ

**เริ่มแก้ร่าง รธน.จันทร์หน้า

ที่รัฐสภา นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษก กรธ. เปิดเผยถึงแนวทางการดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติของร่างรัฐธรรมนูญส่วนบทเฉพาะกาลให้สอดคล้องกับคำถามประกอบการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านการลงประชามติว่า ในวันที่ 15 ส.ค.นี้ เวลา 13.30 น.เป็นต้นไป กรธ.จะเริ่มประชุมเพื่อพิจารณาในส่วนนี้ ส่วนการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ จำนวน 10 ฉบับนั้น จะเริ่มภายหลังจากการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ แต่ยังไม่ได้มีการลำดับความสำคัญว่าจะเริ่มจากฉบับไหนก่อน ยืนยันว่าไม่ล่าช้าอย่างแน่นอน

ส่วนการตั้ง กรธ.เพิ่มเติมได้ไม่เกิน 30 คนนั้น นายชาติชาย กล่าวว่า ที่ประชุม กรธ.เห็นว่า ยังไม่มีความจำเป็นต้องตั้งเพิ่มเติม ซึ่งหากพบความจำเป็น ตัวบุคคลที่ตั้งเพิ่มก็ควรเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญทางกฎหมาย หรือความรู้เฉพาะด้าน

** สปท.เร่งสางงานก่อนใช้ รธน.ใหม่

ด้าน นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (วิป สปท.) แถลงผลการประชุมวิป สปท.ว่า ในวันที่ 16 ส.ค. สปท.จะเป็นการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนและกฏหมายปฎิรูปประเทศ เพื่อปรับกระชับและสรุปผลการทำงาน รวมทั้งแผนการทำงานในระยะเวลาเร่งด่วน โดยจะแบ่งเป็น 12 กลุ่มตาม กมธ. ปรับแผนงานให้กระชับ พร้อมสรุปผลการทำงานในแผนระยะเร่งด่วน ให้สอดคล้องหลังร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ คาดว่าจะประกาศใช้ในเดือน พ.ย.

“จริงๆ แล้ว สปท.ไม่มีวาระที่ระบุไว้ชัดเจนในรัฐธรรมนูญชั่วคราว และในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ไม่มีการระบุไว้เช่นกัน เพียงแต่คาดการณ์ว่าสิ่งที่บังคับไว้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่คือจะต้องมี พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการปฏิรูปประเทศต่างๆออกมาภายใน 120 วัน ซึ่งก็น่าจะมีการกำหนดองค์กรที่มีหน้าที่ในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศไว้ ซึ่งจะเป็น สปท. หรือองค์กรอื่นขึ้นมาทำงาน ดังนั้นในช่วงก่อนเวลาที่รัฐธรรมนูญจะประกาศใช้ สปท.จะรีบเร่ง สางงานแผนปฏิรูป และกฎหมายสำคัญ ที่คั่งค้างอยู่ เสนอต่อรัฐบาล ซึ่งควรจะต้องเสร็จภายในเดือน พ.ย.นี้” นายคำนูณ ระบุ

** “ไพบูลย์” ปัดเป็นนอมินีทหาร

อีกด้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่มีการแถลงข่าวจัดตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป และประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ให้เป็นนายกฯ ภายหลังการเลือกตั้งปี 2560 ว่า ขณะนี้มีผู้ที่มีแนวคิดเดียวกันติดต่อมาจำนวนมาก โดยเบื้องต้นคนที่จะมาร่วมพรรคประชาชนปฏิรูปต้องมีคุณสมบัติ 3ข้อคือ เป็นผู้ที่ลงประชามติรับทั้งร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง เห็นด้วยกับอุดมการณ์ของพรรค และไม่เคยมีประวัติว่าเคยเป็นผู้สมัครส.ส.ของพรรคการเมืองอื่นที่คุ้นชินกับการซื้อสิทธิ ขายเสียง

“การประกาศชัดเจนว่าจะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ให้เป็นนายกฯอีก ถือเป็นมิติใหม่ของการเมืองที่ กล้าพูดความจริง ไม่ปกปิดซุกซ่อน ส่วนแกนนำ กลุ่ม กปปส.ที่เป็นนักการเมือง ผมไม่เคยติดต่อ หรือชักชวนให้มาร่วมพรรคแต่อย่างใด” นายไพบูลย์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า การประกาศตั้งพรรคถือเป็นพรรคทหารเพื่อเป็นฐานในการรวมพรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาลในอนาคตหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ขอปฏิเสธโดยสิ้นเชิงว่า พรรคที่ตนจะตั้งขึ้น โดยที่ตนเป็นผู้ริเริ่มคิดก่อตั้ง ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะทหาร หรือ คสช. และไม่ใช่นอมินีของใคร ส่วนตัวมองว่า คสช.ไม่มีความจำเป็นต้องตั้งพรรคทหารเหมือนในอดีต เนื่องจาก คสช.มีเสียง 250 ส.ว.ในมือที่จะรองรับ คสช. จึงไม่ต้องเหนื่อยมาตั้งพรรคการเมืองเพื่อลงเลือกตั้ง ส.ส.

** “พี่ป้อม” ไม่เกี่ยวตั้งพรรคหนุน “น้องตู่”

ทางด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ นายไพบูลย์ จะตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป ว่า ยังไม่ทราบ และไม่เกี่ยวกับตน เรื่องนี้เป็นเรื่องของนายไพบูลย์ที่จะคิด ส่วนที่บอกว่าการตั้งพรรคเพื่อให้ทหารมาสังกัด ขอให้ถาม พล.อ.ประยุทธ์ ว่าทำได้หรือไม่ เพราะตนไม่ใช่คนตัดสินใจ

** “หม่อมโจ้” สับแหลกประชามติเพี้ยน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา ม.ล.รุ่งคุณ กิตติยากร หรือ “หม่อมโจ้” บุตรชาย “อาภัสรา หงสกุล” อดีตนางงามจักรวาล กับ ม.ร.ว.เกียรติคุณ กิติยากร ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กชื่อ “รุ่งคุณ กิติยากร”ผ่านหัวข้อ บันทึก ของหนึ่งใน 22.9 ล้านคนที่ไม่ร่วมลงประชามติ โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งระบุถึงสาเหตุของการไม่ร่วมลงประชามติว่า ไม่เพียงแต่ไม่ยอมรับในร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่เพราะไม่พอใจการละเลยองค์ประกอบอันจำเป็นตามจุดประสงค์ของการทำประชามติที่ควรจะเป็น คือการเข้าถึงเนื้อหา ได้รับฟังทั้งข้อดีข้อเสีย จากมุมมองหลากหลายเพื่อประกอบการตัดสินใจ แต่กลับมีการกีดกัน ไม่ให้มีการดีเบททางโทรทัศน์ สาระจึงถูกกลืนด้วยด้วยกระแสจากภายนอก ในประเด็นสารพัดที่ไม่ใช่เนื้อหาสาระของประชามติ พร้อมการโฆษนาชวนเชื่อเท็จต่างๆ โดยปราศจาการถกดีเบท ซึ่งสามารถจะช่วยทำให้ประชาชนแยกแยะได้ระหว่างจริงและเท็จ

“ผมมองว่าสิ่งนี้ นอกจากจะไม่ได้ถือกำเนิดโดยความชอบธรรมแล้ว ยังจะนำความทุกข์ ความเสียหายนานาประการให้กับชาติและประชาชนในอนาคตอันใกล้อย่างใหญ่หลวง ซึ่งผมรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อนึกถึงหัวอกของผู้ที่ถูกลวงไปสนับสนุนจำนวนมาก ในวันข้างหน้า เมื่อเขารู้ตัวว่าเขาได้ถูกลวงให้เซ็นต์รับอะไรไป" ม.ล.รุ่งคุณ ระบุ

** ขนาด “สมศักดิ์ เจียมฯ” ยังซูฮก

ด้าน นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งขอลี้ภัยอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ได้โพสต์เฟซบุ๊กในเชิงสนับสนุน ม.ล.รุ่งคุณว่า เขียนได้ดีมากๆ อธิบายว่าทำไมเขาจึงไม่เข้าร่วมสิ่งที่เรียกว่า ประชามติ และว่าทำไมสิ่งที่เกิดขึ้นไม่สามารถเรียกว่าเป็น ประชามติ ซึ่งตนไม่พบข้อความใดในกระทู้ที่จะโต้แย้งเลย

** ห้ามแกนนำ พท.เยี่ยม 2 อดีต ส.ส.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. แกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาฯพรรค ได้เดินทางมาที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) เพื่อขอเข้าเยี่ยม นายรังสรรค์ มณีรัตน์ อดีต ส.ส.ลำพูน และนายสมโภชน์ สายเทพ อดีต ส.ส.ลำปาง และรองนายกเทศบาลตำบลบ้านธิ จ.ลำพูน ซึ่งถูกทหารนำตัวมาควบคุมไว้ในช่วงเช้าวันเดียวกัน อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้แกนนำพรรคเพื่อไทยเข้าเยี่ยม ทำได้เพียงฝากเพียงของเยี่ยมไว้ข้างนอกเท่านั้น

โดย พล.ต.ท.วิโรจน์ กล่าวว่า คิดว่าทั้งคู่ถูกควบคุมตัวจากการถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ประชามติ ทั้งที่การทำประชามติเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สถานการณ์เรื่องการรณรงค์ก็น่าจะผ่อนคลายได้แล้ว ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็ได้ออกแถลงการณ์เรื่องนี้แล้วด้วย เพราะผู้ที่ถูกจับกุมตัวมีทั้งผู้หญิง และคนที่ป่วย ก็ควรคำนึงถึงเรื่องมนุษยธรรมด้วย เพราะเขาไม่ได้ทำลายความมั่นคงเพียงแต่มีความคิดเห็นที่แตกต่าง ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต ทั้งนี้ เราขอเรียกร้องให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมปกติ

ด้านนายภูมิธรรม กล่าวว่า คดีที่เกิดขึ้นไม่ใช่ของผู้ก่ออาญาการคดีอาชญากรรม ผู้ที่มีอำนาจ ทั้งนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเห็นว่ารับร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนคนที่ไม่รับได้ใช้ช่องทางที่ตัวเองมีการแสดงความเห็นไปแล้วเมื่อสถานการณ์ผ่านพ้นไปแล้วควรจะผ่อนคลายหรือผ่อนปรานสถานการณ์ หากปล่อยได้ก็ควรจะปล่อยและเปิดโอกาสให้คนที่เห็นต่างได้แสดงความเห็น วันนี้ผลประชามติที่ออกมายังไม่ใช่รายละเอียดของร่างรัฐธรรมนูญเป็นเพียงกติกาใหญ่ ส่วนที่ต่างชาติจะมองว่าผลที่ออกมาเป็นการสะท้อนการทำประชามติที่ไม่ปกตินั้นเรื่องนี้ก็ถือว่ายุติแล้วเพราะผลออกมาแล้ว จึงเห็นว่าไม่ควรใช้กระบวนการไล่ล่าเอาผิดกันต่อ และการคุมตัวบุคคลตามที่เป็นข่าวนั้น อยากทราบว่าควบคุมในข้อหาอะไร

จากนั้น นายภูมิธรรมได้พยายามสอบถามเจ้าหน้าที่ทหารว่า ควบคุมตัวไว้กี่คน ในข้อหาอะไร และจะควบคุมตัวกี่วัน ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งเพียงว่า อาจจะคุมตัวไว้เป็นเวลา 7 วัน.