ผู้จัดการรายวัน 360 - ก.ล.ต. เร่งตรวจสอบเชิงลึกกรณี "ไฮโซม่านฟ้า” เชิญชวนลงทุนได้ผลตอบแทนสูง ไร้ความเสี่ยง ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบูทที่ห้างเซ็นทรัล คลังเผยอาจเข้าข่ายกรณีแชร์ลูกโซ่ และผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ พร้อมเตรียมเข้าตรวจสอบภาษี ขณะที่เหยือ 50 ราย ร้องกองปราบถูกหลอกเล่นแชร์ลูกโซ่ผ่านไลน์-เฟซบุ๊กที่ "หม่อมลูกปลา" มีเอี่ยว มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 300 ล้านบาท
จากกรณีของน.ส.อรปภัตร จันทรสาขา หรือไฮโซม่านฟ้า ชักชวนประชาชนผ่านอินสตาแกรม ให้ลงทุนในบริษัท ม่านฟ้า กรุ๊ป จำกัด โดยกำหนดราคาขั้นต่ำ 100,000 บาทขึ้นไป พร้อมยืนยันว่าจะได้รับผลตอบแทน ปีละ 15% และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เข้าไปตรวจสอบพบเป็นการลงทุนผิดกฎหมายนั้น
นายปริย เตชะมวลไววิทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายงานเลขาธิการและสื่อสารองค์กร สำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวว่า ขณะนี้ ก.ล.ต.อยู่ระหว่างตรวจสอบการลงทุนของบริษัท ม่านฟ้า กรุ๊ป จำกัด ของไฮโซม่านฟ้า ในเชิงลึก หลังจากชักชวนให้ประชาชนฝากเงินลงหุ้นเอ็มเอฟซี (MFC) ที่ไร้ความเสี่ยง และผลตอบแทนสูง และการันตีผลตอบแทนร้อยละ 15 ต่อปี
ทั้งนี้ ก.ล.ต.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ เนื่องจากมีการเปิดบูทจัดประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนมาลงทุนที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า แกรนด์ พระราม 9 เมื่อช่วงวันจันทร์ผ่านมา (8 ส.ค.) ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบอีกระยะหนึ่ง และคาดจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จะเข้าไปตรวจสอบกรณีของบริษัท ม่านฟ้า เข้าข่ายกรณีแชร์ลูกโซ่หรือไม่ ต้องพิจารณาจากหลายด้าน จากจำนวนผู้มาลงทุนเกิน 50 ราย อัตราดอกเบี้ยสูงผิดปกติ และระบุว่าจะได้ผลตอบแทน คือ ภายใน 1- 3 เดือน รวมถึงผู้ลงทุนชักชวนนำเงินมาลงทุนต่อกัน หากผิดจริงสามารถส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการต่อไป
“การชักชวนให้ลงทุนทั้งผ่านนายหน้า บุคคลทั่วไป หรือบริษัทหลักทรัพย์ จะต้องได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 และพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ.2546” นายสมชัย กล่าว สรุป
ด้านนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมสรรพากร พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบทางภาษี กรณีไอโซม่านฟ้า ที่มีระดมทุนจากประชาชน โดยการันตีผลตอบแทน
“หากพบว่า มีการชำระภาษีไม่ถูกต้อง ทางกรมสรรพากร จะต้องประเมินภาษีตามกฎหมาย และหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบการกระทำผิด ทางกรมสรรพากร พร้อมจะร่วมมือในการตรวจสอบเส้นทางเงินและประวัติการชำระภาษีทั้งในส่วนบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ขณะนี้ กรมสรรพากรยังไม่ทราบรายละเอียดและความชัดเจนเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว”
*** แจ้งจับ"หม่อมลูกปลา"โกงแชร์
วานนี้ (11 ส.ค.) ที่กองปราบปราบ นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย พาผู้เสียหายกว่า 50 คน ซึ่งถูกหลอกลวงให้เล่นแชร์ผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ และเฟซบุ๊ก รวม 3 กรณี เดินเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสน บก.ป.เพื่อดำเนินคดีกับแม่ข่ายหรือเท้าแชร์ที่หลอกลวงให้เล่นแชร์ดังกล่าว รวมมูลค่าความเสียหายนับร้อยล้านบาท โดยนำเอกสารที่เกี่ยวข้องมามอบไว้เป็นหลักฐาน
นายสามารถ กล่าวว่า การเข้าแจ้งความร้องทุกข์ครั้งนี้แบ่งออกเป็น 3 กรณี คือ กรณีแรก เป็นกรณีการหลอกลวงทางแอพพลิเคชั่นไลน์ หรือทางเฟซบุ๊ก ซึ่งพัวพันกับ น.ส.โชติกา หรือชลาศัย ขวัญฐิติ หรืออดีตหม่อมชลาศัย ยุคล ณ อยุธยา หรือหม่อมลูกปลา มีการชักชวนให้เล่นแชร์โดยลงทุนเป็นแพ็คเกจห้องโกลด์สตาร์ เริ่มต้นที่ 5,150 บาท มีการจ่ายดอกเบี้ยเป็นเงินปันผลทุกสัปดาห์ ซึ่งสัปดาห์แรกจ่ายปันผล 1,000 บาท สัปดาห์ที่ 2 จ่าย 3,000 บาท และสัปดาห์ที่ 3 จ่ายเงินปันผล 4,000 บาท เท่ากับผู้เสียหายจะได้รับเงิน 8,000 บาท ภายในระยะเวลา 3 สัปดาห์ โดยต้องโอนเงินเพื่อเล่นแชร์ดังกล่าว ผ่านทางบัญชีธนาคารของนายธัชชัย ฉิมประสูติ ซึ่งเป็นเท้าแชร์
ต่อมาเมื่อมีการลงทุนเล่นแชร์กันมากขึ้น นายธัชชัย อ้างว่า บัญชีธนาคารถูกเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อายัดไว้ จึงเปลี่ยนบัญชีธนาคารที่ให้ผู้เสียหายโอนเงิน เป็นบัญชีของ น.ส.โชติกา โดยมีการตั้งชื่อห้องใหม่ ว่า ทรัพย์ทวี+โกลด์สตาร์ และเปลี่ยนแพ็คเกจการหลอกลวงใหม่ ให้เสียค่าสมัครเป็นเงิน 300 บาท ลงทุนเล่นแชร์ 5,000 บาท ต่อ 1 รหัส จะได้รับผลตอบแทนสัปดาห์ละ 1,625 บาท เมื่อครบ 4 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน จะคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยปันผลเป็นกำไร รวม 11,500 บาท ทำให้มีผู้หลงเชื่อเล่นแชร์วงดังกล่าวเป็นจำนวนมาก โดยพบว่ามีผู้เสียหายแล้วไม่ต่ำกว่า 200 คน รวมมูลค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อทราบว่าจะมีการแจ้งความทางเท้าแชร์ก็ได้ข่มขู่
สำหรับในกรณีที่ 2 เป็นวงแชร์ที่มีชื่อห้องว่า “อุ้มบุญพันทวี” ของนางพันทวี พันธ์กล่ำ เป็นเท้าแชร์ พบว่ามีผู้เสียหายร่วมเล่นแชร์ไม่ต่ำกว่า 100 คน ซึ่งวิธีการหลอกลวง ทางเท้าแชร์รายนี้อ้างว่า เมื่อนำเงินมาลงทุนจะให้ดอกเบี้ยปันผลร้อยละ 10 ต่อวัน ไม่จำกัดยอดเงินในการเล่น โดยพบว่าเกิดความเสียหายขึ้นแล้วไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท
กรณีที่ 3 เป็นผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงให้เล่นแชร์ซิมการ์ดเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ โดยพฤติการณ์ของผู้กระทำความผิดจะชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนซื้อแพ็คเกจ เป็นเงินหุ้นละ 15,000 บาท ได้รับโบนัสวันเว้นวันเป็นเงิน 1,200 บาท ซึ่งผู้เสียหายแต่ละรายจะลงทุนได้ไม่เกิน 15 หุ้น และไม่สามารถถอนเงินออกได้หากยังไม่ครบกำหนด 3 เดือน โดยมีผู้ตกเป็นเหยื่อไม่ต่ำกว่า 1,000 คน รวมมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท
ทั้งนี้พนักงานสอบสวน บก.ป.ได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้ร้องไว้ในเบื้องต้น ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
จากกรณีของน.ส.อรปภัตร จันทรสาขา หรือไฮโซม่านฟ้า ชักชวนประชาชนผ่านอินสตาแกรม ให้ลงทุนในบริษัท ม่านฟ้า กรุ๊ป จำกัด โดยกำหนดราคาขั้นต่ำ 100,000 บาทขึ้นไป พร้อมยืนยันว่าจะได้รับผลตอบแทน ปีละ 15% และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เข้าไปตรวจสอบพบเป็นการลงทุนผิดกฎหมายนั้น
นายปริย เตชะมวลไววิทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายงานเลขาธิการและสื่อสารองค์กร สำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวว่า ขณะนี้ ก.ล.ต.อยู่ระหว่างตรวจสอบการลงทุนของบริษัท ม่านฟ้า กรุ๊ป จำกัด ของไฮโซม่านฟ้า ในเชิงลึก หลังจากชักชวนให้ประชาชนฝากเงินลงหุ้นเอ็มเอฟซี (MFC) ที่ไร้ความเสี่ยง และผลตอบแทนสูง และการันตีผลตอบแทนร้อยละ 15 ต่อปี
ทั้งนี้ ก.ล.ต.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ เนื่องจากมีการเปิดบูทจัดประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนมาลงทุนที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า แกรนด์ พระราม 9 เมื่อช่วงวันจันทร์ผ่านมา (8 ส.ค.) ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบอีกระยะหนึ่ง และคาดจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จะเข้าไปตรวจสอบกรณีของบริษัท ม่านฟ้า เข้าข่ายกรณีแชร์ลูกโซ่หรือไม่ ต้องพิจารณาจากหลายด้าน จากจำนวนผู้มาลงทุนเกิน 50 ราย อัตราดอกเบี้ยสูงผิดปกติ และระบุว่าจะได้ผลตอบแทน คือ ภายใน 1- 3 เดือน รวมถึงผู้ลงทุนชักชวนนำเงินมาลงทุนต่อกัน หากผิดจริงสามารถส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการต่อไป
“การชักชวนให้ลงทุนทั้งผ่านนายหน้า บุคคลทั่วไป หรือบริษัทหลักทรัพย์ จะต้องได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 และพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ.2546” นายสมชัย กล่าว สรุป
ด้านนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมสรรพากร พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบทางภาษี กรณีไอโซม่านฟ้า ที่มีระดมทุนจากประชาชน โดยการันตีผลตอบแทน
“หากพบว่า มีการชำระภาษีไม่ถูกต้อง ทางกรมสรรพากร จะต้องประเมินภาษีตามกฎหมาย และหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบการกระทำผิด ทางกรมสรรพากร พร้อมจะร่วมมือในการตรวจสอบเส้นทางเงินและประวัติการชำระภาษีทั้งในส่วนบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ขณะนี้ กรมสรรพากรยังไม่ทราบรายละเอียดและความชัดเจนเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว”
*** แจ้งจับ"หม่อมลูกปลา"โกงแชร์
วานนี้ (11 ส.ค.) ที่กองปราบปราบ นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย พาผู้เสียหายกว่า 50 คน ซึ่งถูกหลอกลวงให้เล่นแชร์ผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ และเฟซบุ๊ก รวม 3 กรณี เดินเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสน บก.ป.เพื่อดำเนินคดีกับแม่ข่ายหรือเท้าแชร์ที่หลอกลวงให้เล่นแชร์ดังกล่าว รวมมูลค่าความเสียหายนับร้อยล้านบาท โดยนำเอกสารที่เกี่ยวข้องมามอบไว้เป็นหลักฐาน
นายสามารถ กล่าวว่า การเข้าแจ้งความร้องทุกข์ครั้งนี้แบ่งออกเป็น 3 กรณี คือ กรณีแรก เป็นกรณีการหลอกลวงทางแอพพลิเคชั่นไลน์ หรือทางเฟซบุ๊ก ซึ่งพัวพันกับ น.ส.โชติกา หรือชลาศัย ขวัญฐิติ หรืออดีตหม่อมชลาศัย ยุคล ณ อยุธยา หรือหม่อมลูกปลา มีการชักชวนให้เล่นแชร์โดยลงทุนเป็นแพ็คเกจห้องโกลด์สตาร์ เริ่มต้นที่ 5,150 บาท มีการจ่ายดอกเบี้ยเป็นเงินปันผลทุกสัปดาห์ ซึ่งสัปดาห์แรกจ่ายปันผล 1,000 บาท สัปดาห์ที่ 2 จ่าย 3,000 บาท และสัปดาห์ที่ 3 จ่ายเงินปันผล 4,000 บาท เท่ากับผู้เสียหายจะได้รับเงิน 8,000 บาท ภายในระยะเวลา 3 สัปดาห์ โดยต้องโอนเงินเพื่อเล่นแชร์ดังกล่าว ผ่านทางบัญชีธนาคารของนายธัชชัย ฉิมประสูติ ซึ่งเป็นเท้าแชร์
ต่อมาเมื่อมีการลงทุนเล่นแชร์กันมากขึ้น นายธัชชัย อ้างว่า บัญชีธนาคารถูกเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อายัดไว้ จึงเปลี่ยนบัญชีธนาคารที่ให้ผู้เสียหายโอนเงิน เป็นบัญชีของ น.ส.โชติกา โดยมีการตั้งชื่อห้องใหม่ ว่า ทรัพย์ทวี+โกลด์สตาร์ และเปลี่ยนแพ็คเกจการหลอกลวงใหม่ ให้เสียค่าสมัครเป็นเงิน 300 บาท ลงทุนเล่นแชร์ 5,000 บาท ต่อ 1 รหัส จะได้รับผลตอบแทนสัปดาห์ละ 1,625 บาท เมื่อครบ 4 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน จะคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยปันผลเป็นกำไร รวม 11,500 บาท ทำให้มีผู้หลงเชื่อเล่นแชร์วงดังกล่าวเป็นจำนวนมาก โดยพบว่ามีผู้เสียหายแล้วไม่ต่ำกว่า 200 คน รวมมูลค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อทราบว่าจะมีการแจ้งความทางเท้าแชร์ก็ได้ข่มขู่
สำหรับในกรณีที่ 2 เป็นวงแชร์ที่มีชื่อห้องว่า “อุ้มบุญพันทวี” ของนางพันทวี พันธ์กล่ำ เป็นเท้าแชร์ พบว่ามีผู้เสียหายร่วมเล่นแชร์ไม่ต่ำกว่า 100 คน ซึ่งวิธีการหลอกลวง ทางเท้าแชร์รายนี้อ้างว่า เมื่อนำเงินมาลงทุนจะให้ดอกเบี้ยปันผลร้อยละ 10 ต่อวัน ไม่จำกัดยอดเงินในการเล่น โดยพบว่าเกิดความเสียหายขึ้นแล้วไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท
กรณีที่ 3 เป็นผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงให้เล่นแชร์ซิมการ์ดเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ โดยพฤติการณ์ของผู้กระทำความผิดจะชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนซื้อแพ็คเกจ เป็นเงินหุ้นละ 15,000 บาท ได้รับโบนัสวันเว้นวันเป็นเงิน 1,200 บาท ซึ่งผู้เสียหายแต่ละรายจะลงทุนได้ไม่เกิน 15 หุ้น และไม่สามารถถอนเงินออกได้หากยังไม่ครบกำหนด 3 เดือน โดยมีผู้ตกเป็นเหยื่อไม่ต่ำกว่า 1,000 คน รวมมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท
ทั้งนี้พนักงานสอบสวน บก.ป.ได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้ร้องไว้ในเบื้องต้น ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
