วานนี้ (10 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) โดยทางกระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้นำยานยนต์ไฟฟ้าประเภทต่างๆ พร้อมแท่นประจุไฟฟ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนบูรณาการพลังงานแห่งชาติ มาจัดแสงให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ได้รับชม ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทดลองขับ ระยะใกล้ พร้อมกับร่วมถ่ายภาพกับผู้จัดงาน โดยนายกฯ กล่าวว่า ถ้าจะนำมาใช้ในประเทศไทย ราคาก็ต้องไม่ตีราคาตลาดล่าง ไม่อย่างนั้นที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ อีโคคาร์ ก็จะหายไปอีก เราต้องดูหลายอย่าง ไม่ใช่ของใหม่ดีกว่า เพราะบางอย่างของเก่าดีกว่า โดยยานยนต์ไฟฟ้าเป็นมิติใหม่ในวันข้างหน้าเท่านั้น ซึ่งจะต้องตอบได้ว่า วันข้างหน้า จะสามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้เท่าไร ภายใน 30 ปี ซึ่งที่ตนไปประชุมยูเอ็นมา เราจะตอบคำถามด้วยการลดเครื่องยนต์ หรือรถยนต์ที่ใช้น้ำมันจำนวนหนึ่ง แล้วเอาสิ่งนี้ไปทดแทน
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน มีเป้าหมาย ลดความเข้มการใช้พลังงานลงร้อยละ 30 ในปี 2579 โดยเฉพาะภาคขนส่ง ซึ่งเป็นภาคที่ใช้พลังงานมากที่สุด เป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า และในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. กระทรวงพลังงาน จะเสนอโครงการสนับสนุนการลงทุน สถานีอัดประจุไฟฟ้าให้ที่ประชุมพิจารณา ซึ่งจะจัดตั้งจำนวน 100 สถานี แบบ quick charge ซึ่งจะให้การสนับสนุน 1 ล้านบาท ต่อ 1 สถานี และแบบ Nornal charge ซึ่งจะให้การสนับสนุน 1 แสนบาท ต่อ 1 สถานี โดยกระทรวงพลังงานคาดการณ์ว่า จะมีรถยนต์ไฟฟ้าใช้ในประเทศไทย 1.2 ล้านคัน ภายในปี 2579 และเชื่อว่าจะมีปริมาณกำลังผลิตไฟฟ้าเพียงพอต่อความต้องการ
หลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีหลายเรื่องที่เป็นเรื่องทั้งเพื่อทราบ และเพื่อพิจารณา โดยที่ประชุมให้ความห่วงใยในเรื่องของการลงทุนพลังทดแทน การวางแผนอนาคต และการปรับแผนจีดีพี ต่างๆ ที่มีความก้าวหน้าตามลำดับ โดยเฉพาะการใช้พลังงานทดแทนใน 2 ปีที่ผ่านมา มีความต้องการเพิ่มขึ้นจำนวนมากพอสมควร ซึ่งเร็วกว่าแผนที่วางไว้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่เป็นปัญหา รัฐบาลจะพยายามแก้ไข เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนโดยรวมให้ได้ ดังนั้นการจะทำอะไรก็ตาม ต้องคำนึงถึงทุกกิจกรรม ให้ครอบคลุมหลายเป้าหมาย ก็คือทำอย่างไรไม่ให้ผู้บริโภคเดือดร้อน และต้องเห็นใจว่า หลายอย่างต้องใช้งบประมาณในการลงทุนสูง โดยเฉพาะกิจการพลังงาน และเพื่อให้เกิดการมีเสถียรภาพ และมีความมั่นคงด้านพลังงาน เมื่อถึงเวลาจำเป็นจริงๆ เราต้องสามารถอยู่ได้ โดยไม่ต้องพึ่งพลังงานจากภายนอก นี่คือสิ่งสำคัญ
"เราไม่ทราบว่าวันหน้าจะเกิดอะไรขึ้นในประเทศ จะเกิดอะไรขึ้นในโลกใบนี้ จะต้องเตรียมความพร้อมไว้ด้วย แต่ก็ค่อยเป็นค่อยไปได้ ช่วงนี้เราก็ไม่มีปัญหาอะไรกับใครทั้งสิ้น" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน มีเป้าหมาย ลดความเข้มการใช้พลังงานลงร้อยละ 30 ในปี 2579 โดยเฉพาะภาคขนส่ง ซึ่งเป็นภาคที่ใช้พลังงานมากที่สุด เป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า และในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. กระทรวงพลังงาน จะเสนอโครงการสนับสนุนการลงทุน สถานีอัดประจุไฟฟ้าให้ที่ประชุมพิจารณา ซึ่งจะจัดตั้งจำนวน 100 สถานี แบบ quick charge ซึ่งจะให้การสนับสนุน 1 ล้านบาท ต่อ 1 สถานี และแบบ Nornal charge ซึ่งจะให้การสนับสนุน 1 แสนบาท ต่อ 1 สถานี โดยกระทรวงพลังงานคาดการณ์ว่า จะมีรถยนต์ไฟฟ้าใช้ในประเทศไทย 1.2 ล้านคัน ภายในปี 2579 และเชื่อว่าจะมีปริมาณกำลังผลิตไฟฟ้าเพียงพอต่อความต้องการ
หลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีหลายเรื่องที่เป็นเรื่องทั้งเพื่อทราบ และเพื่อพิจารณา โดยที่ประชุมให้ความห่วงใยในเรื่องของการลงทุนพลังทดแทน การวางแผนอนาคต และการปรับแผนจีดีพี ต่างๆ ที่มีความก้าวหน้าตามลำดับ โดยเฉพาะการใช้พลังงานทดแทนใน 2 ปีที่ผ่านมา มีความต้องการเพิ่มขึ้นจำนวนมากพอสมควร ซึ่งเร็วกว่าแผนที่วางไว้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่เป็นปัญหา รัฐบาลจะพยายามแก้ไข เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนโดยรวมให้ได้ ดังนั้นการจะทำอะไรก็ตาม ต้องคำนึงถึงทุกกิจกรรม ให้ครอบคลุมหลายเป้าหมาย ก็คือทำอย่างไรไม่ให้ผู้บริโภคเดือดร้อน และต้องเห็นใจว่า หลายอย่างต้องใช้งบประมาณในการลงทุนสูง โดยเฉพาะกิจการพลังงาน และเพื่อให้เกิดการมีเสถียรภาพ และมีความมั่นคงด้านพลังงาน เมื่อถึงเวลาจำเป็นจริงๆ เราต้องสามารถอยู่ได้ โดยไม่ต้องพึ่งพลังงานจากภายนอก นี่คือสิ่งสำคัญ
"เราไม่ทราบว่าวันหน้าจะเกิดอะไรขึ้นในประเทศ จะเกิดอะไรขึ้นในโลกใบนี้ จะต้องเตรียมความพร้อมไว้ด้วย แต่ก็ค่อยเป็นค่อยไปได้ ช่วงนี้เราก็ไม่มีปัญหาอะไรกับใครทั้งสิ้น" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
