บรรยากาศการใช้สิทธิออกเสียงประชามติร่าง รธน.ต่างจังหวัดคึกคักพบมีการฉีกบัตรลงประชามติหลายจังหวัดทั้งตั้งใจและเข้าใจผิด ส่วนที่ขอนแก่นหน่วยลงเสียงแทบแตก แฟนคลับแห่ขอลายเซ็น "ณเดชน์" หลังเดินทางมาใช้สิทธิที่บ้านเกิด
วานนี้ (7 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการออกไปใช้สิทธิลงคะแนนประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พร้อมคำถามประกอบการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ตามหน่วยออกเสียงต่างๆ ทั่วประเทศเป็นไปอย่างคึกคัก ขณะเดียวกันก็มีการฉีกบัตรเกิดขึ้นหลายพื้นที่ แต่ส่วนใหญ่เกิดจากความเข้าใจผิด
โดยเฉพาะบรรยากาศการลงคะแนนออกเสียงประชามติในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือเป็นไปอย่างคึกคัก โดยชาวเขาเผ่าม้ง ต.บ้านปง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ต่างพากันสวมชุดประจำเผ่าออกมาใช้สิทธิออกเสียงที่หน่วยออกเสียงที่ 8 ต.บ้านปง ตั้งแต่เช้า บางรายถึงขั้นต้องนำลูกหลานใส่หลังมาออกเสียงด้วย
ทั้งนี้ เวลา 10.50 น.ที่โรงเรียนคำเที่ยงอนุสรณ์ ซึ่งเป็นหน่วยออกเสียงประชามติที่ 2 ต.ช้างม่อย อ.เมืองเชียงใหม่ นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ซึ่งเป็นหลานชายของนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายก อบจ.เชียงใหม่ และเป็นน้องชายของ น.ส.ทัศนีย์ บูรณูปกรณ์ รองนายก อบจ.เชียงใหม่ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีเผยแพร่จดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และใกล้เคียงได้เดินทางมาใช้สิทธิออกเสียงลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่หน่วยออกเสียงดังกล่าว หลังจากที่ใช้สิทธิออกเสียงลงประชามติแล้ว และก่อนที่จะเดินทางกลับไปนั้น นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ได้เปิดเผยสั้นๆ เกี่ยวกับกรณีที่นายบุญเลิศ และ น.ส.ทัศนีย์ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีเผยแพร่จดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ ว่า เตรียมยื่นเรื่องขอประกันตัวอีกครั้งหลังจากที่ผ่านพ้นวันออกเสียงลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันนี้ไปแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้เคยยื่นขอประกันตัวไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนที่ จ.น่าน ด้วยสภาพอากาศปลอดโปร่ง และไม่มีฝนตก ส่งผลให้ประชาชนทยอยออกมาใช้สิทธิตามหน่วยออกเสียงต่างๆ อย่างคึกคัก เช่นกัน ด้าน จ.แพร่ นายพิเชษฐ์ ไพบูลย์ศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ได้ออกมาลงประชามติในหน่วยเลือกตั้งกลาง หอประชุมอำเภอเมืองเวลา 09.00 น.ซึ่งมีประชาชนทยอยมาใช้สิทธิต่อเนื่อง
สำหรับบรรยากาศของการลงประชามติของ จ.พิจิตร ก็คึกคัก โดยนางฉัตรพร ราษฎร์ดุษดี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนจำนวนมากได้ออกไปใช้สิทธิกันอย่างพร้อมเพรียง จากนั้นนางฉัตรพร พร้อมกับนายประยูร จักรพัชรกุล ผอ.กกต.พิจิตร ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยลงคะแนนการลงประชามติวัดหาดมูลกระบือ ที่เคยถูกฝูงลิงป่าฉีกประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิลงประชามติ โดยได้นำอาหารไปเลี้ยงฝูงลิงเพื่อเป็นการผูกมิตร ไม่ให้มาป่วน หรือก่อกวนในคูหาการลงประชามติ
ที่ จ.เพชรบูรณ์ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะที่หน่วยออกเสียงที่ 5 บ้านหินโง่น ต.ศิลา อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ได้มีนายเกียน คำเนียม ทวดอายุ 104 ปีที่เดินถือไม้เท้าขโยกเขยกมาใช้สิทธิ์ออกเสียงประชามติ จนสร้างความฮือฮาและเสียงชื่นชมให้กับคณะกรรมการประจำหน่วยออกเสียง โดยคุณทวดวัย 104 ปี ซึ่งนอกจากจะมีสุขภาพแข็งแรงและสายตายังใช้การได้ดี และยังเป็นไอดอลของผู้ใช้สิทธิ์ในหมู่บ้านแห่งนี้อีกด้วย
ส่วนในพื้นที่ภาคอีสานหลายจังหวัดคึกคัก เบื้องต้นพบมีผู้ฉีกบัตรบัตรประชามติเกือบ 10 ราย มีแบบตั้งใจแต่ส่วนใหญ้ป็นผู้สูงอายุที่เข้าใจผิด โดยที่ จ.ขอนแก่น บรรยากาศการออกเสียงประชามติที่หน่วยออกเสียงที่ 116 เทศบาลนครขอนแก่น ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น นายณเดชน์ คูกิมิยะ ดาราวัยรุ่นชื่อดัง พร้อมนางสุดารัตน์ คูกิมิยะ มารดา อยู่บ้านเลขที่ 668/67 หมู่บ้านจัดสรรเขาไทย ถ.กลางเมือง ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น และผู้จัดการส่วนตัวได้เดินทางมายังสถานที่ดังกล่าวเพื่อใช้สิทธิออกเสียงประชามติ
โดยนายณเดชน์ คูกิมิยะ เป็นผู้มีสิทธิลงประชามติ ลำดับที่ 533 และนางสุดารัตน์ ลำดับที่ 534 โดยมีแฟนคลับวัยรุ่น รวมถึงประชาชนในชุมชนใกล้เคียงกับหน่วยออกเสียงจำนวนมากเข้ามารุมล้อมขอลายเซ็น ถ่ายรูปร่วมกับ ณเดชน์ กันอย่างคึกคัก
ด้านนายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยนายอภินันท์ จันทร์อุปละ กกต.จว.ขอนแก่น และคณะได้มาตรวจดูแลความเรียบร้อยยังสถานที่การออกเสียงประชามติ ที่นายณเดชน์ พร้อมมารดามาใช้สิทธิลงประชามติ และมีนางอรุณ พลตรี อายุ 83 ปี อยู่บ้านเลขที่ 666/2 หมู่บ้านการเคหะขอนแก่น ขาหักด้านขวา ได้ใช้ขาหยั่งคู่พยุงตัวเองมาขอใช้สิทธิเพื่อออกเสียงประชามติ ณ หน่วยออกเสียงดังกล่าวด้วย
ขณะเดียวกันได้เกิดความวุ่นวายขึ้นภายในหน่วยออกเสียงประชามติ 5 หน่วยที่ตั้งอยู่ภายในศาลาพระราชทานปริญญาบัตรหลังเก่า ภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) หลังพบว่ามีผู้มีสิทธิจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา ยืนต่อคิวใช้สิทธิออกเสียงประชามติตั้งแต่เวลา 15.00 น.จนจะใกล้ถึงเวลาปิดการลงประชามติ 16.00 น. ก็ยังไม่ได้ใช้สิทธิ บางส่วนเดินทางกลับ เพราะใกล้หมดเวลาใช้สิทธิ ทำให้เจ้าหน้าที่ กกต.ประจำหน่วยประชุมหารือ และมีมติให้ผู้ที่มาลงทะเบียนใช้สิทธิก่อนเวลา 16.00 น. สามารถใช้สิทธิได้ทุกคน โดยนำแผงเหล็กกั้นของ กกต.มากั้นนักศึกษากว่า 300 คนที่ยืนรอคิวอยู่ให้สามารถใช้สิทธิได้
ทางด้าน พล.ต.ท.ทวิชชาติ พละศักดิ์ ผบช.ภ.3 เปิดเผยว่า จากการรายงานบรรยากาศการออกเสียงประชามติ ในพื้นที่กำกับดูแล 8 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ชัยภูมิ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์, ยโสธร, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ล่าสุดพบว่า มีการฉีกบัตรออกเสียงประชามติไปแล้วจำนวน 6 ราย ประกอบไปด้วย ยโสธร 1 ราย อายุ 59 ปี จากการสอบสวนเบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นคนสติไม่สมประกอบ
อุบลราชธานี 1 ราย อายุ 70 ปี สุรินทร์ 2 ราย อายุ 42 กับ 67 ปี ศรีสะเกษ 1 ราย อายุ 60 ปี และที่บุรีรัมย์ 1 ราย อายุ 68 ปี จากการสอบสวนเบื้องต้น ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่เข้าใจผิด คิดว่ารอยปรุที่เขาให้พับเป็นรอยสำหรับให้ฉีกออกมา จึงเกิดการฉีกบัตรขึ้นในครั้งนี้ โดยไม่มีการชักนำ หรือเกี่ยวโยงกับการเมืองแต่อย่างใด
ส่วนที่ จ.อ่างทองพบฉีกบัตร 1 รายที่บริเวณหน่วยลงคะแนนออกเสียงที่ 9 ศูนย์การเรียนหมู่บ้าน หมู่ที่ 9 ต.สามโก้ อ.สามโก้ เจ้าหน้าที่จึงควบตัวไปสอบสวน คือ นายมณี สิทธิ์น้อย อายุ 56 ปีให้การว่าเข้าใจว่าบัตรที่ใช้กาออกเสียงมี 2 ส่วน ตามรอยพับและได้หย่อนลงไปในหีบบัตรด้วยความที่ไม่ตั้งใจ เช่นเดียวกับที่ จ.กาญจนบุรี มีผู้ฉีกบัตรเลือกตั้ง 1 รายคือนางเมือง หนุนภักดี อายุ 89 ปี เป็นข้าราชการบำนาญ เหตุเข้าใจผิดเช่นเดียวกัน
ด้านนายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า มีการฉีกบัตรลงประชามติใน 3 หน่วยเคือที่หน่วยที่ 4 ต.สามพราน อ.สามพราน หน่วยที่ 7 ต.บางเลน อ.บางเลน และหน่วยที่ 3 ต.พระประโทน อ.เมืองนครปฐม ผู้ที่ฉีกบัตรเป็นผู้สูงอายุ 2 ราย และข้าราชการตำรวจ 1 ราย ทั้ง 3 ราย ทำการฉีกบัตรแยกออกเป็น 2 ส่วน สาเหตุเกิดจากความไม่เข้าใจ เพราะทั้ง 3 ราย เห็นบัตรเป็น 2 ส่วน จึงคิดว่าต้องฉีกแยกออกจากกัน และไม่ได้ทำการฉีกโชว์ต่อหน้ากรรมการหน่วยเลือกตั้ง จึงเชื่อว่าทั้งหมดไม่มีเจตนาที่จะฉีกบัตรคัดค้านการลงประชามติแต่อย่างใด
ส่วนในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยเฉพาะ จ.ชลบุรี หลังเปิดหีบการลงคะแนนออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พบว่ามีประชาชนเดินทางเพื่อไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนออกเสียงประชามติตามหน่วยออกเสียงต่างๆ กันคึกคักโดยมีทหาร ตำรวจ และประชาชนเข้าแถวรอการลงคะแนนยาวเหยียด ทั้งนี้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเรียบร้อย
ส่วนบรรยากาศการออกเสียงลงประชามติในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตั้งแต่ 08.00 น.มีประชาชนทยอยเดินทางมาใช้สิทธิ์ออกเสียงลงประชามติอย่างคึกคัก โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยออกเสียงลงประชามติคอยบริการอำนวยความสะดวกในการตรวจสอบรายชื่อให้ตลอดเวลาและยังคอยแนะนำผู้สูงอายุที่ไม่เข้าใจการออกเสียงลงประชามติ
ส่วน อ.หาดใหญ่ มีหน่วยออกเสียงประชามติ 437 หน่วยโดยได้แบ่งการส่งมอบเป็น 3 รอบ รอบแรกในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จำนวน 150 หน่วย รอบสองในพื้นที่เขตตำบลคอหงส์ และตำบลคลองแห 148 หน่วย และรอบสาม ซึ่งเป็นพื้นที่รอบนอก 144 หน่วย รวม 437 หน่วย โดยบรรยากาศในภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น
ที่ จ.นราธิวาส พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผอ.รักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้เดินทางออกมาใช้สิทธิออกเสียงประชามติ ที่หน่วยออกเสียงที่ 23 อาคารโรงอาหารศูนย์การศึกษาพิเศษนราธิวาส ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิตามหน้าที่ของตนเอง หากกังวลเรื่องความปลอดภัยอยากให้มั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่จะดูแลรักษาความปลอดภัยว่า ดูแลได้ทั้งระหว่างเส้นทาง และตามหน่วยลงประชามติ
ขณะเดียวกัน ตนเองได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มในการปฏิบัติงาน พร้อมติดตามความเคลื่อนไหวของบุคคลแปลกหน้าที่เข้ามาในพื้นที่ โดยให้ประสานกับชาวบ้านในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ จ.สุราษฏร์ธานี ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี พร้อม กกต.ได้ร่วมตรวจสอบกรณีนางวลีย์ อายุ 81 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105 ม. 1 ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ที่ฉีกบัตรลงประชามติ เหตุเกิดที่หน่วยลงประชามติที่อาคารเรียน โรงเรียนวัดโพธิ์นิมิต ต.บางกุ้ง อ.เมืองสุราษฎร์ธานี โดยเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยให้ข้อมูลว่านางวลีย์ เดินทางมาใช้สิทธิ์ของตน เช่นเดียวกับการเลือกตั้งทุกครั้ง หลังเข้าคูหา กาเครื่องหมายลงในบัตรประชามติแล้ว ได้เดินนำบัตรไปใส่กล่อง แล้วถามเจ้าหน้าที่ว่า หย่อนบัตรไปแล้วหนึ่งใบแล้วอีกใบหนึ่งจะให้หย่อนกล่องไหน ทำให้เจ้าหน้าที่จึงทราบว่า คุณยายวลีย์ ได้ฉีกบัตรออกเป็นสองส่วน โดยนางวลีย์ บอกว่าไม่ได้มีเจตนาในการทำลายบัตร เนื่องจากเข้าใจว่า บัตรมี 2 ส่วน จึงต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วน เพื่อหย่อนในกล่องคนละใบ.
วานนี้ (7 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการออกไปใช้สิทธิลงคะแนนประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พร้อมคำถามประกอบการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ตามหน่วยออกเสียงต่างๆ ทั่วประเทศเป็นไปอย่างคึกคัก ขณะเดียวกันก็มีการฉีกบัตรเกิดขึ้นหลายพื้นที่ แต่ส่วนใหญ่เกิดจากความเข้าใจผิด
โดยเฉพาะบรรยากาศการลงคะแนนออกเสียงประชามติในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือเป็นไปอย่างคึกคัก โดยชาวเขาเผ่าม้ง ต.บ้านปง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ต่างพากันสวมชุดประจำเผ่าออกมาใช้สิทธิออกเสียงที่หน่วยออกเสียงที่ 8 ต.บ้านปง ตั้งแต่เช้า บางรายถึงขั้นต้องนำลูกหลานใส่หลังมาออกเสียงด้วย
ทั้งนี้ เวลา 10.50 น.ที่โรงเรียนคำเที่ยงอนุสรณ์ ซึ่งเป็นหน่วยออกเสียงประชามติที่ 2 ต.ช้างม่อย อ.เมืองเชียงใหม่ นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ซึ่งเป็นหลานชายของนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายก อบจ.เชียงใหม่ และเป็นน้องชายของ น.ส.ทัศนีย์ บูรณูปกรณ์ รองนายก อบจ.เชียงใหม่ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีเผยแพร่จดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และใกล้เคียงได้เดินทางมาใช้สิทธิออกเสียงลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่หน่วยออกเสียงดังกล่าว หลังจากที่ใช้สิทธิออกเสียงลงประชามติแล้ว และก่อนที่จะเดินทางกลับไปนั้น นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ได้เปิดเผยสั้นๆ เกี่ยวกับกรณีที่นายบุญเลิศ และ น.ส.ทัศนีย์ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีเผยแพร่จดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ ว่า เตรียมยื่นเรื่องขอประกันตัวอีกครั้งหลังจากที่ผ่านพ้นวันออกเสียงลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันนี้ไปแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้เคยยื่นขอประกันตัวไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนที่ จ.น่าน ด้วยสภาพอากาศปลอดโปร่ง และไม่มีฝนตก ส่งผลให้ประชาชนทยอยออกมาใช้สิทธิตามหน่วยออกเสียงต่างๆ อย่างคึกคัก เช่นกัน ด้าน จ.แพร่ นายพิเชษฐ์ ไพบูลย์ศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ได้ออกมาลงประชามติในหน่วยเลือกตั้งกลาง หอประชุมอำเภอเมืองเวลา 09.00 น.ซึ่งมีประชาชนทยอยมาใช้สิทธิต่อเนื่อง
สำหรับบรรยากาศของการลงประชามติของ จ.พิจิตร ก็คึกคัก โดยนางฉัตรพร ราษฎร์ดุษดี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนจำนวนมากได้ออกไปใช้สิทธิกันอย่างพร้อมเพรียง จากนั้นนางฉัตรพร พร้อมกับนายประยูร จักรพัชรกุล ผอ.กกต.พิจิตร ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยลงคะแนนการลงประชามติวัดหาดมูลกระบือ ที่เคยถูกฝูงลิงป่าฉีกประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิลงประชามติ โดยได้นำอาหารไปเลี้ยงฝูงลิงเพื่อเป็นการผูกมิตร ไม่ให้มาป่วน หรือก่อกวนในคูหาการลงประชามติ
ที่ จ.เพชรบูรณ์ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะที่หน่วยออกเสียงที่ 5 บ้านหินโง่น ต.ศิลา อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ได้มีนายเกียน คำเนียม ทวดอายุ 104 ปีที่เดินถือไม้เท้าขโยกเขยกมาใช้สิทธิ์ออกเสียงประชามติ จนสร้างความฮือฮาและเสียงชื่นชมให้กับคณะกรรมการประจำหน่วยออกเสียง โดยคุณทวดวัย 104 ปี ซึ่งนอกจากจะมีสุขภาพแข็งแรงและสายตายังใช้การได้ดี และยังเป็นไอดอลของผู้ใช้สิทธิ์ในหมู่บ้านแห่งนี้อีกด้วย
ส่วนในพื้นที่ภาคอีสานหลายจังหวัดคึกคัก เบื้องต้นพบมีผู้ฉีกบัตรบัตรประชามติเกือบ 10 ราย มีแบบตั้งใจแต่ส่วนใหญ้ป็นผู้สูงอายุที่เข้าใจผิด โดยที่ จ.ขอนแก่น บรรยากาศการออกเสียงประชามติที่หน่วยออกเสียงที่ 116 เทศบาลนครขอนแก่น ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น นายณเดชน์ คูกิมิยะ ดาราวัยรุ่นชื่อดัง พร้อมนางสุดารัตน์ คูกิมิยะ มารดา อยู่บ้านเลขที่ 668/67 หมู่บ้านจัดสรรเขาไทย ถ.กลางเมือง ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น และผู้จัดการส่วนตัวได้เดินทางมายังสถานที่ดังกล่าวเพื่อใช้สิทธิออกเสียงประชามติ
โดยนายณเดชน์ คูกิมิยะ เป็นผู้มีสิทธิลงประชามติ ลำดับที่ 533 และนางสุดารัตน์ ลำดับที่ 534 โดยมีแฟนคลับวัยรุ่น รวมถึงประชาชนในชุมชนใกล้เคียงกับหน่วยออกเสียงจำนวนมากเข้ามารุมล้อมขอลายเซ็น ถ่ายรูปร่วมกับ ณเดชน์ กันอย่างคึกคัก
ด้านนายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยนายอภินันท์ จันทร์อุปละ กกต.จว.ขอนแก่น และคณะได้มาตรวจดูแลความเรียบร้อยยังสถานที่การออกเสียงประชามติ ที่นายณเดชน์ พร้อมมารดามาใช้สิทธิลงประชามติ และมีนางอรุณ พลตรี อายุ 83 ปี อยู่บ้านเลขที่ 666/2 หมู่บ้านการเคหะขอนแก่น ขาหักด้านขวา ได้ใช้ขาหยั่งคู่พยุงตัวเองมาขอใช้สิทธิเพื่อออกเสียงประชามติ ณ หน่วยออกเสียงดังกล่าวด้วย
ขณะเดียวกันได้เกิดความวุ่นวายขึ้นภายในหน่วยออกเสียงประชามติ 5 หน่วยที่ตั้งอยู่ภายในศาลาพระราชทานปริญญาบัตรหลังเก่า ภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) หลังพบว่ามีผู้มีสิทธิจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา ยืนต่อคิวใช้สิทธิออกเสียงประชามติตั้งแต่เวลา 15.00 น.จนจะใกล้ถึงเวลาปิดการลงประชามติ 16.00 น. ก็ยังไม่ได้ใช้สิทธิ บางส่วนเดินทางกลับ เพราะใกล้หมดเวลาใช้สิทธิ ทำให้เจ้าหน้าที่ กกต.ประจำหน่วยประชุมหารือ และมีมติให้ผู้ที่มาลงทะเบียนใช้สิทธิก่อนเวลา 16.00 น. สามารถใช้สิทธิได้ทุกคน โดยนำแผงเหล็กกั้นของ กกต.มากั้นนักศึกษากว่า 300 คนที่ยืนรอคิวอยู่ให้สามารถใช้สิทธิได้
ทางด้าน พล.ต.ท.ทวิชชาติ พละศักดิ์ ผบช.ภ.3 เปิดเผยว่า จากการรายงานบรรยากาศการออกเสียงประชามติ ในพื้นที่กำกับดูแล 8 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ชัยภูมิ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์, ยโสธร, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ล่าสุดพบว่า มีการฉีกบัตรออกเสียงประชามติไปแล้วจำนวน 6 ราย ประกอบไปด้วย ยโสธร 1 ราย อายุ 59 ปี จากการสอบสวนเบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นคนสติไม่สมประกอบ
อุบลราชธานี 1 ราย อายุ 70 ปี สุรินทร์ 2 ราย อายุ 42 กับ 67 ปี ศรีสะเกษ 1 ราย อายุ 60 ปี และที่บุรีรัมย์ 1 ราย อายุ 68 ปี จากการสอบสวนเบื้องต้น ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่เข้าใจผิด คิดว่ารอยปรุที่เขาให้พับเป็นรอยสำหรับให้ฉีกออกมา จึงเกิดการฉีกบัตรขึ้นในครั้งนี้ โดยไม่มีการชักนำ หรือเกี่ยวโยงกับการเมืองแต่อย่างใด
ส่วนที่ จ.อ่างทองพบฉีกบัตร 1 รายที่บริเวณหน่วยลงคะแนนออกเสียงที่ 9 ศูนย์การเรียนหมู่บ้าน หมู่ที่ 9 ต.สามโก้ อ.สามโก้ เจ้าหน้าที่จึงควบตัวไปสอบสวน คือ นายมณี สิทธิ์น้อย อายุ 56 ปีให้การว่าเข้าใจว่าบัตรที่ใช้กาออกเสียงมี 2 ส่วน ตามรอยพับและได้หย่อนลงไปในหีบบัตรด้วยความที่ไม่ตั้งใจ เช่นเดียวกับที่ จ.กาญจนบุรี มีผู้ฉีกบัตรเลือกตั้ง 1 รายคือนางเมือง หนุนภักดี อายุ 89 ปี เป็นข้าราชการบำนาญ เหตุเข้าใจผิดเช่นเดียวกัน
ด้านนายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า มีการฉีกบัตรลงประชามติใน 3 หน่วยเคือที่หน่วยที่ 4 ต.สามพราน อ.สามพราน หน่วยที่ 7 ต.บางเลน อ.บางเลน และหน่วยที่ 3 ต.พระประโทน อ.เมืองนครปฐม ผู้ที่ฉีกบัตรเป็นผู้สูงอายุ 2 ราย และข้าราชการตำรวจ 1 ราย ทั้ง 3 ราย ทำการฉีกบัตรแยกออกเป็น 2 ส่วน สาเหตุเกิดจากความไม่เข้าใจ เพราะทั้ง 3 ราย เห็นบัตรเป็น 2 ส่วน จึงคิดว่าต้องฉีกแยกออกจากกัน และไม่ได้ทำการฉีกโชว์ต่อหน้ากรรมการหน่วยเลือกตั้ง จึงเชื่อว่าทั้งหมดไม่มีเจตนาที่จะฉีกบัตรคัดค้านการลงประชามติแต่อย่างใด
ส่วนในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยเฉพาะ จ.ชลบุรี หลังเปิดหีบการลงคะแนนออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พบว่ามีประชาชนเดินทางเพื่อไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนออกเสียงประชามติตามหน่วยออกเสียงต่างๆ กันคึกคักโดยมีทหาร ตำรวจ และประชาชนเข้าแถวรอการลงคะแนนยาวเหยียด ทั้งนี้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเรียบร้อย
ส่วนบรรยากาศการออกเสียงลงประชามติในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตั้งแต่ 08.00 น.มีประชาชนทยอยเดินทางมาใช้สิทธิ์ออกเสียงลงประชามติอย่างคึกคัก โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยออกเสียงลงประชามติคอยบริการอำนวยความสะดวกในการตรวจสอบรายชื่อให้ตลอดเวลาและยังคอยแนะนำผู้สูงอายุที่ไม่เข้าใจการออกเสียงลงประชามติ
ส่วน อ.หาดใหญ่ มีหน่วยออกเสียงประชามติ 437 หน่วยโดยได้แบ่งการส่งมอบเป็น 3 รอบ รอบแรกในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จำนวน 150 หน่วย รอบสองในพื้นที่เขตตำบลคอหงส์ และตำบลคลองแห 148 หน่วย และรอบสาม ซึ่งเป็นพื้นที่รอบนอก 144 หน่วย รวม 437 หน่วย โดยบรรยากาศในภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น
ที่ จ.นราธิวาส พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผอ.รักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้เดินทางออกมาใช้สิทธิออกเสียงประชามติ ที่หน่วยออกเสียงที่ 23 อาคารโรงอาหารศูนย์การศึกษาพิเศษนราธิวาส ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิตามหน้าที่ของตนเอง หากกังวลเรื่องความปลอดภัยอยากให้มั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่จะดูแลรักษาความปลอดภัยว่า ดูแลได้ทั้งระหว่างเส้นทาง และตามหน่วยลงประชามติ
ขณะเดียวกัน ตนเองได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มในการปฏิบัติงาน พร้อมติดตามความเคลื่อนไหวของบุคคลแปลกหน้าที่เข้ามาในพื้นที่ โดยให้ประสานกับชาวบ้านในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ จ.สุราษฏร์ธานี ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี พร้อม กกต.ได้ร่วมตรวจสอบกรณีนางวลีย์ อายุ 81 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105 ม. 1 ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ที่ฉีกบัตรลงประชามติ เหตุเกิดที่หน่วยลงประชามติที่อาคารเรียน โรงเรียนวัดโพธิ์นิมิต ต.บางกุ้ง อ.เมืองสุราษฎร์ธานี โดยเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยให้ข้อมูลว่านางวลีย์ เดินทางมาใช้สิทธิ์ของตน เช่นเดียวกับการเลือกตั้งทุกครั้ง หลังเข้าคูหา กาเครื่องหมายลงในบัตรประชามติแล้ว ได้เดินนำบัตรไปใส่กล่อง แล้วถามเจ้าหน้าที่ว่า หย่อนบัตรไปแล้วหนึ่งใบแล้วอีกใบหนึ่งจะให้หย่อนกล่องไหน ทำให้เจ้าหน้าที่จึงทราบว่า คุณยายวลีย์ ได้ฉีกบัตรออกเป็นสองส่วน โดยนางวลีย์ บอกว่าไม่ได้มีเจตนาในการทำลายบัตร เนื่องจากเข้าใจว่า บัตรมี 2 ส่วน จึงต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วน เพื่อหย่อนในกล่องคนละใบ.
