ผู้จัดการรายวัน360 - ชาวบ้านไผ่จี้ ป.ป.ช.-กกต.ตรวจสอบที่มาเงิน 1 แสนบาทของ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ที่อ้างบริจาคสร้าง "ห้องพี่หมอเปรม" ขณะที่สื่อมวลชนที่ปรากฏในภาพมอบเงินช่วยเหลือผู้ป่วยเอดส์เข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวนแล้ว ด้านตำรวจเผยหลังสอบปากคำพยานครบทุกปากจะยื่นขอศาลออกหมายเรียกหมอเปรมศักดิ์ ด้าน"บิ๊กป๊อก" เผยรอ "ผวจ.ขอนแก่น" สรุปผลสอบ 2 ปม "หมอเปรม" ต้องสอบวินัย-พักงานหรือไม่
วานนี้ (2 ส.ค.) นายเดชคำรณ สิงห์คลีบุตร หรือ "ส.จ.จ่อย" ส.อบจ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า กรณีปัญหาภาพคล้ายงานพิธีแต่งงานระหว่าง นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ กับเด็กนักเรียนชั้น ม.5 และกรณีกักขังพร้อมจับนักข่าวถอดกางเกงที่เป็นข่าวแพร่สะพัดมานานร่วมสัปดาห์ กำลังถูก นพ.เปรมศักดิ์พยายามเบี่ยงเบนประเด็นและเปลี่ยนเรื่องทุกครั้ง เพราะตอนนี้ได้อ้างว่าเป็นเกมการเมือง โดยไม่มีการพูดถึง หรือชี้แจงภาพคล้ายงานแต่งให้เกิดความกระจ่าง ทั้งที่เป็นปมเงื่อนของเรื่องราวปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด
แม้แต่ตนและชาวบ้านไผ่ที่กำลังต่อสู้เพื่อกู้ชื่อเสียงและศักดิ์ศรีให้กับโรงเรียนและชาวบ้านไผ่ก็ยังถูกโยงและอ้างว่าเป็นเกมการเมืองที่พยายามโค่นล้มตัวเขา ดังนั้น ในฐานะศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบัน ตลอดจนผู้ปกครองโรงเรียนบ้านไผ่ (ขก.5) และประชาชนชาวบ้านไผ่ ขอยืนยันที่จะเดินหน้าต่อสู้เพื่อกู้ศักดิ์ศรีชาวบ้านไผ่อย่างไม่ถอย
นายเดชคำรณกล่าวต่อว่า ชาวบ้านไผ่ต้องการเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ ป.ป.ช. และ กกต.เข้าตรวจสอบกรณีเงินจำนวน 100,000 บาท ที่ นพ.เปรมศักดิ์บอกว่านำไปบริจาคสร้างห้องภายในโรงเรียน ชื่อ "ห้องพี่หมอเปรม" เพื่อสอนเด็กนักเรียนว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินส่วนตัวหรือเป็นเงินราชการของเทศบาล ซึ่งหากเป็นเงินเทศบาลแล้วนำมาสร้างห้องในนามส่วนตัว พร้อมขึ้นป้ายหน้าห้องเป็นชื่อตัวเองนั้นถือว่าผิด และหากเป็นเงินส่วนตัวแล้วนำมาสร้างห้องสอนหนังสือให้กับตัวเองนั้น ต้องการทราบว่าเงินจำนวน 100,000 บาทสามารถบริจาคได้หรือไม่ บริจาคในช่วงเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจะต้องเข้าตรวจสอบ อีกทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องเด็กก็ต้องเข้าตรวจสอบด้วย
การไปสร้างห้องสอนหนังสือให้เด็กนักเรียนแล้วตอนหลังกลับมีภาพคล้ายการแต่งงานกับเด็กนักเรียนชั้น ม.5 ในโรงเรียนดังกล่าวนั้น ถือว่าไม่ถูกไม่ควร ผิดจริยธรรม และศีลธรรม ไม่ใช่คุณสมบัติของผู้นำ
"หมอเปรมต้องออกมาชี้แจงกับสังคมว่าเงินที่นำไปสร้างห้องพี่หมอเปรมนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร เพื่อสังคมจะได้หายสงสัย อย่าเบี่ยงเบนประเด็นโดยอ้างเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อให้ตัวเองดูดี และทำไมต้องจับนักข่าวแก้ผ้า หมอเปรมต้องตอบเรื่องนี้ให้ชัด และต้องปฏิรูปตัวเองเสียก่อนค่อยไปวิ่งพล่านมั่วไปเรื่อยลามถึงการเรียกร้องให้ปฏิรูปสื่อ" นายเดชคำรณกล่าว
ด้าน น.ส.วันวิสา วัฒนาคมประทีป ชาวชุมชนสีหมอน เขตเทศบาลเมืองบ้านไผ่ แสดงความเห็นว่า ประเด็นที่สังคมจับตามองตอนนี้คือเรื่องภาพคล้ายงานแต่งงานกับนักเรียนชั้น ม.5 และผู้สื่อข่าวแจ้งความดำเนินคดีกรณีจับผู้สื่อข่าวแก้ผ้าเท่านั้นที่ชาวบ้านและคนในสังคมอยากให้ นพ.เปรมศักดิ์ออกมาชี้แจง
โดยที่ไม่ต้องเคียดแค้นโกรธผู้สื่อข่าวที่ไปขอคำอธิบายถึงขั้นจับนักข่าวแก้ผ้าให้เรื่องบานปลายใหญ่โตจนทำให้เทศบาลเมืองบ้านไผ่และชาวบ้านเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างตอนนี้ ซึ่งหากยังคิดว่าเป็นผู้นำก็ควรที่จะออกมายอมรับแบบลูกผู้ชายและแสดงความรับผิดด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่
แหล่งข่าวภายในหมู่บ้านระบุว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องในโลกโชเชียล ซึ่งเป็นภาพคล้ายงานพิธีแต่งงานระหว่าง นพ.เปรมศักดิ์ และเด็กสาว นักเรียนชั้น ม.5 ซึ่งอายุเพียง 17 ปี และกรณีข่าวการจับนักข่าวแก้ผ้านั้น ทำให้ครอบครัวเด็กสาวต้องปิดบ้านเงียบตั้งแต่เกิดเรื่องได้ 2 วัน คาดว่าน่าจะไปอาศัยอยู่กับบ้านญาติพี่น้องนอกพื้นที่ ซึ่งชาวบ้านต่างสงสารครอบครัวนี้อย่างมาก
วันเดียวกันสื่อมวลชนจาก 5 สำนักข่าวที่ปรากฏในภาพถ่ายร่วมกับ พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดขอนแก่น ขณะมอบเงิน 5,000 บาทสมทบช่วยเหลือในโครงการทอดผ้าป่ามหากุศลช่วยเหลือผู้ป่วยเอดส์ ที่มีนางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช เป็นประธานฯ ได้เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ภายหลังจากที่ พ.ท.พิสิษฐ์ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ในข้อหาหมิ่นประมาท และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก นพ.เปรมศักดิ์ได้นำภาพดังกล่าวไปตัดต่อโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวพร้อมกับเขียนข้อความบิดเบือนว่า นางระเบียบรัตน์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดขอนแก่นมอบเงินให้กับสื่อขอนแก่นเพื่อร่วมกันทำลายชื่อเสียงของตนเอง
นายเอกพงษ์ พุทธา อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 144/94 ม.9 ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวีประจำ จ.ขอนแก่น หนึ่งในกลุ่มผู้สื่อข่าวที่ปรากฏในภาพถ่าย ได้ยืนยันในการให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนว่า วันศุกร์ที่ 29 ก.ค. 59 ที่หอประชุม อบจ.ขอนแก่น เวลา 09.00-12.00 น. ได้มีการจัดงานทอดผ้าป่ามหากุศลเพื่อสมทบกองทุนศูนย์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ติดเชื้อ HIV จ.ขอนแก่น ภายในงานดังกล่าวมีหน่วยงานต่างๆ ร่วมบริจาคเงินสมทบเข้ากองทุนร่วมทำบุญช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโรคเอดส์ โดยทางนางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช ประธานศูนย์ฯ ได้เชิญสื่อมวลชนร่วมทำข่าว ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นของสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดขอนแก่น ได้นำเงินจำนวน 5,000 บาท บริจาคให้ทางศูนย์ฯ จากนั้นได้มีการเชิญสื่อมวลชนไปร่วมถ่ายภาพ โดยตนก็ได้ไปร่วมถ่ายภาพด้วยเช่นกัน
พ.ต.ท.ถวัลย์ สุทธาวรัตน์ รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ระบุว่า วันนี้เป็นการสอบปากคำผู้สื่อข่าวทั้ง 5 คนที่ปรากฏในภาพในฐานะพยาน เพื่อรวบรวมประกอบหลักฐาน และหลังจากนี้จะเชิญนางระเบียบรัตน์และพยานบุคคลที่อยู่ภายในงานมาให้ปากคำเพื่อทำสำนวนให้รอบด้าน หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการขออนุมัติจากศาลจังหวัดเพื่อออกหมายเรียกให้ นพ.เปรมศักดิ์มารับทราบข้อกล่าวหาในคดีหมิ่นประมาท ตามมาตรา 14 และกระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ด้าน พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดขอนแก่น กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อความที่หมอเปรมเขียนในเฟซบุ๊กนั้นทำให้ตนในฐานะนายกสมาคมสื่อขอนแก่นได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ข้อความเหล่านี้แพร่กระจายไปทั่วประเทศและหลายประเทศ จำเป็นต้องแจ้งความเอาผิดให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อหมอเปรมให้ถึงที่สุด
ทางด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง นพ.เปรมศักดิ์ ว่า ได้แจ้งผู้ว่าฯไปแล้วว่าให้รายงานผลภายใน 15 วัน ขณะนี้เพิ่งผ่านมา 4-5 วัน ซึ่งต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า เข้าข่ายที่จะต้องสอบสวนทางวินัยหรือไม่ อย่างไร ทั้งประเด็นกับเด็กผู้หญิง และประเด็นปัญหากับผู้สื่อข่าวท้องถิ่น
"ทั้งสองกรณีซึ่งก็รออยู่ และขณะเดียวกันก็ต้องติดตามในส่วนของคดีความด้วย เพราะต้องดูรูปคดีด้วย เนื่องจากขณะนี้ ทั้ง 2 ฝ่าย มีการแจ้งความกันทั้งคู่ เป็นเรื่องของคดีไปแล้ว คนหนึ่งก็มีพยาน คนหนึ่งไม่มีพยาน ก็น่าจะต้องดูรูปคดีด้วย อย่างไรก็ตาม ขอให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ถ้าผู้ว่าฯ สรุปว่าต้องดำเนินการทางวินัย ก็ต้องสอบสวนทางวินัย เมื่อเสนอมา ผมก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย" รมว.มหาดไทย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเสนอให้มีการพักงาน นพ.เปรมศักดิ์ ในระหว่างถูกสอบสวน เนื่องจากเกรงว่าใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการข่มขู่พยาน รมว.มหาดไทย กล่าวว่า "เดี๋ยวจะต้องลองดู ต้องประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นก่อน ว่ามีเหตุผล หรือมีความเหมาะสมอย่างไร คงไม่ได้มีการสั่งจากส่วนกลางลงไป เพราะถ้าเข้าข่ายที่จะต้องดำเนินการอย่างไร ทางจังหวัดก็จะดำเนินการเอง" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
***”บิ๊กตู่” ยัน ไม่คิดให้ “หมอเปรม” เป็นไอดอล
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีนพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ จ.ขอนแก่นยกนายกฯเป็นไอดอลว่า “ไม่สนใจ ก็ช่างเขา เรื่องกฎหมายก็ว่ากันไป ทางกระทรวงมหาดไทย (มท.) ก็สอบกันอยู่”
เมื่อถามว่าการที่ถอดกางเกงนักข่าวถือว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ พล.อ.ประยุทธกล่าวว่า “ผมไม่รู้ เขาถอดจริงหรือเปล่าล่ะ” ผู้สื่อข่าวตอบว่า “จริง” นายกฯกล่าวต่อว่า “แล้วเธออยู่กับเขาด้วยหรือเปล่าล่ะ” นักข่าวตอบกลับไปว่า “มีพยานค่ะ” นายกฯกล่าวว่า “ถ้ามีพยานก็ไปฟ้องกันในศาล มาฟ้องอะไรผม แล้วท่านว่ามันผิดไหมล่ะ ทำไมเรื่องแบบนี้จะต้องมาถามผม เรื่องถอดกางเกง เขาจับเธอไปถอดกางเกงได้ไหมล่ะ เขาไม่ได้ไปถอดผู้หญิงเขาถอดผู้ชาย ถ้าผู้หญิงก็ระห่ำกว่าเดิม ไอ้นี่ระห่ำอยู่แล้วระห่ำมากกว่าเดิมเท่านั้นเอง มันทำไม่ได้หรอก ผมไม่เคยสั่งใครถอดกางเกง เสื้อยังไม่สั่งถอดเลย ผมไม่สั่งอะไรแบบนี้อยู่แล้ว เขามีหลายเรื่อง เรื่องระเบียบวินัยข้าราชการ ระเบียบวินัยท้องถิ่นเขามีอยู่แล้ว ใครที่รับเรื่องตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ก็ตั้งกรรมการสอบกันไป เพราะฉะนั้นถ้ายกผมเป็นไอดอลก็ขอบคุณ แต่ผมไม่เอาท่านมาเป็นไอดอลผมอยู่แล้ว วิธีการทำงานของท่าน หรือชอบแบบนั้นล่ะ พอแล้วมั้ง”
วานนี้ (2 ส.ค.) นายเดชคำรณ สิงห์คลีบุตร หรือ "ส.จ.จ่อย" ส.อบจ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า กรณีปัญหาภาพคล้ายงานพิธีแต่งงานระหว่าง นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ กับเด็กนักเรียนชั้น ม.5 และกรณีกักขังพร้อมจับนักข่าวถอดกางเกงที่เป็นข่าวแพร่สะพัดมานานร่วมสัปดาห์ กำลังถูก นพ.เปรมศักดิ์พยายามเบี่ยงเบนประเด็นและเปลี่ยนเรื่องทุกครั้ง เพราะตอนนี้ได้อ้างว่าเป็นเกมการเมือง โดยไม่มีการพูดถึง หรือชี้แจงภาพคล้ายงานแต่งให้เกิดความกระจ่าง ทั้งที่เป็นปมเงื่อนของเรื่องราวปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด
แม้แต่ตนและชาวบ้านไผ่ที่กำลังต่อสู้เพื่อกู้ชื่อเสียงและศักดิ์ศรีให้กับโรงเรียนและชาวบ้านไผ่ก็ยังถูกโยงและอ้างว่าเป็นเกมการเมืองที่พยายามโค่นล้มตัวเขา ดังนั้น ในฐานะศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบัน ตลอดจนผู้ปกครองโรงเรียนบ้านไผ่ (ขก.5) และประชาชนชาวบ้านไผ่ ขอยืนยันที่จะเดินหน้าต่อสู้เพื่อกู้ศักดิ์ศรีชาวบ้านไผ่อย่างไม่ถอย
นายเดชคำรณกล่าวต่อว่า ชาวบ้านไผ่ต้องการเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ ป.ป.ช. และ กกต.เข้าตรวจสอบกรณีเงินจำนวน 100,000 บาท ที่ นพ.เปรมศักดิ์บอกว่านำไปบริจาคสร้างห้องภายในโรงเรียน ชื่อ "ห้องพี่หมอเปรม" เพื่อสอนเด็กนักเรียนว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินส่วนตัวหรือเป็นเงินราชการของเทศบาล ซึ่งหากเป็นเงินเทศบาลแล้วนำมาสร้างห้องในนามส่วนตัว พร้อมขึ้นป้ายหน้าห้องเป็นชื่อตัวเองนั้นถือว่าผิด และหากเป็นเงินส่วนตัวแล้วนำมาสร้างห้องสอนหนังสือให้กับตัวเองนั้น ต้องการทราบว่าเงินจำนวน 100,000 บาทสามารถบริจาคได้หรือไม่ บริจาคในช่วงเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจะต้องเข้าตรวจสอบ อีกทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องเด็กก็ต้องเข้าตรวจสอบด้วย
การไปสร้างห้องสอนหนังสือให้เด็กนักเรียนแล้วตอนหลังกลับมีภาพคล้ายการแต่งงานกับเด็กนักเรียนชั้น ม.5 ในโรงเรียนดังกล่าวนั้น ถือว่าไม่ถูกไม่ควร ผิดจริยธรรม และศีลธรรม ไม่ใช่คุณสมบัติของผู้นำ
"หมอเปรมต้องออกมาชี้แจงกับสังคมว่าเงินที่นำไปสร้างห้องพี่หมอเปรมนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร เพื่อสังคมจะได้หายสงสัย อย่าเบี่ยงเบนประเด็นโดยอ้างเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อให้ตัวเองดูดี และทำไมต้องจับนักข่าวแก้ผ้า หมอเปรมต้องตอบเรื่องนี้ให้ชัด และต้องปฏิรูปตัวเองเสียก่อนค่อยไปวิ่งพล่านมั่วไปเรื่อยลามถึงการเรียกร้องให้ปฏิรูปสื่อ" นายเดชคำรณกล่าว
ด้าน น.ส.วันวิสา วัฒนาคมประทีป ชาวชุมชนสีหมอน เขตเทศบาลเมืองบ้านไผ่ แสดงความเห็นว่า ประเด็นที่สังคมจับตามองตอนนี้คือเรื่องภาพคล้ายงานแต่งงานกับนักเรียนชั้น ม.5 และผู้สื่อข่าวแจ้งความดำเนินคดีกรณีจับผู้สื่อข่าวแก้ผ้าเท่านั้นที่ชาวบ้านและคนในสังคมอยากให้ นพ.เปรมศักดิ์ออกมาชี้แจง
โดยที่ไม่ต้องเคียดแค้นโกรธผู้สื่อข่าวที่ไปขอคำอธิบายถึงขั้นจับนักข่าวแก้ผ้าให้เรื่องบานปลายใหญ่โตจนทำให้เทศบาลเมืองบ้านไผ่และชาวบ้านเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างตอนนี้ ซึ่งหากยังคิดว่าเป็นผู้นำก็ควรที่จะออกมายอมรับแบบลูกผู้ชายและแสดงความรับผิดด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่
แหล่งข่าวภายในหมู่บ้านระบุว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องในโลกโชเชียล ซึ่งเป็นภาพคล้ายงานพิธีแต่งงานระหว่าง นพ.เปรมศักดิ์ และเด็กสาว นักเรียนชั้น ม.5 ซึ่งอายุเพียง 17 ปี และกรณีข่าวการจับนักข่าวแก้ผ้านั้น ทำให้ครอบครัวเด็กสาวต้องปิดบ้านเงียบตั้งแต่เกิดเรื่องได้ 2 วัน คาดว่าน่าจะไปอาศัยอยู่กับบ้านญาติพี่น้องนอกพื้นที่ ซึ่งชาวบ้านต่างสงสารครอบครัวนี้อย่างมาก
วันเดียวกันสื่อมวลชนจาก 5 สำนักข่าวที่ปรากฏในภาพถ่ายร่วมกับ พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดขอนแก่น ขณะมอบเงิน 5,000 บาทสมทบช่วยเหลือในโครงการทอดผ้าป่ามหากุศลช่วยเหลือผู้ป่วยเอดส์ ที่มีนางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช เป็นประธานฯ ได้เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ภายหลังจากที่ พ.ท.พิสิษฐ์ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ในข้อหาหมิ่นประมาท และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก นพ.เปรมศักดิ์ได้นำภาพดังกล่าวไปตัดต่อโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวพร้อมกับเขียนข้อความบิดเบือนว่า นางระเบียบรัตน์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดขอนแก่นมอบเงินให้กับสื่อขอนแก่นเพื่อร่วมกันทำลายชื่อเสียงของตนเอง
นายเอกพงษ์ พุทธา อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 144/94 ม.9 ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวีประจำ จ.ขอนแก่น หนึ่งในกลุ่มผู้สื่อข่าวที่ปรากฏในภาพถ่าย ได้ยืนยันในการให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนว่า วันศุกร์ที่ 29 ก.ค. 59 ที่หอประชุม อบจ.ขอนแก่น เวลา 09.00-12.00 น. ได้มีการจัดงานทอดผ้าป่ามหากุศลเพื่อสมทบกองทุนศูนย์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ติดเชื้อ HIV จ.ขอนแก่น ภายในงานดังกล่าวมีหน่วยงานต่างๆ ร่วมบริจาคเงินสมทบเข้ากองทุนร่วมทำบุญช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโรคเอดส์ โดยทางนางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช ประธานศูนย์ฯ ได้เชิญสื่อมวลชนร่วมทำข่าว ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นของสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดขอนแก่น ได้นำเงินจำนวน 5,000 บาท บริจาคให้ทางศูนย์ฯ จากนั้นได้มีการเชิญสื่อมวลชนไปร่วมถ่ายภาพ โดยตนก็ได้ไปร่วมถ่ายภาพด้วยเช่นกัน
พ.ต.ท.ถวัลย์ สุทธาวรัตน์ รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ระบุว่า วันนี้เป็นการสอบปากคำผู้สื่อข่าวทั้ง 5 คนที่ปรากฏในภาพในฐานะพยาน เพื่อรวบรวมประกอบหลักฐาน และหลังจากนี้จะเชิญนางระเบียบรัตน์และพยานบุคคลที่อยู่ภายในงานมาให้ปากคำเพื่อทำสำนวนให้รอบด้าน หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการขออนุมัติจากศาลจังหวัดเพื่อออกหมายเรียกให้ นพ.เปรมศักดิ์มารับทราบข้อกล่าวหาในคดีหมิ่นประมาท ตามมาตรา 14 และกระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ด้าน พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดขอนแก่น กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อความที่หมอเปรมเขียนในเฟซบุ๊กนั้นทำให้ตนในฐานะนายกสมาคมสื่อขอนแก่นได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ข้อความเหล่านี้แพร่กระจายไปทั่วประเทศและหลายประเทศ จำเป็นต้องแจ้งความเอาผิดให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อหมอเปรมให้ถึงที่สุด
ทางด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง นพ.เปรมศักดิ์ ว่า ได้แจ้งผู้ว่าฯไปแล้วว่าให้รายงานผลภายใน 15 วัน ขณะนี้เพิ่งผ่านมา 4-5 วัน ซึ่งต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า เข้าข่ายที่จะต้องสอบสวนทางวินัยหรือไม่ อย่างไร ทั้งประเด็นกับเด็กผู้หญิง และประเด็นปัญหากับผู้สื่อข่าวท้องถิ่น
"ทั้งสองกรณีซึ่งก็รออยู่ และขณะเดียวกันก็ต้องติดตามในส่วนของคดีความด้วย เพราะต้องดูรูปคดีด้วย เนื่องจากขณะนี้ ทั้ง 2 ฝ่าย มีการแจ้งความกันทั้งคู่ เป็นเรื่องของคดีไปแล้ว คนหนึ่งก็มีพยาน คนหนึ่งไม่มีพยาน ก็น่าจะต้องดูรูปคดีด้วย อย่างไรก็ตาม ขอให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ถ้าผู้ว่าฯ สรุปว่าต้องดำเนินการทางวินัย ก็ต้องสอบสวนทางวินัย เมื่อเสนอมา ผมก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย" รมว.มหาดไทย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเสนอให้มีการพักงาน นพ.เปรมศักดิ์ ในระหว่างถูกสอบสวน เนื่องจากเกรงว่าใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการข่มขู่พยาน รมว.มหาดไทย กล่าวว่า "เดี๋ยวจะต้องลองดู ต้องประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นก่อน ว่ามีเหตุผล หรือมีความเหมาะสมอย่างไร คงไม่ได้มีการสั่งจากส่วนกลางลงไป เพราะถ้าเข้าข่ายที่จะต้องดำเนินการอย่างไร ทางจังหวัดก็จะดำเนินการเอง" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
***”บิ๊กตู่” ยัน ไม่คิดให้ “หมอเปรม” เป็นไอดอล
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีนพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ จ.ขอนแก่นยกนายกฯเป็นไอดอลว่า “ไม่สนใจ ก็ช่างเขา เรื่องกฎหมายก็ว่ากันไป ทางกระทรวงมหาดไทย (มท.) ก็สอบกันอยู่”
เมื่อถามว่าการที่ถอดกางเกงนักข่าวถือว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ พล.อ.ประยุทธกล่าวว่า “ผมไม่รู้ เขาถอดจริงหรือเปล่าล่ะ” ผู้สื่อข่าวตอบว่า “จริง” นายกฯกล่าวต่อว่า “แล้วเธออยู่กับเขาด้วยหรือเปล่าล่ะ” นักข่าวตอบกลับไปว่า “มีพยานค่ะ” นายกฯกล่าวว่า “ถ้ามีพยานก็ไปฟ้องกันในศาล มาฟ้องอะไรผม แล้วท่านว่ามันผิดไหมล่ะ ทำไมเรื่องแบบนี้จะต้องมาถามผม เรื่องถอดกางเกง เขาจับเธอไปถอดกางเกงได้ไหมล่ะ เขาไม่ได้ไปถอดผู้หญิงเขาถอดผู้ชาย ถ้าผู้หญิงก็ระห่ำกว่าเดิม ไอ้นี่ระห่ำอยู่แล้วระห่ำมากกว่าเดิมเท่านั้นเอง มันทำไม่ได้หรอก ผมไม่เคยสั่งใครถอดกางเกง เสื้อยังไม่สั่งถอดเลย ผมไม่สั่งอะไรแบบนี้อยู่แล้ว เขามีหลายเรื่อง เรื่องระเบียบวินัยข้าราชการ ระเบียบวินัยท้องถิ่นเขามีอยู่แล้ว ใครที่รับเรื่องตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ก็ตั้งกรรมการสอบกันไป เพราะฉะนั้นถ้ายกผมเป็นไอดอลก็ขอบคุณ แต่ผมไม่เอาท่านมาเป็นไอดอลผมอยู่แล้ว วิธีการทำงานของท่าน หรือชอบแบบนั้นล่ะ พอแล้วมั้ง”