ผู้จัดการรายวัน360 - เจ้าอาวาสวัดยี่ป่า "พระสุรสิทธิ์" แจ้งความดำเนินคดีหมิ่นประมาทกับทนายสงกานต์ พร้อมพวก หลังจากถูกพาดพิงคดี "นางไก่" และวิ่งเต้นขอเครื่องราชย์อิสริยากรณ์ ด้าน รองผบช.ก. เร่งคลี่คลายคดี คาดสัปดาห์หน้าชัดเจนขึ้น ขณะที่ บก.ปคม. เตรียมขอออกหมายจับคดีค้ามนุษย์
วานนี้ (27 ก.ค.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พระสุรสิทธิ์ ประทานสงฆ์ วัดยี่ป่า อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา และเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย พร้อม นายวรกร พงศ์ธนากุล ทนายความ เข้าพบพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดี กับ นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความ พระสมุห์ชวลิต กิตติเมธี หรือนายชวลิต สุขสุกรรม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าซุงทักษิณาราม อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา และ น.ส.สายใย เอี่ยมภูมิ อายุ 87 ปี ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการกล่าวหาเรียกรับเงินจำนวน 2.8 ล้านบาท เพื่อวิ่งเต้นขอเครื่องราชอิสริยภรณ์ และเชื่อมโยงกับคดีของนางมณตา หยกรัตนกาญ หรือนางไก่
พระสุรสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เคยรู้จักสนิทสนมกับนางไก่ แต่ยอมรับเคยเจอนางไก่เพียงครั้งเดียว เมื่อปี 2558 เมื่อครั้งนางไก่เดินทางมาทำบุญกับทหารนายหนึ่งเท่านั้น และไม่ได้พูดคุยหรือติดต่อใดๆ กันอีกเลย
ส่วนกรณีที่แจ้งดำเนินคดีหมิ่นเบื้องสูง กับน.ส.สายใย เนื่องจากเมื่อปี 2551-2552 ตนเองได้รางวัลชนะเลิศประกวดเรือเฉลิมพระเกียรติฯ เป็นเงินจำนวน 1 ล้านบาท และขณะนั้นตนประสบอุบัติเหตุ น.ส.สายใย จึงชักชวน ให้ไปนวดแผนโบราณ ที่ร้านนวดของตัวเองย่านสาทร แต่เมื่อไปถึงร้านนวด น.ส.สายใย กลับเอาเอกสารสัญญาเงินกู้มาให้ตนเองเซ็นพร้อมข่มขู่ว่า หากไม่ยอมเซ็นจะไม่ปล่อยกลับไปจึงยินยอมเซ็นเอกสารเงินกู้ให้ ทั้งที่ไม่ได้มีหนี้สินกัน
หลังจากนั้นอีกประมาณ 2-3 เดือน น.ส.สายใย มาทวงขอเงินคืน พร้อมอ้างมีเอกสารคำรับฟ้องจากศาลแล้ว และยังข่มขู่หากไม่คืนจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ก่อนจะแสดงภาพถ่ายกับบุคคลสำคัญและนามบัตรของบุคคลสำคัญ ตนเองจึงเกรงกลัว หลังจากนั้นจึงตัดสินใจนำเงินให้ทนายความเอาไปมอบให้น.ส.สายใย จำนวน 5 แสนบาท พร้อมได้ลงบันทึกประจำวันไว้ ที่ สภ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยาไว้เป็นหลักฐาน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม กลุ่มนายสงกานต์มาแจ้งความไว้ ทำให้ตนเองเกิดความเสียหายจึงเข้าแจ้งความกลับ
ขณะเดียวกันทนาย ได้แสดงเอกสารการทำธุรกรรมทางการเงินในบัญชีชื่อ สุพิมพิสุทธิ์ เอี่ยมภูมิ อีกชื่อหนึ่งของ น.ส.สายใย พบมีการถอนเงินและโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าว ซึ่งขัดแย้งที่น.ส.สายใย เคยอ้างกับบุคคลอื่นเป็นหลักฐานที่ น.ส.สายใย โอนให้กับพระสุรสิทธิ์ รวมทั้งนำเอกสารจากศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่ได้มีการรับฟ้องพระสมุห์ชวลิตกิตติเมธี ในความผิด บุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ โดยมีพระสุรสิทธิ์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง เพื่อเป็นหลักฐานยืนยังพระทั้งสองรูปมีปัญหาขัดแย้งกัน
ด้านที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข รองผบช.ก.ในฐานะพนักงานสอบสวนคดีนางมณตา หยกรัตนกาญ หรือนางไก่ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ได้เรียกคณะพนักงานสอบสวนและสืบสวนคลี่คลายคดี ซึ่งพนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมทำสำนวนอย่างละเอียด เนื่องจากคดีมีความซับซ้อน เกี่ยวพันกับสถาบันเบื้องสูงฯ และบุคคลอีกหลายคน เบื้องต้นจะมีความคืบหน้าและชัดเจนทางคดีภายในสัปดาห์หน้า
สำหรับการดำเนินคดีค้ามนุษย์กับนางไก่ ของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้รับรายงานจากกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ว่า อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมออกหมายจับนางไก่ ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สั่งการให้ บช.ก. เป็นผู้ดำเนินการในส่วนค้ามนุษย์ เนื่องจากบก.ปคม.เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง
ส่วนกรณีที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ออกหมายจับข้อหาค้ามนุษย์กับนางไก่นั้น ได้ทำงานประสานกันตลอดเวลาอยู่แล้วระหว่างบช.ก.และบช.น.ในการเชื่อมโยงหลักฐานตามคำสั่งจาก ตร. อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลพฤติการณ์ของนางไก่ หากพบเข้าข่ายความผิดฐานใดอีก จะแจ้งข้อหาเพิ่มต่อไป
วานนี้ (27 ก.ค.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พระสุรสิทธิ์ ประทานสงฆ์ วัดยี่ป่า อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา และเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย พร้อม นายวรกร พงศ์ธนากุล ทนายความ เข้าพบพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดี กับ นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความ พระสมุห์ชวลิต กิตติเมธี หรือนายชวลิต สุขสุกรรม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าซุงทักษิณาราม อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา และ น.ส.สายใย เอี่ยมภูมิ อายุ 87 ปี ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการกล่าวหาเรียกรับเงินจำนวน 2.8 ล้านบาท เพื่อวิ่งเต้นขอเครื่องราชอิสริยภรณ์ และเชื่อมโยงกับคดีของนางมณตา หยกรัตนกาญ หรือนางไก่
พระสุรสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เคยรู้จักสนิทสนมกับนางไก่ แต่ยอมรับเคยเจอนางไก่เพียงครั้งเดียว เมื่อปี 2558 เมื่อครั้งนางไก่เดินทางมาทำบุญกับทหารนายหนึ่งเท่านั้น และไม่ได้พูดคุยหรือติดต่อใดๆ กันอีกเลย
ส่วนกรณีที่แจ้งดำเนินคดีหมิ่นเบื้องสูง กับน.ส.สายใย เนื่องจากเมื่อปี 2551-2552 ตนเองได้รางวัลชนะเลิศประกวดเรือเฉลิมพระเกียรติฯ เป็นเงินจำนวน 1 ล้านบาท และขณะนั้นตนประสบอุบัติเหตุ น.ส.สายใย จึงชักชวน ให้ไปนวดแผนโบราณ ที่ร้านนวดของตัวเองย่านสาทร แต่เมื่อไปถึงร้านนวด น.ส.สายใย กลับเอาเอกสารสัญญาเงินกู้มาให้ตนเองเซ็นพร้อมข่มขู่ว่า หากไม่ยอมเซ็นจะไม่ปล่อยกลับไปจึงยินยอมเซ็นเอกสารเงินกู้ให้ ทั้งที่ไม่ได้มีหนี้สินกัน
หลังจากนั้นอีกประมาณ 2-3 เดือน น.ส.สายใย มาทวงขอเงินคืน พร้อมอ้างมีเอกสารคำรับฟ้องจากศาลแล้ว และยังข่มขู่หากไม่คืนจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ก่อนจะแสดงภาพถ่ายกับบุคคลสำคัญและนามบัตรของบุคคลสำคัญ ตนเองจึงเกรงกลัว หลังจากนั้นจึงตัดสินใจนำเงินให้ทนายความเอาไปมอบให้น.ส.สายใย จำนวน 5 แสนบาท พร้อมได้ลงบันทึกประจำวันไว้ ที่ สภ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยาไว้เป็นหลักฐาน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม กลุ่มนายสงกานต์มาแจ้งความไว้ ทำให้ตนเองเกิดความเสียหายจึงเข้าแจ้งความกลับ
ขณะเดียวกันทนาย ได้แสดงเอกสารการทำธุรกรรมทางการเงินในบัญชีชื่อ สุพิมพิสุทธิ์ เอี่ยมภูมิ อีกชื่อหนึ่งของ น.ส.สายใย พบมีการถอนเงินและโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าว ซึ่งขัดแย้งที่น.ส.สายใย เคยอ้างกับบุคคลอื่นเป็นหลักฐานที่ น.ส.สายใย โอนให้กับพระสุรสิทธิ์ รวมทั้งนำเอกสารจากศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่ได้มีการรับฟ้องพระสมุห์ชวลิตกิตติเมธี ในความผิด บุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ โดยมีพระสุรสิทธิ์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง เพื่อเป็นหลักฐานยืนยังพระทั้งสองรูปมีปัญหาขัดแย้งกัน
ด้านที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข รองผบช.ก.ในฐานะพนักงานสอบสวนคดีนางมณตา หยกรัตนกาญ หรือนางไก่ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ได้เรียกคณะพนักงานสอบสวนและสืบสวนคลี่คลายคดี ซึ่งพนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมทำสำนวนอย่างละเอียด เนื่องจากคดีมีความซับซ้อน เกี่ยวพันกับสถาบันเบื้องสูงฯ และบุคคลอีกหลายคน เบื้องต้นจะมีความคืบหน้าและชัดเจนทางคดีภายในสัปดาห์หน้า
สำหรับการดำเนินคดีค้ามนุษย์กับนางไก่ ของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้รับรายงานจากกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ว่า อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมออกหมายจับนางไก่ ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สั่งการให้ บช.ก. เป็นผู้ดำเนินการในส่วนค้ามนุษย์ เนื่องจากบก.ปคม.เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง
ส่วนกรณีที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ออกหมายจับข้อหาค้ามนุษย์กับนางไก่นั้น ได้ทำงานประสานกันตลอดเวลาอยู่แล้วระหว่างบช.ก.และบช.น.ในการเชื่อมโยงหลักฐานตามคำสั่งจาก ตร. อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลพฤติการณ์ของนางไก่ หากพบเข้าข่ายความผิดฐานใดอีก จะแจ้งข้อหาเพิ่มต่อไป