เมื่อเวลา 07.00 น.วานนี้ (25 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคสช.พร้อมด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม พล.อ.สุรเชษฐ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาการ พล.อ.ธีระชัย นาควานิช ผบ.ทบ. พล.อ.อักษรา เกิดผล ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร เสธ.ทบ. ได้เดินทางไปปฏิบัติภารกิจ ที่จ.นราธิวาส เพื่อประชุมหน่วยความมั่นคง แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมมอบโฉนดที่ดินบริเวณเทือกเขาบูโด-สุไหงปาดี จำนวน 800 แปลง ให้แก่ประชาชนในพื้นที่
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ เดินทางไปยังหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เพื่อเป็นประธานการประชุมหน่วยความมั่นคง โดยมีนายสิทธิชัย ศักดา ผวจ.นราธิวาส พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 ให้การต้อนรับ พร้อมรายงานสรุปจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปที่ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ โดยมึนักเรียนจากโรงเรียนร่มเกล้า แสดงลิเกฮูลูและนักเรียนจากโรงเรียนนราธิวาสร้องเพลง "รักกันไว้เถิด" ต้อนรับนายกฯและคณะ จากนั้นได้มีการมอบโฉนดที่ดิน บริเวณเทือกเขาบูโด-สุไหงปาดี จำนวน 800 แปลง ให้แก่ประชาชนในพื้นที่โดยมีผู้แทนรับมอบ 1 ราย ซึ่งมีรมว.มหาดไทย เป็นผู้มอบ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยพุทธ และไทยมุสลิม ทั้งหมดถือเป็นพี่น้องกัน ที่ผ่านมารัฐบาลดำเนินงานตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระราชทานไว้ รัฐบาลนี้ต้องการทำให้ทุกคนมีความสุข ไม่มีความขัดแย้ง ทำให้ทุกคนมีรายได้พอเพียงและมีงานทำ การลงพื้นที่ครั้งนี้ตนได้นำหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ คือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกณ และหัวหน้างานด้านความมั่นคง คือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รวมทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อมาแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่า รัฐบาลนี้มีความตั้งใจและมั่นใจในการทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ ว่าจะทำให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอ มีความเจริญรุ่งเรืองมีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงอยากขอคำสัญญาจากทุกคน ให้ร่วมมือกันทำให้พื้นที่นี้มีความปลอดภัย ทำให้เกิดความสันติสุข การก่อเหตุรุนแรงลดลง มีรายได้ที่พอเพียง อย่าให้ใครเข้ามาบิดเบือน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง หรือเรื่องการบริหารประเทศ และขอร้องว่าอย่ามองรัฐบาลด้วยความไม่ไว้ใจ
"ผมเข้ามาไม่ได้หวังคะแนนเสียง แต่เข้ามาเพราะเห็นความเดือดร้อนของทุกๆ คน ข้าราชการรู้ดี ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน และต้องแก้ที่ใด วันนี้ถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องนำเศรษฐกิจที่ดีเข้ามาในพื้นที่ เรามีความปลอดภัย ผมยืนยันได้ว่าจะทำทุกอย่างให้กับพื้นที่นี้ เราจะต้องเลิกความขัดแย้ง เลิกใช้ความรุนแรง ต้องช่วยกัน ขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง รัฐบาลจะเป็นผู้ดูแลและจัดหาสิ่งต่างๆ ตามความต้องการให้"
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางมายังศาลากลางจังหวัดนราธิวาส เพื่อเป็นประธานการประชุมแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับ ส่วนราชการ ภาคเอกชน และ ศอบต.
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ เดินทางไปยังหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เพื่อเป็นประธานการประชุมหน่วยความมั่นคง โดยมีนายสิทธิชัย ศักดา ผวจ.นราธิวาส พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 ให้การต้อนรับ พร้อมรายงานสรุปจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปที่ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ โดยมึนักเรียนจากโรงเรียนร่มเกล้า แสดงลิเกฮูลูและนักเรียนจากโรงเรียนนราธิวาสร้องเพลง "รักกันไว้เถิด" ต้อนรับนายกฯและคณะ จากนั้นได้มีการมอบโฉนดที่ดิน บริเวณเทือกเขาบูโด-สุไหงปาดี จำนวน 800 แปลง ให้แก่ประชาชนในพื้นที่โดยมีผู้แทนรับมอบ 1 ราย ซึ่งมีรมว.มหาดไทย เป็นผู้มอบ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยพุทธ และไทยมุสลิม ทั้งหมดถือเป็นพี่น้องกัน ที่ผ่านมารัฐบาลดำเนินงานตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระราชทานไว้ รัฐบาลนี้ต้องการทำให้ทุกคนมีความสุข ไม่มีความขัดแย้ง ทำให้ทุกคนมีรายได้พอเพียงและมีงานทำ การลงพื้นที่ครั้งนี้ตนได้นำหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ คือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกณ และหัวหน้างานด้านความมั่นคง คือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รวมทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อมาแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่า รัฐบาลนี้มีความตั้งใจและมั่นใจในการทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ ว่าจะทำให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอ มีความเจริญรุ่งเรืองมีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงอยากขอคำสัญญาจากทุกคน ให้ร่วมมือกันทำให้พื้นที่นี้มีความปลอดภัย ทำให้เกิดความสันติสุข การก่อเหตุรุนแรงลดลง มีรายได้ที่พอเพียง อย่าให้ใครเข้ามาบิดเบือน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง หรือเรื่องการบริหารประเทศ และขอร้องว่าอย่ามองรัฐบาลด้วยความไม่ไว้ใจ
"ผมเข้ามาไม่ได้หวังคะแนนเสียง แต่เข้ามาเพราะเห็นความเดือดร้อนของทุกๆ คน ข้าราชการรู้ดี ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน และต้องแก้ที่ใด วันนี้ถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องนำเศรษฐกิจที่ดีเข้ามาในพื้นที่ เรามีความปลอดภัย ผมยืนยันได้ว่าจะทำทุกอย่างให้กับพื้นที่นี้ เราจะต้องเลิกความขัดแย้ง เลิกใช้ความรุนแรง ต้องช่วยกัน ขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง รัฐบาลจะเป็นผู้ดูแลและจัดหาสิ่งต่างๆ ตามความต้องการให้"
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางมายังศาลากลางจังหวัดนราธิวาส เพื่อเป็นประธานการประชุมแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับ ส่วนราชการ ภาคเอกชน และ ศอบต.