xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” ไม่หลาบจำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ริมฝั่งเจ้าพระยา
โดย...สุนันท์ ศรีจันทรา

ใกล้วันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เข้ามาทุกที การเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆ ยิ่งคึกคักขึ้น โดยล่าสุดเครือข่ายกลุ่มพลเมืองผู้ห่วงใย มีนายโคทม อารียา นักวิชาการด้านสันติวิธี เป็นหัวหอกได้ออกมาเรียกร้องขอพื้นที่ถกประชามติ

เครือข่ายกลุ่มพลเมืองผู้ห่วงใย เคยออกแถลงการณ์ฉบับแรกมาแล้วเมื่อประมาณเดือนเมษายนที่ผ่านมา เรียกร้องให้ทุกกลุ่มทุกฝ่ายผลักดันให้เกิดกระบวนการทำประชามติที่โปร่งใส สุจริตและเที่ยงธรรม ทุกฝ่ายได้ใช้สิทธิเสรีภาพอย่างสร้างสรรค์ มีส่วนร่วมในการถกแถลงด้วยข้อมูลที่ถูกต้องตามกรอบของกฎหมาย

ส่วนแถลงการณ์ล่าสุดฉบับที่ 2 ว่าด้วยเรื่องการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เรียกร้องให้เคารพสิทธิอันชอบธรรมของประชาชน ในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ

เปิดให้ทุกฝ่ายได้ถกแถลงด้วยข้อมูลอันถูกต้องรอบด้าน มีทางเลือกที่ขัดเจน หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน มีกระบวนการให้ได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากฉันทามติที่ทุกกลุ่มมีส่วนร่วม และหากหลักการตามข้อเรียกร้องเกิดขึ้นจริง ทุกฝ่ายควรยอมรับในประชามติ

การออกมาแสดงจุดยืนของเครือข่ายกลุ่มพลเมืองผู้ห่วงใย ไม่มีอะไรมากกว่า การแสดงความห่วงใยในการจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และการประกาศจุดยืนด้วยหลักการมองโลกสวย แต่ประเด็นที่ทำให้กิจกรรมได้รับความสนใจอยู่ที่ รายชื่อคนที่ร่วมลงชื่อในแถลงการณ์เรียกร้อง

ผู้ที่ร่วมลงชื่อสนับสนุนการออกแถลงการณ์ของเครือข่ายกลุ่มพลเมืองผู้ห่วงใยมีจำนวนทั้งสิ้น 117 ราย จาก 16 องค์กร ซึ่งรวมเอาทุกกลุ่มทุกฝ่ายเข้ามาไว้ เหมือนหลักสูตรสถาบันพระปกเกล้า ที่ทำให้คนเสื้อแดง เสื้อเหลือง หรือเสื้อฟ้า ซึ่งเคยไล่ฆ่ากันตายมาเล่นลิเกร่วมกันได้

เพราะเครือข่ายกลุ่มพลเมืองผู้ห่วงใย สามารถดึงคนที่เคยต่อต้านระบอบทักษิณ ขับไล่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ดึงแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาร่วมลงชื่อออกแถลงการณ์กะบกลุ่มคนเสื้อแดงและแกนนำพรรคเพื่อไทย

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายบัญญัติ บรรทัดฐานก็เอากับเขาด้วย ส่วนแกนนำพรรคเพื่อไทยมากันพร้อมหน้า ทั้งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หรือคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ แกนนำเสื้อแดงอีกหลายคน

แถลงการณ์ที่ออกมาไม่ได้รับความสนใจจากสังคมมากนัก แต่เป็นประโยชน์กับพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวต้านร่างรัฐธรรมนูญ เพราะสามารถนำความเคลื่อนไหวของเครือข่ายกลุ่มพลเมืองผู้ห่วงใยไปขยายผล เพื่อสร้างแรงกดดันรัฐบาล

117 รายชื่อที่ร่วมสนับสนุนแถลงการณ์ฯ สามารถนำไปโฆษณาชวนเชื่อเพื่อต่อต้านการจัดทำประชามติได้ ซึ่งแกนนำคนเสื้อแดงเก่งในเรื่องโฆษณาชวนเชื่ออยู่แล้ว และยิ่งมีทุกกลุ่มทุกฝ่าย โดยเฉพาะแกนนำพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมสังฆกรรมเรียกร้องขอพื้นที่ถกร่างรัฐธรรมนูญด้วย ยิ่งทำให้มีน้ำหนัก ใน การปลุกระดมป่วนการจัดทำประชามติ

นายโคทมที่รับเป็นหัวหอกเครือข่ายกลุ่มพลเมืองผู้ห่วงใยนั้น ไม่ต้องตั้งข้อสงสัยในกิจกรรมเรียกร้องขอพื้นที่ถกประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เพราะนายโคทมไม่เคยออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลทักษิณ ไม่เคยตำหนิรัฐบาลหุ่นเชิดของ “ทักษิณ” และไม่เคยออกมาเรียกร้องใดๆ จากรัฐบาลน้องสาวของ “ทักษิณ” แม้จะมีพฤติกรรมละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชนที่ชุมนุมอย่างสงบก็ตาม

ในช่วงที่ประชาชนลุกฮือขับไล่รัฐบาลในระบอบทักษิณ และถูกใช้ความรุนแรงปราบปราม มีการปลุกระดมอันธพาลคนเสื้อแดงมารุมทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างสงบตามสิทธิขั้นพื้นฐานของระบบประชาธิปไตย จะมีคนออกมาแสดงตัวเป็นกลุ่มโลกสวยเสมอ ไม่ว่ากลุ่ม “ริบบินขาว” นำโดยอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เรียกร้องไม่ให้ใช้ความรุนแรง

แต่ไม่เคยเดินขบวนไปเรียกร้องกับรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ไม่เคยตำหนิรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กรณีสั่งตำรวจใช้ความรุนแรงสังหารประชาชนในเหตุการณ์7 ตุลาคมทมิฬ ปี 2551 ไม่เคยออกโรงมากดดันรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ให้ให้ความอำมหิตปราบปรามประชาชน

และไม่เคยยกขบวนไปขอร้องให้คนเสื้อแดงที่ชุมนุมย่านสีแยกราชประสงค์ลดความเป็นอันธพาลครองเมือง

พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตโฆษกตำรวจแห่งชาติ เคยทำตัวเป็นพระเอก ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนเปิดไฟหน้ารถตอนกลางวัน เพื่อแสดงสัญลักษณ์การต่อต้านความรุนแรง ขณะที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกำลังชุมนุมกดดัน จนรัฐบาลหุ่นเชิด “ทักษิณ” ใกล้จนตรอก

ข้อเรียกร้องของ พล.ต.อ.อชิรวิทย์ เพื่อเบี่ยงประเด็นการกดดันรัฐบาลหุ้นเชิด “ทักษิณ” แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากประชาชน ซึ่งอาจเป็นเพราะรู้ทันว่า นายตำรวจคนนี้ฝักใฝ่พรรคการเมืองใด

การที่นายโคทมนำเครือข่ายกลุ่มพลเมืองผู้ห่วงใยออกมาเคลื่อนไหว อาจไม่แตกต่างจากกลุ่ม “ริบบินขาว” ในอดีต และคงไม่แตกต่างจากกิจกรรมที่พล.ต.อ.อชิรวิทย์เคยเคลื่อนไหว โดยเป็นความเคลื่อนไหวที่เครือข่ายของ “ทักษิณ” ได้รับประโยชน์

ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำหนดบทลงโทษนักการเมืองไว้หนัก โดยเฉพาะการทุจริต พรรคการเมืองจึงไม่ชอบ แต่ประชาธิปัตย์ถึงขั้นแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง เพื่อต้านประชามติรัฐธรรมนูญเชียวหรือ

นายอภิสิทธิ์ลืมไปแล้วหรือว่า เคยหนีตาย เพราะมีการปลุกระดมคนเสื้อแดงให้ไล่ฆ่า ลืมไปแล้วหรือว่า พรรคเพื่อไทยบงการให้คนเสื้อแดงตามราวีนายอภิสิทธิ์ในทุกพื้นที่

ลืมไปแล้วหรือว่า ประชาชนนับสิบล้านคนเคยลุกฮือ เพื่อขับไล่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ซึ่งใช้อำนาจเปลี่ยนขาวให้เป็นดำ และยัดข้อหาหนักให้นายอภิสิทธิ์ ในคดีสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงที่สี่แยกราชประสงค์ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2553

ประชาธิปัตย์ลืมได้อย่างไรว่า ทุกวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ร่วมสังฆกรรมกับพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง ไม่ว่ากรณีใดๆ เพราะคนกลุ่มนี้ไม่เคยเปลี่ยน และยังเป็นสาวกผู้รับใช้ที่ภักดีของ “ทักษิณ”

ประชาธิปัตย์ยังเพ้ออยู่อีกหรือว่า ถ้ามีรัฐธรรมนูญที่สมบูรณ์สุดยอด ถ้ามีการเลือกตั้ง ประชาธิปัตย์จะชนะ ประชาธิปัตย์จะได้จัดตั้งรัฐบาล

ตื่นจากหลับ ลืมตายอมรับความจริงเสียที ถ้าไม่มีการปฏิรูปการเมือง ถ้าประชาธิปัตย์ไม่ปรับปรุงตัว ชาตินี้ไม่มีวันชนะพรรคเพื่อไทย

เลือกตั้งเมื่อไหร่ ประชาธิปัตย์จะเป็นเพียงพรรคการเมืองลูกกระจ๊อก และถ้ากระสันเป็นรัฐบาล ก็คงต้องคลานเข้าไปขอโควต้ารัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย

เข้าใจนะ เพื่อให้ได้เป็นรัฐบาล ประชาธิปัตย์ทำได้ทุกอย่าง แม้เป็นรัฐบาลแล้ว จะทำอะไรไม่ได้สักอย่างก็ตาม


กำลังโหลดความคิดเห็น