วานนี้ (20 ก.ค.) ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ เครือข่ายกลุ่มพลเมืองผู้ห่วงใย ประกอบด้วยเครือข่ายประชาสังคม และนักวิชาการ จากหลายสถาบันการศึกษา รวม 117 รายชื่อ 16 องค์กร นำโดยนายโคทม อารียา นักวิชาการด้านสันติวิธี นายสุริชัย หวันแก้ว ศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายบัณฑูรย์ เศรษฐศิโรตม์ ผอ.สถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม และ นางสุนี ไชยรส นักวิชาการด้านสิทธิมนุษยชน จัดทำแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 ว่าด้วยเรื่องการทำประชามติร่างรธน. 7 ส.ค. 59
นายโคทม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา ทางเครือข่ายฯ ได้จัดทำแถลงการณ์ ฉบับที่ 1 แล้ว โดยเรียกร้องให้ทุกกลุ่มทุกฝ่าย ร่วมกันผลักดันให้เกิดกระบวนการทำประชามติ ที่โปร่งใส สุจริต และเที่ยงธรรม ทุกฝ่ายได้ใช้สิทธิ เสรีภาพ อย่างสร้างสรรค์ มีส่วนร่วมในการถกแถลงด้วยข้อมูลที่ถูกต้องตามกรอบของกฎหมาย แต่จนถึงขณะนี้ การลงประชามติที่กำลังจะมีขึ้นจะยังไม่สมบูรณ์ เพราะผู้มีสิทธิไม่ทราบว่าถ้าร่างรธน.ไม่ผ่าน จะมีกระบวนการอย่างไร ให้ได้มาซึ่งรธน.ฉบับใหม่ ทางเครือข่ายฯ จึงมีความห่วงใยในสถานการณ์ เป็นที่มาของการจัดทำคำแถลง ฉบับที่ 2
นายโคทม กล่าวว่า ในความเห็นส่วนตัว หากประชามติไม่ผ่าน จำเป็นต้องร่างรธน.ฉบับที่ 20 ขึ้นใหม่นั้น ตนขอเสนอว่า ให้รธน.ฉบับที่ 20 เป็นฉบับชั่วคราว เพื่อให้เดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งตามโรดแมป ที่คสช.วางไว้ และให้รธน.ฉบับที่ 20 มีเนื้อหาที่มีหลักการที่เคารพสิทธิของประชาชนต่างๆ โดยมีระยะเวลาที่ใช้เพียง 2 ปี ระหว่างนั้น ต้องมีการหารือกันของทุกฝ่าย โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมของภาคการเมือง เพื่อที่จะตั้งสมาชิกสภาร่างรธน.( ส.ส.ร.) เหมือนปี 40 ที่จะทำหน้าที่ร่างรธน. ฉบับที่ 21 เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการฉันทามติของประชาชน ต่อไป
ด้านนางสุนี ได้อ่านแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 ว่าด้วยเรื่องการทำประชามติร่างรธน. ซึ่งมีข้อเรียกร้อง ดังนี้
1.ให้ความเคารพในสิทธิอันชอบธรรมของประชาชน ในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรธน. โดยเปิดให้ประชาชนทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ได้ถกแถลงด้วยข้อมูลที่ถูกต้องรอบด้าน เอื้อให้มีพื้นที่สาธารณะที่ปลอดภัย เพื่อการแสดงความเห็นอย่างสร้างสรรค์
2. จำเป็นต้องมีการเสนอทางเลือกที่ชัดเจนให้กับประชาชน ในกรณีที่ร่างรธน.ไม่ผ่านการทำประชามติ ในวันที่ 7 ส.ค. ว่าจะมีกระบวนการในการร่างรธน. อย่างไรต่อไป
3. กรณีที่ร่างรธน.ไม่ผ่านการทำประชามติ ควรมีกระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งรธน.ฉบับใหม่ ที่มาจากฉันทามติ ผ่านกลไกที่ทุกกลุ่มทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการออกแบบ และกำหนดหลักการสำคัญในรธน. เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตย เป็นไปตามกรอบเวลา ที่มีการประกาศไว้โรดแมปสู่การเลือกตั้ง
4. หากหลักการตามข้อเรียกร้องที่กล่าวมาข้างต้นเกิดขึ้นจริง ทุกกลุ่มทุกฝ่ายควรยอมรับในผลของการทำประชามติ
5.รธน.ที่จะได้มา ควรมีหลักการสำคัญ อาทิ การคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และสิทธิของประชาชนในด้านต่างๆ ที่ไม่ถดถอยไปจากเดิม การตรวจสอบ และถ่วงดุลการใช้อำนาจอธิปไตย ของกลไกทางการเมืองที่มีความสมดุล กำหนดมาตรการในการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน และมาตรการในการป้องกันความขัดแย้งไม่ให้ขยายผลไปสู่การใช้ความรุนแรง รวมทั้ง มีบทบัญญัติที่เอื้อให้สามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขรธน. ได้โดยไม่ยากเกินไป
ด้านนายอนุสรณ์ ธรรมใจ รองประธานมูลนิธิปรีดี พนมยงค์ กล่าวว่า เราจัดกิจกรรมภายใต้ภาวะที่ขาดเสรีภาพ ทำให้นักการเมือง นักวิชาการ บางส่วนยังลังเลที่จะแสดงตัว แต่เห็นด้วยกับหลักการ และให้การสนับสนุนในหลักการของทางเครือข่ายฯ ซึ่งจะนำสู่สันติธรรมของประเทศ และเราคาดหวังว่า การแสดงประชามติจะมีความหมายตามครรลองประชาธิปไตย คือ เปิดกว้างประชาชนได้แสดงความเห็นอย่างเต็มที่ และต้องเป็นการลงประชามติที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ภาวะกดดันใดๆ ที่สำคัญประชาชนต้องเห็นทางเลือก จึงขอเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องได้พิจารณาว่า การลงประชามติต้องฟังความเห็นจากทุกฝ่าย และต้องร่างรธน. โดยเคารพต่ออำนาจของประชาชน
"ในนามส่วนตัว ขอเรียกร้องให้เลื่อนการทำประชามติออกไป จนกว่าจะมั่นใจได้ว่า มีประชาธิปไตยในการลงประชามติ โดยที่เสียงของประชาชนมีความหมาย ไม่เช่นนั้น จะเป็นแค่พิธีกรรม ซึ่งการลงประชามติที่มีปัญหา จะนำไปสู่กติกาสูงสุดที่มีปัญหา กระทบ คสช. กระทบชีวิตทุกคน จนนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงเหมือน พฤษภาทมิฬได้ ทั้งนี้ ถ้าไม่เลื่อนก็ขอให้เวลาที่เหลืออยู่เป็นบรรยากาศที่เปิดกว้างอย่างเต็มที่" นายอนุสรณ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายนามองค์กรที่ลงนามสนับสนุนคำแถลง อาทิ คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ขบวนการผู้หญิงปฏิรูปประเทศไทย ศูนย์ประสานงานเยาวชนสังคมนิยมประชาธิปไตย เป็นต้น ส่วนรายนามบุคคลที่ลงนามสนับสนุนคำแถลง เป็นที่น่าสังเกตว่า เป็นบุคคลที่มาจากพรรคการเมืองเข้าร่วมจำนวนมาก อาทิ บุคคลที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 9 คน อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ บุคคลที่มาจากพรรคเพื่อไทย จำนวน 18 คน อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายโภคิน พลกุล นายภูมิธรรม เวชยชัย นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายชูศักดิ์ ศิรินิล และ นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา บุคคลจากพรรคชาติไทยพัฒนา เช่น นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล และ นายนิกร จำนง
ขณะเดียวกัน ยังมีกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองร่วมลงนามสนับสนุนคำแถลงครั้งนี้ด้วย อาทิ นางพะเยาว์ อัคฮาด นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เป็นต้น รวมถึงบรรดานักวิชาการ อาทิ นายประภาส ปิ่นตบแต่ง นางนฤมล ทับจุมพล นายเอกพันธุ์ ปิณฑวณิช นายสุณัย ผาสุข เป็นต้น
นายโคทม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา ทางเครือข่ายฯ ได้จัดทำแถลงการณ์ ฉบับที่ 1 แล้ว โดยเรียกร้องให้ทุกกลุ่มทุกฝ่าย ร่วมกันผลักดันให้เกิดกระบวนการทำประชามติ ที่โปร่งใส สุจริต และเที่ยงธรรม ทุกฝ่ายได้ใช้สิทธิ เสรีภาพ อย่างสร้างสรรค์ มีส่วนร่วมในการถกแถลงด้วยข้อมูลที่ถูกต้องตามกรอบของกฎหมาย แต่จนถึงขณะนี้ การลงประชามติที่กำลังจะมีขึ้นจะยังไม่สมบูรณ์ เพราะผู้มีสิทธิไม่ทราบว่าถ้าร่างรธน.ไม่ผ่าน จะมีกระบวนการอย่างไร ให้ได้มาซึ่งรธน.ฉบับใหม่ ทางเครือข่ายฯ จึงมีความห่วงใยในสถานการณ์ เป็นที่มาของการจัดทำคำแถลง ฉบับที่ 2
นายโคทม กล่าวว่า ในความเห็นส่วนตัว หากประชามติไม่ผ่าน จำเป็นต้องร่างรธน.ฉบับที่ 20 ขึ้นใหม่นั้น ตนขอเสนอว่า ให้รธน.ฉบับที่ 20 เป็นฉบับชั่วคราว เพื่อให้เดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งตามโรดแมป ที่คสช.วางไว้ และให้รธน.ฉบับที่ 20 มีเนื้อหาที่มีหลักการที่เคารพสิทธิของประชาชนต่างๆ โดยมีระยะเวลาที่ใช้เพียง 2 ปี ระหว่างนั้น ต้องมีการหารือกันของทุกฝ่าย โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมของภาคการเมือง เพื่อที่จะตั้งสมาชิกสภาร่างรธน.( ส.ส.ร.) เหมือนปี 40 ที่จะทำหน้าที่ร่างรธน. ฉบับที่ 21 เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการฉันทามติของประชาชน ต่อไป
ด้านนางสุนี ได้อ่านแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 ว่าด้วยเรื่องการทำประชามติร่างรธน. ซึ่งมีข้อเรียกร้อง ดังนี้
1.ให้ความเคารพในสิทธิอันชอบธรรมของประชาชน ในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรธน. โดยเปิดให้ประชาชนทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ได้ถกแถลงด้วยข้อมูลที่ถูกต้องรอบด้าน เอื้อให้มีพื้นที่สาธารณะที่ปลอดภัย เพื่อการแสดงความเห็นอย่างสร้างสรรค์
2. จำเป็นต้องมีการเสนอทางเลือกที่ชัดเจนให้กับประชาชน ในกรณีที่ร่างรธน.ไม่ผ่านการทำประชามติ ในวันที่ 7 ส.ค. ว่าจะมีกระบวนการในการร่างรธน. อย่างไรต่อไป
3. กรณีที่ร่างรธน.ไม่ผ่านการทำประชามติ ควรมีกระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งรธน.ฉบับใหม่ ที่มาจากฉันทามติ ผ่านกลไกที่ทุกกลุ่มทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการออกแบบ และกำหนดหลักการสำคัญในรธน. เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตย เป็นไปตามกรอบเวลา ที่มีการประกาศไว้โรดแมปสู่การเลือกตั้ง
4. หากหลักการตามข้อเรียกร้องที่กล่าวมาข้างต้นเกิดขึ้นจริง ทุกกลุ่มทุกฝ่ายควรยอมรับในผลของการทำประชามติ
5.รธน.ที่จะได้มา ควรมีหลักการสำคัญ อาทิ การคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และสิทธิของประชาชนในด้านต่างๆ ที่ไม่ถดถอยไปจากเดิม การตรวจสอบ และถ่วงดุลการใช้อำนาจอธิปไตย ของกลไกทางการเมืองที่มีความสมดุล กำหนดมาตรการในการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน และมาตรการในการป้องกันความขัดแย้งไม่ให้ขยายผลไปสู่การใช้ความรุนแรง รวมทั้ง มีบทบัญญัติที่เอื้อให้สามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขรธน. ได้โดยไม่ยากเกินไป
ด้านนายอนุสรณ์ ธรรมใจ รองประธานมูลนิธิปรีดี พนมยงค์ กล่าวว่า เราจัดกิจกรรมภายใต้ภาวะที่ขาดเสรีภาพ ทำให้นักการเมือง นักวิชาการ บางส่วนยังลังเลที่จะแสดงตัว แต่เห็นด้วยกับหลักการ และให้การสนับสนุนในหลักการของทางเครือข่ายฯ ซึ่งจะนำสู่สันติธรรมของประเทศ และเราคาดหวังว่า การแสดงประชามติจะมีความหมายตามครรลองประชาธิปไตย คือ เปิดกว้างประชาชนได้แสดงความเห็นอย่างเต็มที่ และต้องเป็นการลงประชามติที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ภาวะกดดันใดๆ ที่สำคัญประชาชนต้องเห็นทางเลือก จึงขอเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องได้พิจารณาว่า การลงประชามติต้องฟังความเห็นจากทุกฝ่าย และต้องร่างรธน. โดยเคารพต่ออำนาจของประชาชน
"ในนามส่วนตัว ขอเรียกร้องให้เลื่อนการทำประชามติออกไป จนกว่าจะมั่นใจได้ว่า มีประชาธิปไตยในการลงประชามติ โดยที่เสียงของประชาชนมีความหมาย ไม่เช่นนั้น จะเป็นแค่พิธีกรรม ซึ่งการลงประชามติที่มีปัญหา จะนำไปสู่กติกาสูงสุดที่มีปัญหา กระทบ คสช. กระทบชีวิตทุกคน จนนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงเหมือน พฤษภาทมิฬได้ ทั้งนี้ ถ้าไม่เลื่อนก็ขอให้เวลาที่เหลืออยู่เป็นบรรยากาศที่เปิดกว้างอย่างเต็มที่" นายอนุสรณ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายนามองค์กรที่ลงนามสนับสนุนคำแถลง อาทิ คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ขบวนการผู้หญิงปฏิรูปประเทศไทย ศูนย์ประสานงานเยาวชนสังคมนิยมประชาธิปไตย เป็นต้น ส่วนรายนามบุคคลที่ลงนามสนับสนุนคำแถลง เป็นที่น่าสังเกตว่า เป็นบุคคลที่มาจากพรรคการเมืองเข้าร่วมจำนวนมาก อาทิ บุคคลที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 9 คน อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ บุคคลที่มาจากพรรคเพื่อไทย จำนวน 18 คน อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายโภคิน พลกุล นายภูมิธรรม เวชยชัย นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายชูศักดิ์ ศิรินิล และ นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา บุคคลจากพรรคชาติไทยพัฒนา เช่น นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล และ นายนิกร จำนง
ขณะเดียวกัน ยังมีกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองร่วมลงนามสนับสนุนคำแถลงครั้งนี้ด้วย อาทิ นางพะเยาว์ อัคฮาด นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เป็นต้น รวมถึงบรรดานักวิชาการ อาทิ นายประภาส ปิ่นตบแต่ง นางนฤมล ทับจุมพล นายเอกพันธุ์ ปิณฑวณิช นายสุณัย ผาสุข เป็นต้น