xs
xsm
sm
md
lg

เลือกตั้งส่อยืด โหรวารินทร์ส่งสัญญาณหลังปี60-โพลประชามติสอบตก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"โหรวารินทร์"ส่งสัญญาณอาจมีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนไปหลังปี 60 ซัดมือมืดลอบส่งจดหมายบิดเบือนร่าง รธน. เป็นพวกโรคจิต “แจ็ค-วัชระ” ปูด ผอ.เขต.สั่งลูกน้องขอสปอนเซอร์ทำป้ายชวนลงประชามติ ขณะที่นิด้าโพล-กรุงเทพโพลชี้ คนลงประชามติ"เห็นชอบ"ไม่ถึงครึ่ง ส่วนกลุ่ม ปชต.ใหม่ เดินหน้าแจกเอกสารเห็นแย้งร่างรธน. ไม่สนคำขู่ กกต.-กรธ. พร้อมปลุกประชาชนออกไป"โหวตโน"

วานนี้ (17 ก.ค.) อาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ นักโหราศาสตร์ชื่อดัง เจ้าของฉายาโหร คมช. ได้เปิดวิหารสุขิโต ในตัวเมืองจ.เชียงใหม่ ทำบุญในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา พร้อมไถ่ชีวิตโค กระบือ จำนวน 11 ตัว ปล่อยปลาดุก 5 หมื่นตัว เพื่อเป็นการทำบุญ ท่ามกลางลูกศิษย์ลูกหาที่ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทั้งตำรวจ ทหาร พลเรือน และประชาชนจำนวนมากมาร่วมพิธี

อาจารย์วารินทร์ กล่าวว่า การลงเสียงประชามติจะผ่านหรือไม่ผ่าน ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะปัจจุบันประชาชนพึงพอใจที่บ้านเมืองสงบสุขในรอบ 10 ปี และยังอยากให้สงบอย่างนี้ต่อไป แต่ยังยืนยันว่า ยังไงก็มีการเลือกตั้งตามโรดแมป ที่ทางรัฐบาลวางเอาไว้อย่างแน่นอน เพียงแต่ยังไม่ฟันธงว่าจะเป็นปี 2560 หรือไม่

ทั้งนี้ อาจจะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นในบ้านเมือง จนทำให้การเลือกตั้งมีการคลาดเคลื่อน หรือเลื่อนออกไป แต่ขอย้ำว่า“อาจจะ”เท่านั้น ยังไงก็ต้องมีการเลือกตั้งแน่นอน

ในส่วนของมือมืดที่หย่อนจดหมายบิดเบือนร่างรธน.ในพื้นที่หลายจังหวัดในภาคเหนือ หลายวันที่ผ่านมานั้น อาจารย์วารินทร์ ประณามว่าเป็นพวกโรคจิต ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย หากจับกุมได้ ต้องนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลศรีธัญญา เพื่อรักษาอาการทางจิต

***“วัชระ”แฉ ผอ.เขต สั่งลูกน้องไถสปอนเซอร์

นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ได้รับร้องเรียนจากข้าราชการ กทม. เนื่องจากมีผู้อำนวยการเขตบางเขตใน กทม. ได้ให้นโยบายกับหัวหน้าฝ่ายในสำนักงานเขต ไปหาสปอนเซอร์เพื่อที่จะลงในป้ายโฆษณาเชิญชวนไปลงประชามติ 7 ส.ค. โดยระบุชื่อบริษัทห้างร้านต่างๆ เป็นสปอนเซอร์ด้านล่างป้าย ซึ่งถ้าเป็นไปด้วยใจสมัครทั้งสองฝ่ายก็คงไม่มีปัญหา แต่เนื่องจากว่าผอ.เขต ได้ระบุไปเลยว่า ให้คิดราคาป้ายละ 5,000 บาท ซึ่งในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ห้างร้านต่างๆ หากินด้วยความลำบากของแพง กำไรถดถอย จึงอยากขอความเห็นใจจาก กทม. อย่าคิดราคาโฆษณาในป้ายประชาสัมพันธ์ประชามติในราคาที่แพงเกินไป ซึ่งทำให้ไม่มีกำลังลงโฆษณาได้
“อยากถามท่านผู้ว่ากทม.( ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร) ว่าเป็นนโยบายของท่านหรือไม่ และเงินที่ได้จากการลงโฆษณานั้นไปทำอะไร มีการออกใบเสร็จถูกต้องหรือไม่ รวมถึงจะระบุจำนวนโฆษณาในพื้นที่หรือไม่ และสงสัยว่าทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ได้ให้งบประชาสัมพันธ์กับ กทม. หรืออย่างไร รวมทั้ง กทม. ไม่มีงบทำป้ายโฆษณาหรือ ถึงต้องไปขอความอนุเคราะห์จากห้างร้านต่างๆในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ และทางกกต. ก็มีงบเพื่อการประชาสัมพันธ์อยู่แล้ว แต่จะมีการแบ่งงบให้ กทม. หรือไม่นั้นก็ต้องถาม นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. และถ้าไม่มีงบให้ ก็ต้องถามกทม.ด้วยว่ามีงบทำป้ายโฆษณาด้วยหรือไม่”

**จี้ คสช.หามือทำ จม.บิดเบือนรธน.

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการพบจดหมายบิดเบือนร่างรธน.ในพื้นที่ภาคเหนือ และถูกหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการจัดฉาก สร้างสถานการณ์จากผู้มีอำนาจว่า เรื่องนี้ยังมีความไม่ชัดเจน จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาล คสช. และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เร่งหาคนผิดมาลงโทษ เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า กลุ่มบุคคลใดอยู่เบื้องหลัง แต่ถ้ารัฐบาลและคสช.ไม่สามารถหาคนผิดมาลงโทษตามกฎหมายได้ ข้อกล่าวหาเรื่องนี้ ก็จะถูกตั้งคำถาม มีคำครหานินทาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะไม่เกิดผลดีต่อรัฐบาล คสช. และผู้เกี่ยวข้องกับการร่างรธน. เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการเปิดโปงรธน.ปลอม โดยโฆษกกรธ. มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ภายหลังพบว่า ไม่ใช่ร่างรธน.ปลอม เป็นเพียงเอกสารความเห็นแย้งของกลุ่มองค์กรที่มีตัวตนชัดเจน ไม่ใช่กลุ่มเถื่อนแต่อย่างใด ขณะที่จดหมายบิดเบือนร่างรธน. ที่ส่งผ่านทางไปรษณีย์ ถึงผู้รับทางภาคเหนือบางจังหวัด ไม่มีที่มาที่ไป ว่าใครเป็นคนทำ จึงเป็นหน้าที่ของรัฐ ที่จะทำความจริงให้กระจ่าง ก่อนที่คนจะเชื่อตามคำครหาว่า รัฐจัดฉากสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเอง เพื่อทำลายน้ำหนักความน่าเชื่อถือของผู้เห็นแย้งร่างรธน.

นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลพื้นที่ภาคเหนือ กล่าวถึงกรณี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ประกาศไม่เห็นชอบร่างรธน.ฉบับนี้ เพราะมาตรฐานสิทธิการรับบริการด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะโครงการ 30 บาทอาจไม่เท่าเทียมนั้น ถ้าพูดแบบนี้แสดงว่า ไม่หวังดี เป็นผู้ที่รู้กันกับของปลอม หรือเปล่า เป็นกระบวนการเดียวกันหรือไม่ เพราะไม่มีรัฐบาลไหน อยากให้ประชาชนได้รับสิทธิการรักษาพยาบาลน้อยลงจากเดิม ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ยืนยันแล้วว่า อย่างไรก็ไม่ยกเลิก ดังนั้น กกต. ต้องตรวจสอบคำพูดดังกล่าว ว่าเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติหรือไม่ เป็นการไปปั่นป่วน ไปชี้นำว่า หากร่างรธน.ผ่านประชามติ จะไม่มีโครงการ 30 บาทหรือไม่ หรือเป็นการสื่อไปถึงประชาชน ไม่ให้รับรธน. หรือไม่

** โพลชี้คนรับร่าง รธน.ไม่ถึงครึ่ง

"นิด้าโพล" เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับเรื่องการลงประชามติร่างรธน. โดยสำรวจระหว่างวันที่ 12-13 ก.ค.59 จากผู้ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไปทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 1,503 หน่วยตัวอย่าง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 62.48 เปอร์เซ็นต์ ยังไม่ตัดสินใจว่า จะรับ หรือไม่รับ ร่างรธน. ขณะที่ 30.41 เปอร์เซ็นต์ จะไปลงมติรับร่างรธน. ขณะที่ 6.79 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่า ไปลงมติ ไม่รับร่างรธน. และ 0.32 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่า ไปใช้สิทธิ์ แต่ไม่มีมติไปทางใดทางหนึ่งอย่างชัดเจน

ขณะที่"กรุงเทพโพลล์" สำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่องนับถอยหลัง 20 วัน ก่อนลงประชามติร่างรธน. 7 ส.ค. 59 โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ 1,876 คน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 83.7 ตั้งใจว่าจะไปออกเสียงลงประชามติรับร่างรธน. ทั้งนี้เพิ่มขึ้นจากผลสำรวจ เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ร้อยละ 6.0 ขณะที่มีเพียงร้อยละ 5.6 ตั้งใจว่าจะไม่ไป ที่เหลือร้อยละ 10.7 ยังไม่แน่ใจ

เมื่อถามว่า“หากวันนี้เป็นวันออกเสียงประชามติร่างรธน.ท่านจะเห็นชอบกับร่างรธน.ฉบับนี้หรือไม่”ประชาชนร้อยละ 41.6 ระบุว่า “เห็นชอบ”ซึ่ง ลดลงจากผลสำรวจเมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.0 ขณะที่ ร้อยละ 7.2 ระบุว่า“ไม่เห็นชอบ”ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 0.6 ส่วนร้อยละ 11.6 ระบุว่า“งดออกเสียง”และมีถึงร้อยละ 39.6 ที่ระบุว่า“ไม่แน่ใจ”

ทั้งนี้ ช่องทางที่ได้รับข้อมูล/ศึกษาเนื้อหา เกี่ยวกับร่างรธน.ฉบับลงประชามตินั้น ประชาชน ร้อยละ 42.1 ระบุว่าได้รับจากเว็บไซต์สำนักข่าว / ข้อมูลที่สื่อมวลชนนำมาเสนอ รองลงมาร้อยละ 11.7 ระบุว่าได้รับจากการชี้แจงในระดับชุมชนจากครู ค. และผ่านเสียงตามสายในชุมชน และร้อยละ 11.1 ระบุว่าได้รับเอกสารที่ได้รับแจกจาก อำเภอ/อบต. ขณะที่มีเพียงร้อยละ 3.6 ที่ระบุว่า ดาวน์โหลดเอกสารจากเว็บไซต์ กรธ. และเว็บไซต์รัฐสภา โดยร้อยละ 27.8 ระบุว่ายังไม่ได้รับข้อมูล/เอกสารจากช่องทางใดเลย

**"ยะใส"ห่วงประชามติ7ส.ค.โมฆะ

นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวว่าการรณรงค์ให้ประชาชนไปออกเสียงประชามติร่างรธน. ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ยังไม่คึกคัก และไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับการลงประชามติรธน.ปี 2550 ซึ่งน่าเป็นห่วง เพราะอาจทำให้คนมาใช้สิทธิน้อยเกินไป และจะทำให้กระบวนการประชามติโมฆะ หรือขาดฉันทานุมัติ จนอาจกระทบต่อกระบวนการปฏิรูปได้
ประชามติครั้งนี้ ผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 ล้านคน จากเดิม 45 ล้านคน เป็นกว่า 50 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก เพราะกกต. ขยายเกณฑ์อายุ ผู้มีสิทธิลงประชามติ จากเดิมที่กำหนดให้มีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ในวันที่ 1 ม.ค. ของปีที่มีการลงประชามติ เป็นมีอายุครบ 18 ปี นับตั้งแต่วันที่มีการออกเสียงประชามติ แต่ไม่มีกระบวนการใช้สิทธิล่วงหน้า อาจทำให้คนจำนวนมากหมดสิทธิ์ไปโดยปริยาย

กระบวนการประชามติที่ชอบธรรม ต้องมีคนออกมาใช้สิทธิอย่างน้อยกึ่งหนึ่ง หรือไม่น้อยกว่า 25 ล้านเสียง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะขนาดการลงประชามติเมื่อปี 2550 ที่มีการรณรงค์กันอย่างคึกคักมากกว่านี้ ยอดผู้มาออกเสียงยังมีแค่ 57.6% หรือแค่ 25 ล้านกว่าเสียง เท่านั้น

สถานการณ์ที่เหลือแค่ 20 วัน แบบนี้น่าเป็นห่วง จนป่านนี้ร่างรธน.ก็ยังไม่ถึงมือประชาชน ซ้ำร้ายบรรยากาศการรณรงค์ของฝ่ายต่างๆในขณะนี้ก็เต็มไปด้วยสีสันของความขัดแย้ง มากกว่าจะถกแถลงกันในเชิงเนื้อหาสาระจริงๆ และต้องตำหนิ กกต.ด้วย ที่ไปจมอยู่กับการตอบโต้ทางการเมืองมากเกินไป ซึ่งไม่ใช่หน้าที่แต่อย่างใด และการที่ คสช. ปิดกั้นการรณรงค์มากไป ถือว่าได้ไม่คุ้มเสีย เพราะทำให้บางกลุ่มเคลื่อนไหวลงใต้ดิน ส่งผลให้มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง ยิ่งทำให้ประชาชนสับสนจนไม่รู้จะเชื่อใครดี ช่วงเวลาที่เหลือ 20 วัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำงาน 24 ชั่วโมงเท่านั้น ถึงจะทำให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิถึงเป้าได้

**"ปชต.ใหม่"เมินคำเตือน กรธ.-กกต.

วานนี้ (17 ก.ค.) กลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ นำโดย นายรังสิมัน โรม และ วรวุฒิ บุตรมารต แถลงถึงการจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวแสดงจุดยืนต่อร่างรธน.ฉบับลงประชามติ พร้อมเปิดตัว และเผยแพร่เอกสารชุดใหม่ที่ใช้ในการเคลื่อนไหว โดยรังสิมัน แถลงว่า ทางกลุ่มฯ ไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของ กรธ. และ กกต. ต่อผลการตรวจสอบเอกสาร ความเห็นแย้งคำอธิบายสาระสำคัญของร่างรธน. ที่ระบุในเบื้องต้นว่า เป็นเอกสารบิดเบือน เพราะข้อสรุปของการตรวจสอบดังกล่าว ไม่อธิบายเหตุผลหรือรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งตนมองว่ากรณีดังกล่าวไม่มีความเป็นธรรมต่อทางกลุ่มฯ เพราะ กกต.ไม่เคยเรียกสมาชิกกลุ่มฯ หรือผู้ที่จัดทำเอกสารไปชี้แจงรายละเอียดของการจัดทำ ขณะที่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ให้ความเห็นส่วนตัวผ่านเฟซบุ๊ก ว่า เอกสารเข้าข่ายผิดกม. และห้ามแจกจ่ายเอกสาร โดยไม่มีข้อสรุป หรือรายละเอียดที่เป็นมติของกกต. หรือมติอย่างเป็นทางการ? ถือว่าเป็นการห้ามประชาชนใช้สิทธิ และเสรีภาพในการแสดงออก ดังนั้นทางกลุ่มฯ จะไม่หยุดการแจกเอกสารดังกล่าวไปสู่ประชาชน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน ต่อการตัดสินใจออกเสียงประชามติร่างรธน.ด้วยข้อมูลที่รอบด้าน ทางกลุ่มฯ ขอท้า กรธ. ให้ขึ้นเวทีดีเบตเนื้อหาร่างรธน.

"ขอให้ใช้การโหวตโน ร่างรธน.ในวันที่ 7 ส.ค. เป็นบทเรียนสอนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ซึ่งประชาชนต้องเลือกเพื่อแสดงออกว่า จะยอมรับอำนาจทหารต่อไปหรือไม่ ดังนั้นขอให้ตัดสินใจให้เด็ดขาด อย่าใช้ความเป็นกลางโดยเด็ดขาด ซึ่งผมเชื่อว่า หากผลโหวตโน ที่ชนะจะไม่เสียเปล่าอย่างแน่นอน" นายรังสิมัน กล่าว

***แม้วจ้อ15ปีรายได้ต่อหัว จีนแซงไทย

เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัว "Thaksin Shinawatra"ระบุว่า "เพิ่งกลับจากที่เมืองจีน ก็เลยอยากจะมาเล่าเรื่องเศรษฐกิจจีนให้พี่น้องฟังสักเล็กน้อย"

พร้อมโพสต์คลิปวีดีโอ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนกับเศรษฐกิจโลกในวันนี้ ระบุว่า "จีนเติบโตมโหฬารภายใน 15 ปี แล้ววันนั้นสิ่งที่ผมจำได้แม่นก็คือ รายได้ต่อหัวต่อคนของจีนต่ำกว่าของไทย แล้ววันนี้ ปรากฏว่ารายได้จีนต่อหัว แซงไทย".
กำลังโหลดความคิดเห็น