อัยการส่งเรื่องให้ “ดีเอสไอ” สอบเพิ่มคดี “พระธัมมชโย” ฟอกเงิน-รับของโจร ประเด็นการบริหารงานภายในวัดและเส้นทางการเงินวัดพระธรรมกาย-สหกรณ์ฯ คลองจั่น ตั้งแต่ปี 52 คาดใช้เวลา 2 สัปดาห์ ส่วนคดีรถเบนซ์โบราณ “สมเด็จช่วง” รอเอกสารจาก บ.ต่างประเทศเพื่อความสมบูรณ์ของสำนวน ยันคืบหน้าแล้วกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ "เจ้าคุณประสาร" ปัดปลุกม็อบพระ ระบุเป็นการเคลื่อนไหวภายใต้กฎหมาย
สืบเนื่องจากกรณีพนักงานอัยการศาลได้เลื่อนนัดสั่งคดีพระธัมมชโย พร้อมพวก 5 คน ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงินและรับของโจร จากวันที่ 13 ก.ค.เป็นวันที่ 11 ส.ค. 59 เนื่องจากยังมีอีกบางประเด็นที่การสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จและต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติม
วานนี้ (13 ก.ค.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า พนักงานอัยการศาลเลื่อนการสั่งฟ้องคดีพระธัมมชโย กับพวก เนื่องจากให้ดีเอสไอสอบสวนเพิ่มเติมใน 2 ส่วน ส่วนแรก คือ การบริหารงานภายในวัดพระธรรมกาย ส่วนที่สองเป็นเส้นทางการเงิน ซึ่งอัยการฝ่ายคดีพิเศษอยากทราบเส้นทางการเงินก่อนที่จะมีการทุจริตเกิดขึ้นและต้องสืบเชิงลึกไปก่อนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 จนกระทั่งเกิดการทุจริต เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดีทั้งหมด นอกจากนี้ ดีเอสไอก็มีการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องไปบ้างแล้ว
สำหรับกรณีเรียกสอบพระ 5 รูป ที่เกี่ยวข้องกับพระธัมมชโย ที่ขอเลื่อนการให้ปากคำเป็นวันที่ 22 ก.ค.นี้ เนื่องจากว่าติดศาสนกิจ นั้น จากการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอ พบเป็นพระที่มีหน้าที่บริหารกิจการภายในวัดพระธรรมกาย หากพระทั้ง 5 รูปเลื่อนกำหนดการให้ปากคำในวันที่ 22 ก.ค.อีกครั้ง ทางดีเอสไอจะพิจารณาในแง่ของกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ดีเอสไอจะเร่งดำเนินการตรวจสอบประเด็นทั้งหมด คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ และจะนำส่งสำนวนให้พนักงานอัยการพิจารณาทันที
ส่วนการขอหมายค้นครั้งที่ 2 พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ดีเอสไอ ต้องประเมินความพร้อมและดูสถานการณ์ที่เหมาะสม เพื่อเนินการเข้าจับกุมอีกครั้ง
สำหรับความคืบหน้าคดีรถเบนซ์โบราณเลี่ยงภาษีของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า อยู่ระหว่างเร่งรัดดำเนินการเพราะเอกสารบางอย่างต้องรอจากบริษัทต่างประเทศส่งมายังดีเอสไอ แต่คดีมีความคืบหน้าไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ในส่วนของผู้นำเข้า ผู้จดประกอบ ผู้จดทะเบียนเสียภาษี เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวครบถ้วนหมดแล้ว
พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนเอกสารดังกล่าวที่รอจากบริษัทต่างประเทศ ถือว่ามีความสำคัญเนื่องจากการดำเนินคดีต้องมีเอกสารการนำเข้ามาประกอบกับสำนวน แต่อาจใช้เวลาดำเนินการพอสมควร จริงๆ แล้วดีเอสไอมีหลักฐานอยู่ส่วนหนึ่งแต่อยากให้เอกสารครบถ้วนเพื่อความสมบูรณ์ของสำนวน
*** ‘เจ้าคุณประสาร’ ปัดปลุกม็อบพระ
ด้านพระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จันทสาโร) เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย (ศพศ) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขู่ใช้คำสั่ง คสช. ดำเนินการจับหมด หากกลุ่มองค์กรพุทธฯ ออกมาเคลื่อนไหวภายใน 7 วัน หากไม่มีการทูลเกล้าฯ ชื่อสมเด็จพระสังฆราช พร้อมทั้งชี้ไม่มีสิทธิ์ยื่นคำขาด ว่า ในมติที่ประชุมองค์กรพุทธพร้อมภาคีเครือข่าย ในข้อที่ 5 ระบุ เป็นการรอดูท่าทีทั้งหมดของผู้เกี่ยวข้องภายใน 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะกำหนดท่าทีร่วมกันในการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งการเคลื่อนไหวขององค์กรพุทธ มิได้จะเป็นการนำม็อบพระสงฆ์มากดดันรัฐบาลแต่อย่างใด ซึ่งคณะสงฆ์ในนามองค์กรพุทธพร้อมภาคีเครือข่าย ยืนยันมาตลอดว่าเคลื่อนไหวของกลุ่มนั้น อยู่ภายใต้กฎหมายบ้านเมือง พระธรรมวินัยสงฆ์ และไม่ได้มีเจตนาท้าทายหรือข่มขู่อำนาจรัฐแต่อย่างใด เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายไปได้
สืบเนื่องจากกรณีพนักงานอัยการศาลได้เลื่อนนัดสั่งคดีพระธัมมชโย พร้อมพวก 5 คน ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงินและรับของโจร จากวันที่ 13 ก.ค.เป็นวันที่ 11 ส.ค. 59 เนื่องจากยังมีอีกบางประเด็นที่การสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จและต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติม
วานนี้ (13 ก.ค.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า พนักงานอัยการศาลเลื่อนการสั่งฟ้องคดีพระธัมมชโย กับพวก เนื่องจากให้ดีเอสไอสอบสวนเพิ่มเติมใน 2 ส่วน ส่วนแรก คือ การบริหารงานภายในวัดพระธรรมกาย ส่วนที่สองเป็นเส้นทางการเงิน ซึ่งอัยการฝ่ายคดีพิเศษอยากทราบเส้นทางการเงินก่อนที่จะมีการทุจริตเกิดขึ้นและต้องสืบเชิงลึกไปก่อนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 จนกระทั่งเกิดการทุจริต เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดีทั้งหมด นอกจากนี้ ดีเอสไอก็มีการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องไปบ้างแล้ว
สำหรับกรณีเรียกสอบพระ 5 รูป ที่เกี่ยวข้องกับพระธัมมชโย ที่ขอเลื่อนการให้ปากคำเป็นวันที่ 22 ก.ค.นี้ เนื่องจากว่าติดศาสนกิจ นั้น จากการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอ พบเป็นพระที่มีหน้าที่บริหารกิจการภายในวัดพระธรรมกาย หากพระทั้ง 5 รูปเลื่อนกำหนดการให้ปากคำในวันที่ 22 ก.ค.อีกครั้ง ทางดีเอสไอจะพิจารณาในแง่ของกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ดีเอสไอจะเร่งดำเนินการตรวจสอบประเด็นทั้งหมด คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ และจะนำส่งสำนวนให้พนักงานอัยการพิจารณาทันที
ส่วนการขอหมายค้นครั้งที่ 2 พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ดีเอสไอ ต้องประเมินความพร้อมและดูสถานการณ์ที่เหมาะสม เพื่อเนินการเข้าจับกุมอีกครั้ง
สำหรับความคืบหน้าคดีรถเบนซ์โบราณเลี่ยงภาษีของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า อยู่ระหว่างเร่งรัดดำเนินการเพราะเอกสารบางอย่างต้องรอจากบริษัทต่างประเทศส่งมายังดีเอสไอ แต่คดีมีความคืบหน้าไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ในส่วนของผู้นำเข้า ผู้จดประกอบ ผู้จดทะเบียนเสียภาษี เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวครบถ้วนหมดแล้ว
พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนเอกสารดังกล่าวที่รอจากบริษัทต่างประเทศ ถือว่ามีความสำคัญเนื่องจากการดำเนินคดีต้องมีเอกสารการนำเข้ามาประกอบกับสำนวน แต่อาจใช้เวลาดำเนินการพอสมควร จริงๆ แล้วดีเอสไอมีหลักฐานอยู่ส่วนหนึ่งแต่อยากให้เอกสารครบถ้วนเพื่อความสมบูรณ์ของสำนวน
*** ‘เจ้าคุณประสาร’ ปัดปลุกม็อบพระ
ด้านพระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จันทสาโร) เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย (ศพศ) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขู่ใช้คำสั่ง คสช. ดำเนินการจับหมด หากกลุ่มองค์กรพุทธฯ ออกมาเคลื่อนไหวภายใน 7 วัน หากไม่มีการทูลเกล้าฯ ชื่อสมเด็จพระสังฆราช พร้อมทั้งชี้ไม่มีสิทธิ์ยื่นคำขาด ว่า ในมติที่ประชุมองค์กรพุทธพร้อมภาคีเครือข่าย ในข้อที่ 5 ระบุ เป็นการรอดูท่าทีทั้งหมดของผู้เกี่ยวข้องภายใน 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะกำหนดท่าทีร่วมกันในการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งการเคลื่อนไหวขององค์กรพุทธ มิได้จะเป็นการนำม็อบพระสงฆ์มากดดันรัฐบาลแต่อย่างใด ซึ่งคณะสงฆ์ในนามองค์กรพุทธพร้อมภาคีเครือข่าย ยืนยันมาตลอดว่าเคลื่อนไหวของกลุ่มนั้น อยู่ภายใต้กฎหมายบ้านเมือง พระธรรมวินัยสงฆ์ และไม่ได้มีเจตนาท้าทายหรือข่มขู่อำนาจรัฐแต่อย่างใด เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายไปได้
