วานนี้ (13ก.ค.) นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. กล่าวถึง กรณีไปรษณีย์พบจดหมายที่มีเนื้อหาบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ ส่งไปยังครัวเรือนใน จ.ลำปางว่า ตนได้สั่งการให้กกต.ลำปาง แจ้งความดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ประชามติแล้ว โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยประชามติของรัฐบาล ประจำจังหวัดลำปาง เข้าดำเนินการ ซึ่งศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยฯ ได้ใช้อำนาจตาม มาตรา 44 ทำการอายัดจดหมายทั้งหมดมาตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นจดหมายที่เป็นซองตราครุฑ จ่าซองถึงประชาชนในจังหวัดลำพูน โดยไม่ได้ระบุชื่อ และเนื้อหาภายในจดหมาย มีการบิดเบือนกล่าวอ้างว่า ร่างรธน. ให้ยกเลิกนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค รวมถึงยกเลิกเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และยกเลิกการเรียนฟรีของนักเรียนระดับมัธยมปลาย ซึ่งไม่เป็นความจริง
"ขณะนี้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจพบกล้องวงจรปิดจับภาพผู้ต้องสงสัย สวมหมวกปิดหน้า นำจดหมายดังกล่าวมาหย่อนในตู้ไปรษณีย์แล้ว ยืนยันทุกฝ่ายเร่งดำเนินการหาตัวผู้กระผิดมาให้รวดเร็วที่สุด เพราะสร้างความสับสนให้กับประชาชน และสั่งการให้กกต.ลำปาง แจกเอกสาร สรุปสาระสำคัญร่างรธน. พร้อมเร่งรณรงค์สร้างความเข้าใจกับประชาชนมากขึ้นด้วย" ประธานกกต. กล่าว
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้มีการรายงานให้ทราบแล้ว ตนมองว่ากรณีนี้ เข้าข่ายความผิด มาตรา 61 วรรค สอง เนื่องจากมีหลายข้อความที่เป็นเท็จ แต่ทั้งนี้ กรธ. จะเป็นผู้ที่ระบุชัดว่า เท็จหรือไม่ หากยืนยันว่าเท็จเจ้าหน้าที่ก็สามารถดำเนินการได้
ทั้งนี้ ในประเด็นที่มีการเคลื่อนไหวรณรงค์ ร่างรธน. แบบใต้ดิน เช่น การส่งจดหมายไปตามบ้าน หรือการโพสต์ข้อความทางอินเตอร์เน็ต ที่นำไปสู่ความเข้าใจผิด จนมีผลต่อการตัดสินใจลงคะแนนออกเสียงของประชาชนนั้น ตนก็จะนำข้อเสนอที่คิดว่า น่าจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ คือ การทำให้การเคลื่อนไหวใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดิน เพื่อให้ทุกคนออกมาพูดกันได้อย่างเปิดเผย ไปเสนอยังที่ประชุม กรธ. ว่ามีความเห็นเป็นอย่างไร
นายสมชัยกล่าวด้วยว่า วันนี้ (14 ก.ค.) ตนจะไปหารือกับทาง กรธ. เกี่ยวกับเอกสารต่างๆ ที่มีการเผยแพร่ว่า เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรธน. หรือไม่ และหากพบเป็นความผิด จะดำเนินการอย่างไร เช่น ให้ กรธ.แจ้งความดำเนินคดีเอง ส่งให้กกต.เป็นผู้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย หรือไม่ต้องดำเนินการอะไรเลย
ส่วนตัวมองว่า หากกรธ.เป็นผู้แจ้งความเอง น่าจะเป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุด เพราะการส่งมาให้กกต.ดำเนินการนั้น จะใช้เวลาในการพิจารณาหลายสัปดาห์ อาจไม่ทันการ หรืออีกวิธี ถ้ากรธ.ยืนยันว่า จะให้กกต.ดำเนินการ ตนยินดีเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษด้วยตนเอง โดยไม่ผ่านมติ กกต. แต่แนวทางนี้ ตนต้องเห็นร่วมกับ กรธ.ด้วยว่าเป็นความผิด หากตนเห็นว่าไม่ผิด ก็จะไม่ทำ
"ผมมีจุดยืนไปแล้วว่า เอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในช่วงที่ผ่านมา ชุดใดผิด หรือไม่ผิดแม้กรธ.และกกต.เห็นตรงกันว่า การกระทำนั้นมีความผิด แต่ผมก็อยากเสนอว่า ควรให้โอกาสแก่กลุ่มที่มีความผิดได้ทบทวน ยับยั้งชั่งใจในการกระทำนั้น ถ้ายุติการกระทำ ก็ถือว่าจบ แต่ถ้ายังดื้อดึง ก็ต้องอาศัยช่องทางตามกฎหมายดำเนินการ"
ทั้งนี้การหารือกับกรธ.ในวันนี้ นายสมชัย ยืนยันว่า ทราบว่าฝ่ายเลขานุการของ นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานกรธ. ได้โทรศัพท์ประสานกับ หน้าห้องของ กกต. แต่ละคน แต่ไม่สามารถตกลงได้ และเมื่อเข้าสู่ที่ประชุม ประธานกกต.ได้สอบถามว่า มีจดหมายเชิญหรือไม่ ยืนยันไม่ได้ติดต่อเฉพาะหน้าห้องของตัวเอง แต่ส่วนตัวเห็นว่าจดหมายเชิญ ไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะหากเป็นประโยชน์ และสามารถทำงานร่วมกันได้ ก็ควรจะลดขั้นตอน อย่าถือยศถืออย่างมากเกินไป อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองก็ควรจะดำเนินการ
"ขณะนี้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจพบกล้องวงจรปิดจับภาพผู้ต้องสงสัย สวมหมวกปิดหน้า นำจดหมายดังกล่าวมาหย่อนในตู้ไปรษณีย์แล้ว ยืนยันทุกฝ่ายเร่งดำเนินการหาตัวผู้กระผิดมาให้รวดเร็วที่สุด เพราะสร้างความสับสนให้กับประชาชน และสั่งการให้กกต.ลำปาง แจกเอกสาร สรุปสาระสำคัญร่างรธน. พร้อมเร่งรณรงค์สร้างความเข้าใจกับประชาชนมากขึ้นด้วย" ประธานกกต. กล่าว
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้มีการรายงานให้ทราบแล้ว ตนมองว่ากรณีนี้ เข้าข่ายความผิด มาตรา 61 วรรค สอง เนื่องจากมีหลายข้อความที่เป็นเท็จ แต่ทั้งนี้ กรธ. จะเป็นผู้ที่ระบุชัดว่า เท็จหรือไม่ หากยืนยันว่าเท็จเจ้าหน้าที่ก็สามารถดำเนินการได้
ทั้งนี้ ในประเด็นที่มีการเคลื่อนไหวรณรงค์ ร่างรธน. แบบใต้ดิน เช่น การส่งจดหมายไปตามบ้าน หรือการโพสต์ข้อความทางอินเตอร์เน็ต ที่นำไปสู่ความเข้าใจผิด จนมีผลต่อการตัดสินใจลงคะแนนออกเสียงของประชาชนนั้น ตนก็จะนำข้อเสนอที่คิดว่า น่าจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ คือ การทำให้การเคลื่อนไหวใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดิน เพื่อให้ทุกคนออกมาพูดกันได้อย่างเปิดเผย ไปเสนอยังที่ประชุม กรธ. ว่ามีความเห็นเป็นอย่างไร
นายสมชัยกล่าวด้วยว่า วันนี้ (14 ก.ค.) ตนจะไปหารือกับทาง กรธ. เกี่ยวกับเอกสารต่างๆ ที่มีการเผยแพร่ว่า เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรธน. หรือไม่ และหากพบเป็นความผิด จะดำเนินการอย่างไร เช่น ให้ กรธ.แจ้งความดำเนินคดีเอง ส่งให้กกต.เป็นผู้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย หรือไม่ต้องดำเนินการอะไรเลย
ส่วนตัวมองว่า หากกรธ.เป็นผู้แจ้งความเอง น่าจะเป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุด เพราะการส่งมาให้กกต.ดำเนินการนั้น จะใช้เวลาในการพิจารณาหลายสัปดาห์ อาจไม่ทันการ หรืออีกวิธี ถ้ากรธ.ยืนยันว่า จะให้กกต.ดำเนินการ ตนยินดีเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษด้วยตนเอง โดยไม่ผ่านมติ กกต. แต่แนวทางนี้ ตนต้องเห็นร่วมกับ กรธ.ด้วยว่าเป็นความผิด หากตนเห็นว่าไม่ผิด ก็จะไม่ทำ
"ผมมีจุดยืนไปแล้วว่า เอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในช่วงที่ผ่านมา ชุดใดผิด หรือไม่ผิดแม้กรธ.และกกต.เห็นตรงกันว่า การกระทำนั้นมีความผิด แต่ผมก็อยากเสนอว่า ควรให้โอกาสแก่กลุ่มที่มีความผิดได้ทบทวน ยับยั้งชั่งใจในการกระทำนั้น ถ้ายุติการกระทำ ก็ถือว่าจบ แต่ถ้ายังดื้อดึง ก็ต้องอาศัยช่องทางตามกฎหมายดำเนินการ"
ทั้งนี้การหารือกับกรธ.ในวันนี้ นายสมชัย ยืนยันว่า ทราบว่าฝ่ายเลขานุการของ นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานกรธ. ได้โทรศัพท์ประสานกับ หน้าห้องของ กกต. แต่ละคน แต่ไม่สามารถตกลงได้ และเมื่อเข้าสู่ที่ประชุม ประธานกกต.ได้สอบถามว่า มีจดหมายเชิญหรือไม่ ยืนยันไม่ได้ติดต่อเฉพาะหน้าห้องของตัวเอง แต่ส่วนตัวเห็นว่าจดหมายเชิญ ไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะหากเป็นประโยชน์ และสามารถทำงานร่วมกันได้ ก็ควรจะลดขั้นตอน อย่าถือยศถืออย่างมากเกินไป อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองก็ควรจะดำเนินการ
