ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เรียกว่าเหยียบที่ไหนมีอันต้องเกิดเรื่องราวพิลึกพิลั่นที่นั่น ข่าว คุณนายไก่-วันทนีย์ หยกวิริยะกุล หรือสุชาดา-มณตา หยกรัตนกาญ สาวใหญ่วัย 56 ปีหลบปัญหาไปนมัสการหลวงพ่อพุทธชินราช ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรวิหาร หรือที่ชาวพิษณุโลกเรียกกันว่าวัดใหญ่ พร้อมกับคำสาบานหากลูกโกหกขอให้มีอันเป็นไป ให้มีแต่ภัยพิบัติเกิดขึ้นในชีวิต
และยังไม่ทันข้ามวันตกค่ำคืนวันที่ 6 ก.ค.2559 ทั้งที่ไม่มีลมพายุ มีเพียงฝนที่ตกลงมาพรำๆ ตลอดทั้งวันปรากฏว่าต้นโพธิ์ขนาดยักษ์อายุกว่า 100 ปีซึ่งตั้งตระหง่านอยู่หลังพระอุโบสถแวดล้อมด้วยร้านค้าเกิดล้มครืนลงมาแบบถอนรากถอนโคน
เดชะบุญที่เหตุเกิดในช่วงที่ร้านรวงปิดหมดแล้วจึงมีเพียงร้านค้าที่เสียหายจำนวนหนึ่งกับรถยนต์เก๋งส่วนบุคคลอีก 1 คัน
ข่าวต้นโพธิ์โบราณล้มในวัดใหญ่จุดความคิดของคนพิษณุโลก และคนไทยทั่วไปที่เฝ้าติดตามข่าวคุณนายไก่-วันทนีย์ พร้อมกับคำถามที่ตรงกันว่าหรือหลวงพ่อฯต้องการแสดงปาฏิหาริย์ให้ปรากฏ มีบางคนหยิบเอาคำสาบานของคุณนายไก่ ไปเทียบเคียงกับเหตุการณ์ท่ามกลางความสนใจของสื่อและประชาชนทั่วไป
เรียกว่านาทีนี้อะไรที่เกี่ยวกับคุณหญิงบ่าวตั้ง จะต้องมีคอข่าวให้ความสนใจกันอย่างคับคั่ง
และจะด้วยปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อหรือข้อเท็จจริงที่ถูกกระชากหน้ากากออกมาทำให้ในที่สุดเมื่อวันที่ 7 ก.ค.2559 ที่ผ่านมา คุณนายไก่-วันทนีย์ก็ถึงกัลปาวสานเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดำเนินคดีในข้อหาจ้งความเท็จ พยายามค้ามนุษย์ และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องเพราะคดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์มีลักษณะนำความเสื่อมเสียมาสู่สถาบันอันเป็นที่เทิดทูนของประชาชนผู้จงรักภักดี ประกอบกับพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน อีกทั้งผู้ต้องหายังถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดีข้อหาเดียวกันนี้ของศาลทหารอีก และถูกส่งตัวเข้าทัณฑสถานหญิงกลาง บางเขน เป็นที่เรียบร้อย
ไก่-วันทนีย์ เป็นใครมาจากไหน....ปริศนาที่ทุกสำนักข่าวพยายามไขแต่ก็ยังไม่มีใครรู้ถึงปูมหลังอย่างกระจ่างชัด นอกจากหยิบเอาพฤติกรรมความแสบที่เคยทำเอาไว้มาปะติดปะต่อร้อยเรียงเป็นเรื่องเดียวกัน...
ไก่-วันทนีย์ เป็นอะไรกับดวงฤทัย จารุจินดา หรือ “กิมเอ็ง แซ่เตียว” ผู้ต้องหา “ต้มเปื่อย”คดีเครื่องราชอิสริยาภรณ์เมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้วก็ไม่มีใครสามารถยืนยันชัดเจนได้....บ้างว่าเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิต บ้างว่าเป็นแค่เสือ 2 ตัวที่ทำมาหากินในรูปแบบที่คล้ายกัน และมีเป้าหมายชีวิตเหมือนกันคือต้องการสามีเป็นนายตำรวจ
เรื่องราวของคุณนายไก่ - วันทนีย์ ถ้าเปรียบเป็นภาพยนตร์ชีวิตคงเริ่มด้วยฉาก 2 แม่ลูกฐานะไม่สู้ดีเข้าไปอาศัยอยู่ในแฟลตบางนา ถนนบางนา-ตราด เมื่อราว พ.ศ.2525 จากการบอกเล่าแบบนั่งล้อมวงของนักข่าวรุ่นเดอะ คุณนายไก่-วันทนีย์ แท้จริงแล้วก็คือเพื่อนบ้านแฟลตการเคหะบางนา ที่บังเอิญมาอยู่ใกล้กัน....นักข่าวใหญ่สมัยนั้นเป็นเพียงผู้สื่อข่าวตระเวนอาชญากรรม...เข้าเวร-ออกเวร เมื่อเวลากลับที่พักหากคุณนายไก่-วันทนีย์ ไม่ออกไปธุระนอกบ้านก็จะทักทายกันประจำ...วันหนึ่งนักข่าวใหญ่ประจำค่ายสีเขียวชวนเพื่อนนักข่าวค่ายสีบานเย็น มาตั้งวงสรวลเสเฮฮาที่ห้องพัก ทำให้มีโอกาสรู้จักคุณนายไก่ เพิ่มอีกคน... คราวนี้คุณนายไก่-วันทนีย์ มีเพื่อนเป็นนักข่าวไฟแรงมีอนาคตทั้ง 2 ค่าย ความสัมพันธ์ฐานเพื่อนบ้านและด้วยอัธยาศัยไมตรีจึงสนิทสนมอย่างรวดเร็ว
แต่ด้วยสัญชาติญาณนักข่าว “พิรุธ”ต่างๆของคุณนายไก่ -วันทนีย์ มักหลุดมาให้เห็นเสมอ ความสงสัยมีแน่แต่ก็แค่เขราทำมาหากินอะไร และที่ยอดฮิตตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันคือคุณนายไก่-วันทนีย์ มีฐานะร่ำรวยจริงหรือเปล่า
วันหนึ่งนักข่าวรุ่นเดอะสำนักสีเขียว เก็บความสงสัยไว้ไม่ไหว วันนั้นเป็นวันที่ไก่-วันทนีย์ ไม่อยู่ห้อง...สมาคมคนช่างสอดรู้จึงปีนขึ้นส่องดูช่องลม ภาพที่ปรากฏคือเด็กชายวัน 3-4 ขวบนั่งเล่นตามลำพัง โดยมีชามข้าวกับแก้วน้ำวางอยู่ข้างๆ...นี่คือบทที่ 1 ของความผิดปกติ
จากภาพคุณนายไก่ คนมีสตางค์เริ่มมีสายตามองแบบค้นหาความจริง ประจวบเหมาะเกิดเรื่องอื้อฉาวกับนายตำรวจระดับนายพันประจำสถานีตำรวจนครบาลบางนา คุณนายไก่-วันทนีย์ จะอยู่ต่อไปทำไมให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน
ตัดฉากดรามาเอาตอนที่คุณนายไก่-วันทนีย์ เตรียมย้ายที่อยู่...
ถ้ายังจำกันได้เมื่อ 30 ปีก่อนโทรศัพท์ประจำบ้านมีราคาแพงตั้งแต่หลักหลายๆ หมื่นยันหลักแสน อาชีพพ่วงสายโทรศัพท์บริการประชาชนชาวแฟลตคืออาชีพยอดฮิต สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำและในที่สุดช่วงยกระดับไม่จำเป็นต้องอยู่แฟลตฯการเคหะอีกต่อไปยังมีเรื่องเซ้งโทรศัพท์ เก็บค่าพ่วงสายอลเวงไปทั้งแฟลต 1
ความบังเอิญครั้งที่สองที่เกิดขึ้นระหว่างไก่-วันทนีย์ กับนักข่าวรุ่นเดอะเมื่อเกิดโคจรไปพบกันแถวโรงแรม 7 ชั้นเยาวราชจนเป็นที่มาของประโยคเด็ดที่อาม่าบอกกับนักข่าวค่ายสีเขียวว่า “อีเป็งเสกถีนี ลูกอั๊วกำลังตกถึงเข้าสัน”....แต่ทุกเรื่อง ทุกเหตุการณ์ก็เป็นเพียงแค่ข้อสงสัย เป็นเพียงเรื่องเล่าปากต่อปาก
ปลายปี 2559 -2530 เกิดคดีทุจริตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นช่วงบริหารราชการของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ตัวละครที่ไม่ควรพลาดก็คือนางดวงฤทัย จารุจินดา ชื่อเล่น “คุณนายตุ่ม”หรือ “กิมเอ็ง แซ่เตียว” ที่ตกเป็นผู้ต้องหาสำคัญ และถือว่าเป็นผู้สร้างรอยด่างให้กับกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะผู้รับผิดชอบในการขอพระราชทานเครื่องราชฯ ถึงขั้นมีการจับกุม-ดำเนินคดีอดีตรัฐมนตรี อดีตข้าราชการระดับสูง และมีผู้กระทำอัตวินิบากกรรมหนีความอับอายในทำเนียบรัฐบาล
กิมเอ็ง คือใคร!!??
ข่าวด้านหนึ่งเชื่อว่าเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตกับคุณนายไก่-วันทนีย์...เพียงแต่ไม่มีใครกล้ายืนยันแน่ชัดเนื่องจากทั้งสองไม่เคยยอมรับ หรือปฏิเสธ อีกทั้งสองคนมีหัวนอนปลายตีนมาจากไหน ทฤษฎีหนึ่งบอกว่าเป็นสาวน้อยพักอาศัยอยู่แถววงเวียนใหญ่ - ตลาดพลู ฝั่งธนบุรี อีกทฤษฎีหนึ่งบอกว่าน่าจะเป็นสาว ตจว.โดยให้ดูจากลักษณะการพูดจาหรือแต่งเนื้อแต่งตัว ซึ่งยังคงเป็นปริศนา “คาใจ”จึงขอผ่านประเด็นนี้ไป นำเข้าสู่ฉากชีวิตสำคัญของคุณนายกิมเอ็ง ที่น่าสนใจไม่ด้อยไปกว่าคุณนายไก่ - วันทนีย์ แม้แต่น้อย
คุณนายกิมเอ็ง - ดวงฤทัย จารุจินดา ปรากฏตัวขึ้นที่ สน.บุปผาราม พร้อมรถบีเอ็มฯคันหรู แทบทุกค่ำคืน หลังจอดเทียบยังลานจอดรถหน้าโรงพักเรียบร้อยจะเดินนวยนาดขึ้นไป พบนักเรียนนายร้อยฯฝึกงานที่คบหาดูใจกัน แน่นอนว่าย่อมตกเป็นเป้าสายตาทุกคู่ทั้งบรรดาตำรวจน้อยใหญ่ รวมไปถึงนักข่าวตระเวนฝั่งธนบุรี ที่แวะเวียนไปหาข่าวกันเป็นประจำ
“กิมเอ็ง”เป็นหญิงรูปร่างอวบ ผิวขาว หากเน้นเสื้อผ้าหน้าผม ผสมกับแสงยามค่ำคืนต้องจัดว่าเตะตาน่ามองคนหนึ่ง แถมด้วยความหะหรูหะหราก็ยิ่งเพิ่มเสน่ห์เป็นเท่าทวีคูณ....กิมเอ็ง วนเข้าวนออกอยู่ไม่ถึงครึ่งปีก็ขนข้าวของย้ายมาอยู่หลังสถานีตำรวจบุปผาราม ในฐานะภริยานักเรียนฝึกงานซึ่งระหว่างนั้นได้บรรจุรับราชการเต็มตัวแล้ว
วันหนึ่งเกิดมีเรื่องซุบซิบจากประชาชนชาวแฟลตตำรวจถึงพฤติกรรมพิลึกพิลั่นของคุณนายตุ่ม กล่าวคือบางวันก็จะให้ตำรวจทั้งโรงพักเข้าแถวแจกเงินกันอย่างทั่วถึง บางวันมีพิธีเข้าเจ้าเข้าทรงมีลุกศิษย์ลูกหาเข้าออกมากหน้าหลายตาจนดังเข้าหูผู้บังคับบัญชา และแจกใบเหลืองห้ามมิให้ใช้ห้องพักข้าราชการตำรวจประกอบพิธีเข้าทรงลงเจ้าอีกต่อไป
ปลายปี 2529 เกิดกระแสว่ามีคุณหญิงกำมะลอ นางหนึ่งประดับการด้วยเครื่องราชชั้นประถมมาภรณ์มงกุฎไทย เข้าไปร่วมงานราตรีสโมสรสันติบาตรทำเนียบรัฐบาลนักข่าวการเมืองทราบเรื่องจึงค่อยๆขุดคุ้นอันเป็นที่มาของการพาดหัวข่าว “แฉแก๊งปลอมหลักฐานต้มเปรมขอเครื่องราชฯ”
กลายเป็นข่าวประวัติศาสตร์จบลงด้วยการดำเนินคดีคุณนายกิมเอ็งกับข้าราชการระดับสูงหลายคนรวมทั้งที่มีฆ่าตัวตายหนีความผิดส่วนอดีตเจ้าคุณอุดม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพศิริทราวาส ต้องสึกด้วยน้ำตานองหน้า หาไม่เขาจะจับอาตมาติดคุกทั้งผ้าเหลือง....
เรียกว่าแม้คนอ่านข่าวยังกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ตาพากันสลดหดหู่ทั้งประเทศเนื่องจาก ทราบดีว่าเจ้าคุณอุดมถูกขบวนการทุจริตเครื่องราชฯต้มจนเปื่อย จากยอดบริจาค 500 บาทเติม 0 เข้าไปเป็นหลักแสนหลักล้านตามอำเภอใจ ในจำนวนเครื่องราชฯที่คุณนายกิมเอ็ง กับพวกออกให้มั่วนั้นมากถึง 750 ราย มียอดบริจาคราว 1.4 พันล้านบาท
เป็นคดีความสู้กันยืดเยื้อถึง 25 ปีจำเลยเสียชีวิตระหว่างดำเนินคดี 9 ผู้พิพากษา 1 ทนายอีก 4 ที่สุดศาลฎีกายกฟ้องผู้ต้องหาทุกคนส่วนนางกิมเอ็ง หนีบ่วงกรรมไม่พ้นเพราะได้คุณนายไก่ - วันทนีย์ มาเป็นพยานซัดทอด คิดคุก 6 เดือน
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ไม่มีเงาของคุณนายกิมเอ็ง ให้เห็นแม้เพียงแว่บเดียวโดยคนที่สนิทชอบพอกันบอกเล่าให้ทราบว่าวันนี้กิมเอ็ง มีครอบครัวใหม่ไปแล้วและยังมีชีวิตอยู่ส่วนผู้หมวดหนุ่มที่คบหาดูใจคุณนายตุ่ม ตั้งแต่เป็นนักเรียนฝึกงานมีตำแหน่งระดับ รอง ผบก.อยู่จังหวัดท่องเที่ยวทางภาคใต้
กิมเอ็ง เก็บเนื้อเก็บตัวไม่ออกสังคมอีกต่อไป ต่างกับคุณนายไก่-วันทนีย์ ที่ยังคงโลดแล่น !!??
ปี 2534 ตกเป็นข่าวซุบซิบมีคนเห็นติดสอยห้อยตามเสี่ยเจ้าพ่อคนดังแห่งภาคอีสานแต่พอปี 2535 กลับมาโผล่ที่จังหวัดพิษณุโลก ใช้มุกเก่าของกิมเอ็งคือโปรยเงินไปทุกที่ สร้างชื่อเสียง-ความจดจำของนักข่าวท้องถิ่น และข้าราชการตำรวจน้อยใหญ่ของเมืองสองแคว
บทแม่พระที่คุณนายไก่-วันทีย์ ตีจนกระจุยนั้น นสพ.ท้องถิ่นฉบับหนึ่งถึงกบละเมอพาดหัวข่าวแม่เทพธาดามาโปรด....กระทั่งเกิดนิยายรักประทับจิตระหว่างคุณนายไก่ - วันทนีย์กับ ร.ต.ท.ชิดชัย แสงอรุณ ผู้หมวดหนุ่มรูปหล่อ นรต. 39 และตกล่องปล่องชิ้นแจกการ์ดแต่งงานโรงแรมเซ็นทรัล ลาดพร้าว ออกการ์ดเชิญสักขีพยานราว 300 คนโดยมี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และคุณหญิงหลุยส์ เป็นประธานฯ
กลับมาปี 2535 คิดถึงเพื่อนเก่านักข่าวรุ่นเดอะที่อาศัยไหว้วานกัน....สิบปีให้หลังจากนักข่าวตระเวนขยับมาเป็นรีไรท์ตอร์คอยเขียนข่าว สั่งงานและดูเหมือนว่ามีความบังเอิญอีกครั้งที่หยิบข่าวดังวิวาห์คุณนายไก่ จึงหยิบฉวยทุกประเด็นให้เป็นที่สนใจ...คุณนายไก่ ว่าไงก็ว่ากัน บอกว่าจะฝังแหวนเพชรในขนมเค้ก จะแจกแหวนทองแขกเหรื่อคนละ 2 สลึง นักข่าวรุ่นเดอะเอาไปพาดหัวใหญ่โตจนวันแต่งจริงมีแขกเหรื่อทั้งที่ได้ และไม่ได้การ์ดเชิญแห่ไปร่วมงานนับพัน เดือดร้อนทางโรงแรมทั้งจัดหาที่จอดรถ และรับมือบรรดาผู้ที่มาร่วมงานแต่ไม่ปรากฏว่าไม่มีการแจกทอง ส่วนแหวนเพชรบุคคลที่โชคดีก็คนที่เตี๊ยมกันไว้แต่แรก
หลังวันงานเกิดข่าวช็อกในแวดวงนักข่าวรุ่นเดอะเมื่อเพื่อนร่วมอาชีพถูกต้นสังกัดยื่นซองขาวให้ออกโดยตั้งข้อหาว่าร่วมรู้เห็นเป็นใจกับเจ้าสาวสุดแสบ ทั้งที่ความจริงในอีกสถานะหนึ่งก็คือคนที่รู้จักกันมานานนับสิบปี แต่ที่สุดแล้วอนาคตที่สดใสรอความเจริญเติบโตอยู่ข้างหน้าต้องดับวูบไป วันนี้ที่เกิดชะตากรรมกับคุณนายไก่-วันทนีย์ จึงเสมือนมีเทวดามาช่วยถอนเสี้ยนที่ตำหัวใจเขามากว่า 20 ปีเช่นกัน
เมื่อครั้งที่เธอแต่งงานกับ ร.ต.อ.ชิดชัย แสงอรุณ เซกชั่นปริทรรศน์ของ “ผู้จัดการรายสัปดาห์” ฉบับวันที่ 20-25 เมษายน 2535 ได้รายงานข้อมูลของคุณนายไก่เอาไว้ว่า ....
“
ชื่อของหญิงไก่โด่งดังในหน้าหนังสือพิมพ์สมัยนั้น ก็เพราะเธอมีชื่อเสียงจากการแจกเงิน เธอจะแจกเงินเป็นกระสอบ โดยเริ่มแจกตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป จนถึงเลข 6 หลัก ครั้งหนึ่งเธอไปร้านขายมอเตอร์ไซค์ในตัวเมืองพิษณุโลก แล้วซื้อมอเตอร์ไซค์มา 4 คัน เตรียมแจกคนแถวนั้น เพียงแค่ตอบคำถามว่า “รู้จักฉันมั้ย” ถ้าตอบโดนใจเธอ ก็เอามอเตอร์ไซค์ไปขี่เลย
“ที่น่าสนใจคือ หญิงไก่มีความสนิทสนมกับ “เสี่ยเล้ง” เจ้าพ่อคนดังแห่งภาคอีสานโดยทุกครั้งที่เสี่ยเล้งไปต่างประเทศ ก็จะพาเธอไปด้วยเสมอ เพราะเธอมีญาณวิเศษ ที่มองเห็นตัวเลข จึงทำให้เสี่ยเล้งมีโชค”
บาปกรรมมาช้าแต่มาแน่ถ้ายังไม่หยุดทำร้ายคนอื่น....ปี 2553 -2558 คุณนายไก่-วันทนีย์ ขึ้นโรงพักประชาชื่น เป็นว่าเล่น มีคดีแจ้งจับลุกน้องตัวเองในข้อหาลักทรัพย์นายจ้างมากถึง 9 คดี แต่ที่ “ฝีแตก” กลายเป็นเรื่อง “กรรมติดจรวด” ก็คือกรณี น.ส.ประภาวรรณ ใจกล้า หรือน้องก้อย นิสิตคณะวิศวกรรมมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง กับนางประภาพร ทองเฟื้อง นายชูเกียรติ ใจกล้า บิดา-มารดา เมื่อเกิดพิรุธและเรื่องราวไปเข้าหูผู้สื่อข่าว
การขุดคุ้ยร่วมกันของสังคมรวมทั้งทนายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ กลายเป็นคดีดังที่มีนักสืบทั่วทุกสารทิศส่งข่าวสารข้อมูลต่างๆ มาให้อย่างล้นทะลักจนสามารถดำเนินคดีอื่นๆได้อีกนอกจากแจ้งความเท็จเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา นั่นคือคดีค้ามนุษย์และความผิดตามมาตรา 112
ที่สำคัญคือมีข้อมูลด้วยว่า คุณนายไก่นั้น มีความสัมพันธ์กับนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันฯ มาตรา 112 ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้
เป็นการปิดประตูกรรมไม่ให้คุณนายไก่-วันทนีย์ ไปสร้างกับใครอีก และเชื่อว่าอีกไม่นานผู้ร่วมขบวนการ หรือคดีอื่นๆ ที่มีความร้ายแรงกว่าจะต้องปรากฏเพื่อให้คุณหญิงบ่าวตั้ง ชดใช้จนถึงที่สุดอย่างแน่นอน