xs
xsm
sm
md
lg

ยูเครนโร่พบบิ๊กป้อมยันพร้อมส่งรถถัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน360-ทูตยูเครนโร่พบ "บิ๊กป้อม" หลังไทยแบะท่าซื้อรถถังจีน ยันพร้อมส่งรถถัง ที-84 Oplotให้ไทยได้ทันเดือนมี.ค.60 ตามสัญญา หลังเหตุสู้รบในประเทศลดลง พร้อมยาหอมเสนอตั้งโรงงานผลิต-ซ่อม ยานเกราะล้อยางร่วมกับไทย ด้านเพื่อไทย โดดขวางรัฐบาล คสช. ซื้อเรือดำน้ำ ชี้ไม่มีคุ้มค่าด้านงบประมาณ แถมบ้านเมืองยังไม่เป็นประชาธิปไตย ทำให้ไม่มั่นใจในความโปร่งใส

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (6 ก.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม นายอันดรีย์ เบชตา เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งยูเครนประจำประเทศไทย ได้เข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อหารือถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

พล.อ.ประวิตร ได้ตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวก่อนการหารือว่า จะมีการคุยกันถึงเรื่องที่ยูเครน ยังส่งมอบรถถัง ที-84 Oplot ให้กองทัพบกไทยยังไม่ครบตามจำนวน โดยคิดว่าการที่ยูเครนยังส่งรถถังที่เหลือให้ไทยไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา ประเทศยูเครน ก็เกิดปัญหา เขาจึงต้องนำรถถังที่ผลิตเองไปใช้งานก่อน ตนเชื่อว่าจะส่งมาให้ไทยได้ต้องใช้ระยะเวลาอีกสักพัก ซึ่งตนจะสอบถาม นายอันดรีย์ เบชตา ในเรื่องนี้

เมื่อถามว่า การที่ไทยจัดซื้อรถถังจากจีนเพิ่มเติม มีสาเหตุสำคัญมาจากการที่ยูเครนส่งมอบรถถัง ที-84 Oplot ให้ไทยล่าช้า ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของกองทัพบกที่ต้องการให้เกิดความรวดเร็ว และทาง พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. ก็ได้เดินทางไปดูรถถังที่จีนด้วยตนเอง ก็คงเห็นว่ามีสมรรถนะเหมาะสมกับประเทศไทย

เมื่อถามว่า ต่อไปไทยอาจจะไม่ซื้อยุทโธปกรณ์จากยูเครนแล้ว หากสถานการณ์ประเทศเขาไม่มั่นคง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องอนาคต เพราะต้องหารือกันก่อนว่าจะดำเนินการได้แค่ไหน ส่วนเรื่องการปรับเงินยูเครน ไม่ทราบรายละเอียด เรื่องนี้ กองทัพบกเป็นผู้ดูแล แต่คิดว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามระเบียบสัญญาที่ได้ลงนามไว้

พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการหารือว่า ยูเครนได้รายงานให้ทราบถึงสถานการณ์ความไม่มั่นคงของประเทศยูเครนในช่วงที่ผ่านมา จึงเป็นเหตุให้ไม่สามารถดำเนินอุตสาหกรรมป้องกันประเทศได้ตามกำหนดที่ทำความตกลงกับนานาประเทศ รวมทั้งประเทศไทย แต่ปัจจุบันสถานการณ์ความรุนแรงภายในประเทศลดลง ส่งผลให้ยูเครน สามารถเริ่มดำเนินอุตสาหกรรมป้องกันประเทศต่อได้แล้ว โดยพร้อมจะทำการผลิตและส่งมอบยุทโธปกรณ์ ประเภทรถถัง ตามที่ได้ลงนามความตกลงกับกองทัพบกภายในเดือนมี.ค.2560

ขณะเดียวกัน ได้แสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนการขยายความเป็นหุ้นส่วนด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศกับไทย ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีทางทหาร รวมทั้งแนวคิดการจัดตั้งโรงงานผลิต และซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์ประเภทยานเกราะร่วมกับไทยในอนาคตด้วย

ด้าน ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต ทีมโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนโครงการซื้อเรือดำน้ำ เนื่องจากไม่คุ้มค่าด้านงบประมาณ ไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ความมั่นคงในโลกสมัยใหม่ และยังไม่สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว เพราะนอกจากรัฐบาลจะต้องจ่ายค่าเรือดำน้ำ 36,000 ล้านบาทแล้ว ยังต้องเตรียมงบประมาณในการบำรุงรักษา การฝึก ซึ่งจะเป็นภาระหนี้สินที่ประชาชนต้องแบกรับไปอีก 20-30 ปี อีกทั้งขณะนี้ ประเทศไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตย กลไกตรวจสอบทำได้ไม่ดี จึงควรปล่อยให้รัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้พิจารณาดีกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น