โฆษก ทบ.เผยขอเวลาตรวจสอบหลังศาลอังกฤษยึดทรัพย์ผู้ผลิตจีที 200 แจงสอบแล้วคลิปชายทำร้ายผู้หญิงบนรถเมล์ไม่ใช่ทหาร ขอให้ตรวจสอบก่อนเผยแพร่ รับข้อมูลที่เชื่อถือได้ เผยการโจมตีเว็บ ทบ.ไม่กระทบ เตรียมเอาผิด จับมือทุกภาคส่วนเร่งซ่อมสร้างบ้านผู้ยากไร้ ถวายเป็นพระราชกุศล กอ.รมน.ยันไม่มี นศ.มุสลิมได้ทุนเรียน ตปท. คิดแบ่งแยกดินแดน ย้อนถามเลขาฯ สมช.ที่ให้ข่าว
วันนี้ (17 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่ศาลอังกฤษพิพากษายึดทรัพย์ผู้ผลิตเครื่องตรวจจับระเบิดปลอมรุ่นจีที 200 ว่า เท่าที่ติดตามทราบว่าศาลอังกฤษเพิ่งจะตัดสินพิพากษาคดีดังกล่าว ในส่วนของกองทัพบกไทยขอเวลาอีกระยะหนึ่ง เพราะมีหลายหน่วยราชการจัดหาเครื่องมือดังกล่าวเข้ามาใช้ ซึ่งต้องใช้เวลาหารือและตรวจสอบรายละเอียด
เมื่อถามย้ำว่าในฐานะที่กองทัพบกของไทยถือว่าเป็นผู้จัดซื้อรายใหญ่จะดำเนินการฟ้องร้องเอาผิดผู้ผลิตหรือไม่ พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ตนขอหารายละเอียดเพิ่มเติมว่าแนวทางการปฏิบัติในกรณีดังกล่าวเป็นอย่างไร
พ.อ.วินธัยกล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปชายแต่งกายคล้ายทหารใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงบนรถโดยสารประจำทางในโซเชียลมีเดียว่า ภาพที่ปรากฏเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม จากการตรวจสอบพบว่าชายคนดังกล่าวไม่ใช่ทหาร แต่เป็นพลเรือนที่เคยเป็นพลทหารแต่ได้ปลดประจำการเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ส่วนสาเหตุพบว่าเป็นเรื่องความขัดแย้งภายในครอบครัวกับแฟนสาวที่เป็นข้าราชการสังกัดกองทัพบก โดยทางต้นสังกัดได้เข้าไปช่วยเหลือดูแลและดำเนินการให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป อย่างไรก็ตาม หากใครพบเห็นเรื่องการประพฤติหรือการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมของกำลังพลทหารขอให้แจ้งรายละเอียดมาที่กองทัพบกเพื่อตรวจสอบและดำเนินการตามวินัยต่อไป
ด้าน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า บางครั้งเหตุการณ์ในคลิปที่มีการเผยแพร่ทางโซเชียลจะมีบุคคลแต่งกายคล้ายกับชุดของทหารหรืออ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ตนอยากให้สังคมหรือผู้ที่จะเผยแพร่ได้ตรวจสอบก่อนว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ และมีอำนาจหน้าที่ในเรื่องดังกล่าวจริงหรือไม่ ก่อนที่จะเผยแพร่คลิปออกไป รวมถึงการแชร์คลิปต่างๆ เพราะจะส่งผลกระทบต่อหลายด้าน ขอให้ทุกคนได้ระมัดระวัง ส่วนกรณีที่ยังมีคนนำคลิปชายแต่งกายคล้ายทหารทำร้ายผู้หญิงไปบิดเบือนต่อก็ขอให้ระมัดระวังและใช้ดุลพินิจ เพราะจะสร้างความเสียหายให้กับหน่วยงานและองค์กร อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังมีการบิดเบือน มีข่าวลือ หรือการเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆจากบุคคลที่ไม่หวังดี ทำให้เกิดความสับสนและสังคมเกิดความตื่นตระหนก ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย ดังนั้นขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เพื่อรับข้อมูลที่ถูกต้อง และเลือกรับข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานราชการและสื่อหลักที่เชื่อถือได้
พ.อ.วินธัยกล่าวถึงกรณีมีการโจมตีเว็บไซต์ของกรมการเงินและอีมามีของกองทัพบกว่า การดำเนินการป้องกันด้านเทคโนโลยีมีระบบอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องดังกล่าวเกิดจากผู้ที่ไม่หวังดีพยายามดำเนินการโจมตีฐานข้อมูลของภาครัฐ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือเข้าไปใช้จนทำให้เกิดความหนาแน่นจนระบบล่ม และเข้าไปเจาะลึกฐานข้อมูลซึ่งไม่ใช่ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ทั้งสองกรณีไม่ส่งผลกระทบต่อกองทัพบก เพราะมีระบบป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อยู่แล้ว ขณะนี้นายทหารพระธรรมนูญเตรียมดำเนินการฟ้องร้องเอาผิดกับกลุ่มดังกล่าว เพราะมีข้อมูลของผู้ไม่หวังดี ซึ่งการดำเนินการต้องมีขั้นตอนและวิธีการทางกฎหมายด้วย เชื่อว่าทางภาครัฐและหน่วยงานเอกชนทั่วไปดำเนินการกับผู้ที่ไม่หวังดี ต้องการทำให้เกิดความเสียหายกับหน่วยราชการ
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ตามที่กองทัพบกได้จัดทำโครงการ “ซ่อมบ้านทั่วไทย เทิดไท้ปีมหามงคล” ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสมหามงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี และโอกาสมหามงคลสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ ส.ค. ๒๕๕๙ โดยดำเนินการตามแนวพระราชปณิธานที่ได้พระราชทานไว้ให้ทุกหน่วยงานช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน ยกระดับคุณภาพชีวิต และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ประชาชน ทั้งนี้ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มุ่งหวังให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์และประชาชนในทุกภูมิภาคทั่วประเทศได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ จึงได้มอบหมายให้กองทัพภาคที่ 1-4 ใช้ศักยภาพในด้านกำลังพลและเครื่องมือช่างร่วมกับทุกภาคส่วนเข้าดำเนินการในพื้นที่รับผิดชอบ โดยแบ่งการทำงานเป็น 4 ขั้น คือ ขั้นการสำรวจบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน, การเข้าซ่อมแซมและปรับปรุง, การส่งมอบบ้านให้กับประชาชน และการติดตามประเมินผล อย่างไรก็ตามตั้งแต่ ม.ค.-พ.ค. 59 กองทัพบกร่วมกับส่วนราชการและภาคประชาชนเข้าช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนเรื่องที่พักอาศัยตามโครงการดังกล่าวแล้ว จำนวน 1,349 หลัง เป็นการซ่อมแซมและปรับปรุงบ้านจำนวน 1,157 หลัง และเป็นการปลูกบ้านหลังใหม่ 192 หลัง อีกทั้งในขณะนี้ยังคงเดินหน้าเข้าสำรวจบ้านเรือนประชาชนผู้ยากไร้ต่อเนื่อง เพื่อเข้าให้การช่วยเหลือต่อไป
ด้าน พ.อ.พีรวัชฌ์ แสงทอง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ระบุว่าจากการติดตามความเคลื่อนไหวของนักศึกษาไทยมุสลิม ประมาณ 4,000-5,000 คนที่ได้รับทุนจากต่างประเทศและใช้ทุนส่วนตัวเดินทางไปศึกษาต่อในหลายประเทศ พบว่ามีบางกลุ่มมีพฤติกรรมการที่จะมุ่งไปสู่แนวคิดการปกครองตนเองในจังหวัดชายชายแดนภาคใต้ และบางคนคิดไปถึงการแบ่งแยกดินแดนว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันยืนยันว่านักศึกษาไทยมุสลิมที่เดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศไม่มีพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้เป็นเพียงแค่แนวคิดของคนบางกลุ่มที่พูดออกมาเท่านั้น แต่พฤติกรรมต่างๆ จากที่ติดตามด้านการข่าวไม่มีการกระทำเช่นนั้น เรื่องความคิดใครก็สามารถคิดได้ แต่จากข้อมูลที่หน่วยงานความมั่นคงและ กอ.รมน.ตรวจสอบยังไม่พบพฤติกรรมการแบ่งแยกดินแดน ส่วนจะทำความเข้าใจกับนักศึกษาเหล่านั้นอย่างไรหรือไม่นั้น ตนคิดว่าทางรัฐให้สิทธิด้านการศึกษากับนักศึกษาในการเดินทางไปศึกษาหาความรู้ แต่การกระทำต่างๆ ที่เป็นการกระทำต่อสังคมและความมั่นคง ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและกติกาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม มีแนวคิดที่จะนำบุคลากรต่างๆที่ได้รับความรู้มาจากต่างประเทศมาร่วมกันพัฒนาประเทศและชุมชม ซึ่งขณะนี้ยังเป็นแนวคิด โดยจะดำเนินการให้เป็นรูปธรรมต่อไป
เมื่อถามต่อว่าการที่พล.อ.ทวีป ออกมาระบุแบบนี้จะทำให้กลุ่มนักศึกษาดังกล่าวไม่พอใจได้หรือไม่ พ.อ.พีรวัชฌ์กล่าวว่า ต้องถามพล.อ.ทวีป แต่ในส่วนมุมมองของ กอ.รมน. กลุ่มนักศึกษาที่เดินทางไปต่างประเทศจากข้อมูลไม่มีพฤติกรรมแบบนั้น ที่ผ่านมาประเทศมุสลิมมีทุนการศึกษาให้ชาวมุสลิมทั่วโลก และชาวไทยมุสลิมมีหลายคนที่ได้รับทุนไปศึกษาต่างประเทศ เช่น อียิปต์ จอร์แดน ซีเรีย อินโดนีเซีย อิรัก อิหร่าน ซึ่งเป็นเรื่องของประเทศมุสลิม ที่ให้ทุนมานานแล้วและคนเหล่านั้นก็กลับมาทำงานในประเทศ ทั้งรับราชการและทำกิจส่วนตัว ส่วนแนวคิดแบ่งแยกดินแดนนี้เป็นของใครก็ไม่ทราบ แต่จากการข่าวแล้วยืนยันไม่มีพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความไม่มั่นคงต่อประเทศ