xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

รวบ “บรรยิน” ฆ่า “เสี่ยชูวงษ์” สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอดีต สส.นครสวรรค์
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -หลังจากข่าวคราวเงียบหายจนชวนให้สงสัยว่ามีการเป่าคดีกันเสียแล้ว เพราะผู้ต้องหาเป็นถึงนักการเมืองใหญ่ระดับอดีตรัฐมนตรี ทว่าในที่สุด เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา กองปราบปรามก็บุกรวบตัว พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอดีต สส.นครสวรรค์ ตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ในข้อหาฆ่า “เสี่ยจืด” นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน โดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน พร้อมกับฝากขังครั้งแรก 12 วัน จากวันที่ 29 มิถุนายน ถึงวันที่ 10 กรกฎาคม 2559 ขณะที่เจ้าตัวโอดโอยคร่ำครวญว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเสียยกใหญ่

ต้องบอกว่าคดีนี้อยู่ในความสนใจของสังคมและเฝ้ารอคอยดูฝีมือของตำรวจว่าจะแกะรอยคดีที่เสี่ยชูวงษ์เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ที่ พ.ต.ท.บรรยิน เป็นผู้ขับ โดยเสี่ยชูวงษ์เป็นผู้โดยสาร พุ่งชนต้นไม้จนเป็นเหตุให้เสี่ยชูวงษ์เสียชีวิตตามที่ พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวอ้างอย่างมีเงื่อนงำให้เป็นที่กระจ่างแจ้งได้หรือไม่ โดยตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ครอบครัวของเสี่ยชูวงษ์ที่เชื่อว่าการตายของนายชูวงษ์ไม่ได้มาจากอุบัติเหตุแต่ถูกฆาตกรรม ได้เข้าร้องเรียนหน่วยงานต่างๆ มากมายหลายแห่งให้เข้ามาช่วยไขคดี จนกระทั่งกองปราบได้ขอศาลจังหวัดพระโขนงออกหมายจับ พ.ต.ท.บรรยิน ในที่สุด

ปฏิบัติการรวบอดีตนักการเมืองดังผู้ต้องหาฆ่าเพื่อนรักคราวนี้ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.รัฐภูมิ กุสุมาลย์ รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.มนูญ แก้วก่ำ พ.ต.ต.กิติเมศร์ โชติปิติเจริญรัฐ สว.กก.1บก.ป. นำกำลังพร้อมหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ จ.401/59 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2559 เข้าจับกุมตัว พ.ต.ท.บรรยิน เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2559 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์ อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาความผิดอื่นที่ได้กระทำไว้ โดยจับกุมได้ที่ ทาวน์ สแควร์ สวีทรีสอร์ท เขาใหญ่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ขณะที่พักอยู่กับ นางสาวอุรชา วชิรกุลฑล หรือ “ป้อนข้าว”

สีหน้าของ พ.ต.ท.บรรยิน ในวันถูกรวบตัวนั้นยังคงเรียบเฉยไม่สะทกสะท้าน โดยบอกกับผู้สื่อข่าวขณะที่ถูกคุมตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมยังกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพียงสั้นๆ ว่า “ไม่เครียด ไปตีกอล์ฟกับเพื่อน และขอปฏิเสธข้อกล่าวหา” และภายหลังจากสอบสวนเสร็จ พ.ต.ท.บรรยิน มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และบอกกับนักข่าวด้วยว่า “เคลียร์แล้ว”

แต่วันรุ่งขึ้น (29 มิถุนายน) เมื่อพนักงานสอบสวนกองปราบปรามและหน่วยคอมมานโด นำตัว พ.ต.ท.บรรยิน ไปที่ศาลจังหวัดพระโขนง เพื่อขออำนาจศาลฝากขัง พ.ต.ท.บรรยิน ก็เล่นบทคร่ำครวญว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม มีขบวนการที่ต้องการดิสเครดิตและต้องการทำให้เห็นว่าตนเองใช้อิทธิพลไปข่มขู่และพยายามที่ จะ หลบหนี อีกทั้งยังแก้ต่างว่าไปตีกอล์ฟกับกลุ่มเพื่อนๆ ประมาณ 10 คน ไม่ใช่มีแต่นางสาวอุรชาเท่านั้น สำหรับนางสาวอุรชานั้นรู้จักกันมานานแล้ว และตอนนี้เหมือนกับลงเรือลำเดียวกัน เป็นผู้ต้องหาเหมือนกัน แต่ยืนยันไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกัน

ขณะที่ พ.ต.ท.บรรยิน ยืนยันว่าตนเองบริสุทธิ์ผุดผ่อง ทางฝ่ายกองปราบก็มีความมั่นอกมั่นใจในการทำสำนวนคดีว่ามีหลักฐานชัดเจนที่เชื่อว่าคดีที่เกิดขึ้นเป็นการฆาตกรรม โดยมีหลักฐานทางวิชาการและความเห็นของแพทย์ ที่บ่งชี้ว่าสภาพศพการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ไม่ได้เป็นอุบัติเหตุ แต่เป็นการเสียชีวิตจากการที่โดนของแข็งกระแทก และหลักฐานอีกหลายๆ อย่าง เช่น กล้องวงจรปิด

พฤติการณ์ที่พ.ต.ท.บรรยิน ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาฆ่า “เสี่ยชูวงษ์” โดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อนนั้น ปรากฏอยู่ในคำร้องฝากขัง พ.ต.ท.บรรยิน ต่อศาลจังหวัดพระโขนง โดยสรุปความได้ว่า ผู้ต้องหาเป็นเพื่อนสนิทสนมกับผู้ตาย และลงทุนทำธุรกิจที่ดินด้วยกัน โดยผู้ตาย มีฐานะทางการเงินดี มีหุ้นในบริษัทจำนวนมาก จึงได้สมคบคิดกับ นางสาวอุรชา วชิรกุลฑล เจ้าหน้าที่การตลาดบริษัทหลักทรัพย์ที่ผู้ตายมีหุ้นอยู่ และพวก ปลอมเอกสารใบโอนหุ้นของผู้ตาย โดยผู้ต้องหาอ้างตัวเองกับพนักงานฝ่ายจัดการหลักทรัพย์ว่าเป็นนายชูวงษ์ ยืนยันการโอนหุ้น กระทั่งหลงเชื่อในกลอุบายแล้ว วันที่ 8 มิถุนายน 2558 จึงมีการโอนหุ้น 3 ตัวไปให้ นางสาวอุรชา มูลค่า 35,050,000 บาท

หลังจากนั้น มีการโอนหุ้นให้นางสาวศรีธรา พรหมา มารดาของนางสาวอุรชา ต่อมาวันที่ 22 มิถุนายน 2558 และยังมีการโอนหุ้นของนายชูวงษ์อีก 1 ตัวให้ นางสาวกัญฐณา หรือน้ำตาล ศิวาธนาพล จำนวน 9,500,000 หุ้น มูลค่า 228 ล้านบาท

คดีการโอนหุ้นดังกล่าว หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา, นางสาวอุรชา , นางสาวศรีธรา และ นางสาวกัญฐณา ฐานร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม, ร่วมกันลักทรัพย์ หรือรับของโจร ซึ่งพนักงานสอบสวน มีความเห็นสั่งฟ้องคดีดังกล่าว ขณะนี้สำนวนอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ

ในคำร้องยังระบุว่า ผู้ต้องหารู้ดีว่าช่วงสิ้นเดือน มิถุนายน 2558 บริษัทหลักทรัพย์จะต้องรายงานการโอนหุ้นให้นายชูวงษ์ ทราบตามระเบียบ ผู้ต้องหาจึงวางแผนเอานายชูวงษ์ไปฆ่าเพื่อไม่ให้ล่วงรู้การกระทำของตนและเพื่อเอาหุ้นไป ซึ่งวันเกิดเหตุ ผู้ต้องหาออกอุบายขับรถไปหานายชูวงษ์ที่บริษัท และรับไปสนามกอล์ฟ ย่านบางนา

หลังจากตีกอล์ฟและกินอาหาร ผู้ต้องหาวางแผนจะออกจากสถานที่เป็นคนสุดท้าย ซึ่งรับนายชูวงษ์นั่งโดยสารออกจากสนามกอล์ฟไปด้วยแล้วหยุดรถพบกับพรรคพวกที่นัดหมายไว้ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นใครแล้วก่อเหตุฆาตกรรมตามแผนที่วางไว้โดยทำร้ายที่หน้าและศีรษะ จนมีบาดแผลหลายแห่ง กระดูกคอหัก และบาดเจ็บที่ศีรษะด้านซ้ายอย่างรุนแรง ทำให้นายชูวงษ์ ถึงแก่ความตาย ก่อนจะนำศพของนายชูวงษ์ ไปนั่งที่เบาะด้านหน้าซ้ายในรถคันเกิดเหตุโดยไม่คาดเข็มขัดนิรภัย

จากนั้น ผู้ต้องหาขับรถตันเกิดเหตุไปตามเส้นทางที่วางไว้ที่ ถ.บางนาตราด แล้วเข้ามาทาง ถ.กาญจนาภิเษก เลี้ยวเข้า ถ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 มุ่งหน้ามาทาง สวนหลวง ร.9 ทิศทางมุ่งหน้าไปยังบ้านพักนายชูวงษ์ เพื่อไม่ให้เป็นพิรุธ เมื่อถึงที่เกิดเหตุผู้ต้องหาได้ขับรถโดยเจตนาพุ่งเข้าชนต้นยูคาลิปตัส ห่างจากขอบทาง 43 เมตร สร้างสถานการณ์ว่าเป็นอุบัติเหตุรถชนต้นไม้ เพื่ออำพรางคดีว่านายชูวงษ์ เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ เหตุเกิดที่ ริม ถ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ระหว่างซอย 48 กับซอย 50 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม.

ในคำร้องข้างต้นนั้นชัดเจนว่า การวางแผนฆ่านายชูวงษ์คราวนี้ ไม่ได้มีแต่ พ.ต.ท.บรรยิน ที่ลงมือ แต่มี “ทีมเพชฌฆาต” ซึ่งระบุจำนวนไม่ได้รวมอยู่ด้วย ซึ่งเป็นประเด็นที่ตำรวจจะต้องสืบสาวต่อไป

คดีนี้ พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการให้ประกันตัวด้วยเนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต หากได้รับการปล่อยชั่วคราวแล้วเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี และไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน รวมทั้งก่อเหตุร้ายประการอื่น และการกระทำของผู้ต้องหา เกี่ยวกับการปลอมใบโอนหุ้นและลักเอาหุ้นของนายชูวงษ์ ผู้ตายไป และวางแผนฆ่าผู้ตาย เป็นการกระทำผิดอาศัยความใกล้ชิดและผู้ตายไว้วางใจในฐานะเพื่อน โดยกระทำผิดด้วยความแยบยลสร้างพยานหลักฐานเท็จเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงในคดี อีกทั้งผู้ต้องหายังมีพฤติกรรมข่มขู่ผู้เสียหายและพยานที่เกี่ยวข้องด้วย แต่ทางศาลอนุญาตให้ประกันตัวด้วยวงเงิน 2 ล้านบาท

กระนั้นก็ดี คงต้องติดตามดูกันต่อไปว่า ทั้งคดีฆาตกรรมและคดีโอนหุ้น งานนี้ ขาใหญ่บรรยิน จะรอดหรือต้องนอนคุกกี่ปี ?


กำลังโหลดความคิดเห็น