ผู้จัดการรายวัน360 - ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์คดีฆ่า “เอกยุทธ อัญชันบุตร” ยืนคุกตลอดชีพ “บอล-สันติภาพ” คนขับรถ พร้อมคู่หู พร้อมแก้ข้อหาเป็นฆ่าโดยเจตนา เพื่อนร่วมแก๊งโดนถ้วนหน้า พ่อ-แม่ไม่รอดรับของโจรคุก 1ปี 4 เดือน หลังอ้างเงินจากเล่นพนันฟังไม่ขึ้น
วานนี้ (30 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ศาลอาญา นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีฆ่า นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง โดยมีพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1-6 ประกอบด้วยนายสันติภาพ หรือบอล เพ็งด้วง เป็นจำเลยที่ 1นายสุทธิพงศ์ หรือ เบิ้ม พิมพิสาร เป็นจำเลยที่ 2นายชวลิต หรือเชาว์ วุ่นชุม เป็นจำเลยที่ 3นายทิวากร หรือทิว เกื้อทอง เป็นจำเลยที่ 4จ.ส.อ. อิทธิพล เพ็งด้วง บิดานายสันติภาพ เป็นจำเลยที่ 5 และนางจิตอำไพ เพ็งด้วง มารดานายสันติภาพ เป็นจำเลยที่ 6 ในความผิดฐานร่วมกันซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายเพื่อปิดบังสาเหตุการตาย, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ใช้กำลังประทุษร้ายทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายและข่มขืนใจผู้อื่นให้จำยอมกระทำการใดฯ, หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพฯ, ร่วมกันปล้นทรัพย์, รับของโจร และพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรฯ รวมความผิด 8 ข้อหา
** ศาลชั้นต้นตัดสินคุกตลอดชีพ
โดยคดีนี้ อัยการโจทก์ได้ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2556 ระบุความผิดสรุปว่า ระหว่างวันที่ 6-9 มิ.ย.56 จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันมีอาวุธปืนพก พร้อมเครื่องกระสุนและอาวุธมีด ปล้นเอาทรัพย์สินของนายเอกยุทธ รวม 9 รายการ มูลค่า 6.6 ล้านบาท โดยใช้อาวุธทำร้ายและหน่วงเหนี่ยวกักขังบังคับให้นายเอกยุทธ ออกเช็คเบิกถอนเงิน แล้วใช้เชือกรัดคอจนนายเอกยุทธถึงแก่ความตาย ก่อนนำศพไปฝังไว้ในไร่นาสวนผสมทิ้งร้าง อ.เมือง จ.พัทลุง เพื่อปกปิดความผิดและมีจำเลยที่ 3-4 ช่วยขุดหลุมฝังศพ ส่วนจำเลยที่ 5-6 เป็นผู้เก็บเงินสดของผู้ตาย จำนวน 4,242,000 บาท ที่จำเลยที่ 1 นำไปฝากไว้ โดยจำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี
คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.57 เห็นว่า พวกจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง จึงพิพากษาว่า ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1-2 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่คำให้การชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์อยู่บ้างจึงลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต และให้จำคุกในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ อีกคนละ 18 ปี ทั้งยังมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันชดใช้เงิน จำนวน 1.9 ล้านบาท ให้กับทายาทของผู้เสียชีวิตด้วย ส่วนจำเลยที่ 3 มีความผิด ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ และร่วมกันซ่อนเร้นศพฯ ให้จำคุก 13 เดือน โดยให้รวมโทษที่รอการลงอาญาไว้ในคดีเดิมอีก 6 เดือนด้วย รวมจำคุก 19 เดือน จำเลยที่ 4 ให้จำคุก 8 เดือน ฐานร่วมกันซ่อนเร้นศพฯ ขณะที่จำเลยที่ 5-6 ให้ลงโทษฐานรับของโจร แต่จำเลยรับสารภาพ และช่วยติดตามนำเงินมาคืนจำนวน 4.4 ล้านบาท จึงพิพากษาให้จำคุก 1 ปี 4 เดือน
** ศาลอุทธรณ์แก้ข้อหาฆ่าโดยเจตนา
ต่อมา จำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลเห็นว่า แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานมาเบิกความถึงการกระทำผิดของพวกจำเลย แต่ก็มีพยานแวดล้อมเบิกความเป็นลำดับขั้นตอน โดยเฉพาะพี่เขยของจำเลยที่ 1 เบิกความว่าจำเลยที่ 1 กับผู้ชายอีก 1 คน มาถามหาสถานที่ฝังศพผู้ตายที่ จ.พัทลุง แม้จำเลยที่ 1-2 จะให้การแตกต่างกันว่าไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่าผู้ตายก็ตาม แต่การเสียชีวิตของนายเอกยุทธก็เกิดขึ้นจากการกระทำของจำเลยที่ 1-2 ซึ่งร่วมกันทำร้ายและฆ่าผู้ตายขณะที่นายเอกยุทธพยายามเปิดประตูรถตู้หลบหนี ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องกับคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาว่า จำเลยที่ 1-2 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และแก้เฉพาะบทกฎหมายว่า จำเลยที่ 1-2 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ไม่ใช่การฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยให้จำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 1-2 พร้อมชดใช้เงินแก่ทายาทผู้ตาย จำนวน 1.9 ล้านบาท จำคุกจำเลยที่ 3 เป็นเวลา 13 เดือน จำคุกจำเลยที่ 4 จำคุก 8 เดือน ฐานร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ ส่วนจำเลยที่ 5-6 ซึ่งยื่นอุทธรณ์อ้างว่า เงินของกลางที่นายสันติภาพนำมาฝากไว้เป็นเงินที่ได้จากการเล่นพนันนั้น ขัดต่อคำให้การในชั้นสอบสวน แม้จะมีพยานมาเบิกความสนับสนุน แต่ก็ไม่ได้ให้การต่อพนักงานสอบสวน เชื่อว่าเป็นการเบิกความเพื่อช่วยเหลือจำเลยที่ 5-6 ซึ่งน่าจะรู้ว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานรับของโจร อุทธรณ์ของจำเลยที่ 5-6 ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอ่านคำพิพากษาจำคุกคนละ 1 ปี 4 เดือนนั้นชอบแล้ว.
วานนี้ (30 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ศาลอาญา นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีฆ่า นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง โดยมีพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1-6 ประกอบด้วยนายสันติภาพ หรือบอล เพ็งด้วง เป็นจำเลยที่ 1นายสุทธิพงศ์ หรือ เบิ้ม พิมพิสาร เป็นจำเลยที่ 2นายชวลิต หรือเชาว์ วุ่นชุม เป็นจำเลยที่ 3นายทิวากร หรือทิว เกื้อทอง เป็นจำเลยที่ 4จ.ส.อ. อิทธิพล เพ็งด้วง บิดานายสันติภาพ เป็นจำเลยที่ 5 และนางจิตอำไพ เพ็งด้วง มารดานายสันติภาพ เป็นจำเลยที่ 6 ในความผิดฐานร่วมกันซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายเพื่อปิดบังสาเหตุการตาย, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ใช้กำลังประทุษร้ายทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายและข่มขืนใจผู้อื่นให้จำยอมกระทำการใดฯ, หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพฯ, ร่วมกันปล้นทรัพย์, รับของโจร และพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรฯ รวมความผิด 8 ข้อหา
** ศาลชั้นต้นตัดสินคุกตลอดชีพ
โดยคดีนี้ อัยการโจทก์ได้ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2556 ระบุความผิดสรุปว่า ระหว่างวันที่ 6-9 มิ.ย.56 จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันมีอาวุธปืนพก พร้อมเครื่องกระสุนและอาวุธมีด ปล้นเอาทรัพย์สินของนายเอกยุทธ รวม 9 รายการ มูลค่า 6.6 ล้านบาท โดยใช้อาวุธทำร้ายและหน่วงเหนี่ยวกักขังบังคับให้นายเอกยุทธ ออกเช็คเบิกถอนเงิน แล้วใช้เชือกรัดคอจนนายเอกยุทธถึงแก่ความตาย ก่อนนำศพไปฝังไว้ในไร่นาสวนผสมทิ้งร้าง อ.เมือง จ.พัทลุง เพื่อปกปิดความผิดและมีจำเลยที่ 3-4 ช่วยขุดหลุมฝังศพ ส่วนจำเลยที่ 5-6 เป็นผู้เก็บเงินสดของผู้ตาย จำนวน 4,242,000 บาท ที่จำเลยที่ 1 นำไปฝากไว้ โดยจำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี
คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.57 เห็นว่า พวกจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง จึงพิพากษาว่า ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1-2 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่คำให้การชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์อยู่บ้างจึงลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต และให้จำคุกในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ อีกคนละ 18 ปี ทั้งยังมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันชดใช้เงิน จำนวน 1.9 ล้านบาท ให้กับทายาทของผู้เสียชีวิตด้วย ส่วนจำเลยที่ 3 มีความผิด ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ และร่วมกันซ่อนเร้นศพฯ ให้จำคุก 13 เดือน โดยให้รวมโทษที่รอการลงอาญาไว้ในคดีเดิมอีก 6 เดือนด้วย รวมจำคุก 19 เดือน จำเลยที่ 4 ให้จำคุก 8 เดือน ฐานร่วมกันซ่อนเร้นศพฯ ขณะที่จำเลยที่ 5-6 ให้ลงโทษฐานรับของโจร แต่จำเลยรับสารภาพ และช่วยติดตามนำเงินมาคืนจำนวน 4.4 ล้านบาท จึงพิพากษาให้จำคุก 1 ปี 4 เดือน
** ศาลอุทธรณ์แก้ข้อหาฆ่าโดยเจตนา
ต่อมา จำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลเห็นว่า แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานมาเบิกความถึงการกระทำผิดของพวกจำเลย แต่ก็มีพยานแวดล้อมเบิกความเป็นลำดับขั้นตอน โดยเฉพาะพี่เขยของจำเลยที่ 1 เบิกความว่าจำเลยที่ 1 กับผู้ชายอีก 1 คน มาถามหาสถานที่ฝังศพผู้ตายที่ จ.พัทลุง แม้จำเลยที่ 1-2 จะให้การแตกต่างกันว่าไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่าผู้ตายก็ตาม แต่การเสียชีวิตของนายเอกยุทธก็เกิดขึ้นจากการกระทำของจำเลยที่ 1-2 ซึ่งร่วมกันทำร้ายและฆ่าผู้ตายขณะที่นายเอกยุทธพยายามเปิดประตูรถตู้หลบหนี ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องกับคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาว่า จำเลยที่ 1-2 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และแก้เฉพาะบทกฎหมายว่า จำเลยที่ 1-2 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ไม่ใช่การฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยให้จำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 1-2 พร้อมชดใช้เงินแก่ทายาทผู้ตาย จำนวน 1.9 ล้านบาท จำคุกจำเลยที่ 3 เป็นเวลา 13 เดือน จำคุกจำเลยที่ 4 จำคุก 8 เดือน ฐานร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ ส่วนจำเลยที่ 5-6 ซึ่งยื่นอุทธรณ์อ้างว่า เงินของกลางที่นายสันติภาพนำมาฝากไว้เป็นเงินที่ได้จากการเล่นพนันนั้น ขัดต่อคำให้การในชั้นสอบสวน แม้จะมีพยานมาเบิกความสนับสนุน แต่ก็ไม่ได้ให้การต่อพนักงานสอบสวน เชื่อว่าเป็นการเบิกความเพื่อช่วยเหลือจำเลยที่ 5-6 ซึ่งน่าจะรู้ว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานรับของโจร อุทธรณ์ของจำเลยที่ 5-6 ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอ่านคำพิพากษาจำคุกคนละ 1 ปี 4 เดือนนั้นชอบแล้ว.