xs
xsm
sm
md
lg

ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก “บอล สันติภาพ” ตลอดชีวิต คดีฆ่า “เอกยุทธ” พ่อ-แม่คุก 1 ปี 4 เดือนฐานรับของโจร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายสันติภาพ หรือบอล เพ็งด้วง (ชุดสีน้ำตาล)
MGR Online - ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก “บอล สันติภาพ” ตลอดชีวิต กับคู่หู ฆ่า “เอกยุทธ อัญชันบุตร” ขณะที่พ่อแม่โดนคุก 1 ปี 4 เดือนฐานรับของโจร



วันนี้ (30 มิ.ย.) ที่ห้องพิจารณา 709 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์คดีฆ่านักธุรกิจชื่อดัง หมายเลขดำ อ.3307/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสันติภาพ หรือบอล เพ็งด้วง อายุ 25 ปี, นายสุทธิพงศ์ หรือเบิ้ม พิมพิสาร อายุ 30 ปี, นายชวลิต หรือเชาว์ วุ่นชุม อายุ 25 ปี, นายทิวากร หรือทิว เกื้อทอง อายุ 20 ปีเศษ, จ.ส.อ.อิทธิพล เพ็งด้วง อายุ 53 ปี และนางจิตอำไพ เพ็งด้วง อายุ 50 ปี บิดาและมารดานายสันติภาพ ทั้งหมดเป็นชาว จ.พัทลุง ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ฯ, ร่วมกันฆ่าผู้อื่น, รับของโจร ฯลฯ รวม 8 ข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199, 289, 309, 310, 340, 357 และ 371 ประกอบมาตรา 83 และ พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน พ.ศ. 2492

คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2556 ระบุฟ้องความผิดพวกจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 6-9 มิ.ย. 2556 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1-2 ได้ร่วมกันมีอาวุธปืนพกออโตเมติกขนาด .380 (9 มม. KURZ) ทะเบียน กท.5203330 พร้อมเครื่องกระสุน และอาวุธมีด ปล้นเอาทรัพย์สินของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร อายุ 59 ปี อดีตนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง รวม 9 รายการ มูลค่า 6.6 ล้านบาท โดยใช้อาวุธทำร้าย และหน่วงเหนี่ยวกักขังบังคับให้นายเอกยุทธออกเช็คเบิกถอนเงิน และใช้เชือกรัดคอจนนายเอกยุทธถึงแก่ความตาย ก่อนนำศพไปไว้ในรถยนต์ตู้ ทะเบียน ฮพ 9304 และนำไปฝังไว้ในไร่นาสวนผสมทิ้งร้าง อ.เมือง จ.พัทลุง เพื่อปกปิดความผิด โดยมีจำเลยที่ 3-4 ช่วยขุดหลุมฝังศพ ส่วนจำเลยที่ 5-6 ซึ่งเป็นบิดามารดาของจำเลยที่ 1 เป็นผู้เก็บเงินสดของผู้ตายจำนวน 4,242,000 บาท ที่จำเลยที่ 1 นำไปฝากไว้ จำเลยให้การปฏิเสธ
จ.ส.อ.อิทธิพล เพ็งด้วง นางจิตอำไพ เพ็งด้วง บิดามารดานายสันติภาพหรือบอล
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2557 เห็นว่า พวกจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง จึงพิพากษาว่าให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1-2 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คำเบิกความเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุกตลอดชีวิต ข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์จำคุกคนละ 18 ปี แต่เมื่อรวมโทษแล้วคงให้จำคุกจำเลยที่ 1-2 ไว้ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 3 ผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน และซ่อนเร้นอำพรางศพ จำคุก 13 เดือน และให้รวมโทษที่รอการลงอาญาไว้ในคดีเดิมอีก 6 เดือน เป็นจำคุก 19 เดือน จำเลยที่ 4 ผิดฐานซ่อนเร้นอำพรางศพ จำคุก 8 เดือน

ส่วนจำเลยที่ 5-6 ซึ่งเป็นบิดาและมารดาของจำเลยที่ 1 ผิดฐานรับของโจร แต่รับสารภาพและช่วยติดตามนำเงินของมาคืนจำนวน 4.2 ล้านบาท พิพากษาจำคุกคนละ 1 ปี 4 เดือน และให้จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 1.9 ล้านบาท ให้แก่ทายาทของผู้ตาย

ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานมาเบิกความถึงการกระทำผิดของพวกจำเลย แต่ก็มีพยานแวดล้อมเบิกความเป็นลำดับขั้นตอน โดยเฉพาะพี่เขยของนายสันติภาพ จำเลยที่ 1 เบิกความว่านายสันติภาพกับผู้ชายอีก 1 คน มาสอบถามหาสถานที่ฝังศพผู้ตายที่ จ.พัทลุง แม้นายสันติภาพกับนายสุทธิพงศ์ จำเลยที่ 1-2 จะให้การแตกต่างกันว่าไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่าผู้ตายก็ตาม แต่การเสียชีวิตของนายเอกยุทธก็เกิดขึ้นจากการกระทำของจำเลยที่ 1-2 ซึ่งร่วมกันทำร้ายและฆ่าผู้ตายขณะที่นายเอกยุทธพยายามเปิดประตูรถตู้หลบหนี

ที่ศาลล่างพิพากษาว่า จำเลยที่ 1-2 ผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย จึงพิพากษาแก้เฉพาะบทกฎหมายว่า จำเลยที่ 1-2 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ไม่ใช่การฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยให้จำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 1 และ 2 พร้อมชดใช้เงินแก่ทายาทผู้ตาย จำนวน 1.9 ล้านบาท จำคุกนายชวลิต จำเลยที่ 3 เป็นเวลา 13 เดือน ส่วนนายทิวากร จำเลยที่ 4 จำคุก 8 เดือน ฐานร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ

สำหรับ จ.ส.อ.อิทธิพล และ นางจิตอำไพ จำเลยที่ 5-6 บิดามารดาของจำเลยที่ 1 ซึ่งยื่นอุทธรณ์อ้างว่าเงินของกลางที่นายสันติภาพนำมาฝากไว้เป็นเงินที่ได้จากการเล่นพนันนั้นขัดต่อคำให้การในชั้นสอบสวน แม้จะมีพยานมาเบิกความสนับสนุนแต่ก็ไม่ได้ให้การต่อพนักงานสอบสวน เชื่อว่าเป็นการเบิกความเพื่อช่วยเหลือจำเลยที่ 5-6 ซึ่งน่าจะรู้ว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ฐานรับของโจร อุทธรณ์จำเลยที่ 5-6 ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลล่างพิพากษาจำคุกคนละ 1 ปี 4 เดือนนั้นชอบแล้ว







กำลังโหลดความคิดเห็น