ผู้จัดการรายวัน360 - นายกฯรับสั่งเคลียร์คดีข้าวให้เสร็จภายในปีนี้ เน้นที่ผิดทางละเมิด ปลัด พณ.ระบุราคาข้าวตลาดโลกดีขึ้น หลังผลผลิตลด ข้าวหอมมะลิแตะตันละ1.3 หมื่นบาท เผยสต๊อกรัฐเหลือ 9.5 ล้านตัน คาดระบายหมดกลางปี 60 ที่ประชุม นบข.เห็นชอบขายข้าวสต๊อกรัฐล็อตใหญ่ 2.18 ล้านตัน ต้องมีคำสั่งซื้อจาก ตปท.เท่านั้น สนใจยื่นซอง 25 ก.ค.นี้ ด้านเอกชนห่วงเปิดขายมากไป เกรงกระทบราคาตลาด
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ถึงกรณีที่กล่าวในที่ประชุมว่าจะดำเนินการคดีโครงการรับจำนำข้าวในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ว่า คดีอะไรที่สำคัญก็ต้องเร่งดำเนินการให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อความชัดเจน โดยคดีรับจำนำข้าวนั้น มีส่วนที่ตนต้องรับผิดชอบเป็นไปตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ซึ่งตนต้องรับผิดชอบความเสียหายและต้องทำให้เสร็จ ถือเป็นการจบหน้าที่ของตน ส่วนเรื่องอื่นอยู่ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยเปิดให้มีการตอบโต้สู้คดีในกระบวนการยุติธรรมตลอดเวลา
“อย่าได้ฟังการบิดเบือน ทุกอย่างอยู่ที่เจตนา เมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้วก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร หากคิดว่าถูกต้อง ก็ขอให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
** ปลัด พณ.ฟุ้งราคาข้าวพุ่ง
ด้าน น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุม นบข.ได้รับทราบสถานการณ์ราคาข้าวในตลาดโลก ซึ่งถือว่าอยู่ในช่วงขาขึ้น เนื่องจากผลผลิตข้าวของโลกลดลง ขณะที่ความต้องการบริโภคข้าวลดลงเพียงเล็กน้อย ทำให้ราคาข้าวขยับขึ้น สำหรับราคาข้าวในประเทศขณะนี้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยข้าวเปลือกเจ้าขายได้ที่ตันละ8,700-9,000บาท ข้าวหอมมะลิตันละ13,000บาท ซึ่งราคาน่าจะขึ้นไปอีก ส่วนข้าวเหนียวราคาตันละ15,000บาท
สำหรับแผนการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลนั้น น.ส.ชุติมา กล่าวว่า ยืนยันที่จะดูแลไม่ให้กระทบต่อราคาข้าวที่ชาวนาผลิตออกมาในฤดูการผลิตใหม่ ล่าสุดเหลือประมาณ9.5ล้านตัน ซึ่งตามแผนจะต้องระบายข้าวในสต๊อกให้แล้วเสร็จภายในกลางปีหน้า ซึ่งหากข้าวใหม่ออกน้อยจะระบายข้าวได้หมดเร็วขึ้น
** เร่งระบายอีก 2.18 ล้านตัน
ขณะที่ นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ เตรียมออกประกาศเปิดจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐให้กับภาคเอกชนที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ เพื่อส่งออกต่างประเทศ ปริมาณ 2.18 ล้านตัน ตามนโยบายที่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม นบข. เนื่องจากเห็นว่าขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะนำข้าวในสต๊อกของรัฐออกมาระบายสู่ตลาดต่างประเทศ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาและความเสื่อมสภาพของข้าว และยังช่วยผลักดันการส่งออกข้าวไทยได้เพิ่มขึ้น
“ตอนนี้ ผลผลิตข้าวของประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกมีปริมาณลดลง และข้าวในตลาด ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้เหมาะแก่การระบายข้าว ขณะที่ในไทย เป็นช่วงที่กำลังเพาะปลูก ผลผลิตยังไม่ออก จึงต้องเร่งระบายข้าวในสต๊อกช่วงนี้ เพื่อไม่ให้กระทบกับราคาข้าวและราคาที่เกษตรกรจะได้รับในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด” นางดวงพร กล่าว
** ต้องโชว์ใบสั่งซื้อจากต่างชาติด้วย
นางดวงพร เปิดเผยด้วยว่า สำหรับชนิดข้าวในสต็อกของรัฐที่จะนำออกมาเปิดจำหน่ายในครั้งนี้ เป็นข้าวระดับคุณภาพที่สามารถปรับปรุงเพื่อการส่งออกได้ ประกอบด้วย 17 ชนิด ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ข้าวหอมจังหวัด ข้าวขาว 5% ข้าวขาว 10% ข้าวขาว 15% ข้าวขาว 25% เลิศ ข้าวปทุมธานี ข้าวปทุมธานี 5% ข้าวเหนียวขาว 10% ข้าวท่อนหอมมะลิ ข้าวท่อนหอมจังหวัด ข้าวท่อนปทุมธานี ปลายข้าวหอมมะลิ ปลายข้าวหอมจังหวัด ปลายข้าวปทุมธานี ปลายข้าว A1 เลิศ และปลายข้าว A1 รวมปริมาณทั้งสิ้น 2.18 ล้านตัน จำนวน 139 คลัง โดย กรมฯ ได้เชิญผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังเงื่อนไขการจำหน่าย (TOR) ในวันที่ 1 ก.ค.59 เวลา 10.00 น. ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 3 อาคารกองมาตรฐานสินค้านำเข้าส่งออก จากนั้นจะเปิดให้ยื่นซองคุณสมบัติ ในวันที่ 21 ก.ค.59 และยื่นซองเสนอราคาซื้อ ในวันที่ 25 ก.ค.59 โดยจะประกาศรายชื่อผู้เสนอราคาซื้อสูงสุดในแต่ละคลัง ในวันที่ 29 ก.ค.59 พร้อมแจ้งนัดหมายให้มาเจรจาต่อรองกับคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐด้วยความโปร่งใสทุกขั้นตอน
“ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติการจำหน่ายจากประธานกรรมการ นบข. ต้องรับมอบข้าวจากคลังไปปรับปรุงส่งออกตามกรอบเวลาที่กำหนด และต้องส่งรายงานพร้อมแสดงเอกสารหลักฐานการส่งออกตามเงื่อนไขที่ประกาศกำหนดด้วย” นางดวงพร กล่าว
** เอกชนห่วงกระทบราคาตลาด
ทางด้าน นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวแสดงความเป็นห่วงการเปิดจำหน่ายข้าวในสต๊อกรัฐครั้งนี้ว่า จำนวน 2.18 ล้านตันนั้น เป็นปริมาณที่มากไป แม้ว่าขณะนี้จะเป็นช่วงที่เหมาะสมต่อการระบายข้าวก็ตาม เพราะอาจจะส่งผลทางจิตวิทยาต่อราคาข้าวในตลาดให้ปรับลดลงได้ โดยเห็นว่าปริมาณที่เหมาะสมที่จะอยู่ที่ 1 ล้านตัน เพราะความต้องการข้าวในต่างประเทศเริ่มลดลง เห็นได้จากการส่งออกที่เดือน พ.ค.ทำได้ 7 แสนตัน และ มิ.ย.ก็คาดว่าจะส่งออกได้แค่ 7 แสนตัน อีกทั้งรัฐบาลได้ระบายข้าวก่อนหน้านี้ไปมากแล้ว ทำให้ผู้ซื้อรอดูสถานการณ์ และมีอำนาจในการต่อรองราคากับผู้ขายของไทยมากขึ้น จากการที่มีหลายเจ้าประมูลซื้อข้าวรัฐได้.
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ถึงกรณีที่กล่าวในที่ประชุมว่าจะดำเนินการคดีโครงการรับจำนำข้าวในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ว่า คดีอะไรที่สำคัญก็ต้องเร่งดำเนินการให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อความชัดเจน โดยคดีรับจำนำข้าวนั้น มีส่วนที่ตนต้องรับผิดชอบเป็นไปตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ซึ่งตนต้องรับผิดชอบความเสียหายและต้องทำให้เสร็จ ถือเป็นการจบหน้าที่ของตน ส่วนเรื่องอื่นอยู่ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยเปิดให้มีการตอบโต้สู้คดีในกระบวนการยุติธรรมตลอดเวลา
“อย่าได้ฟังการบิดเบือน ทุกอย่างอยู่ที่เจตนา เมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้วก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร หากคิดว่าถูกต้อง ก็ขอให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
** ปลัด พณ.ฟุ้งราคาข้าวพุ่ง
ด้าน น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุม นบข.ได้รับทราบสถานการณ์ราคาข้าวในตลาดโลก ซึ่งถือว่าอยู่ในช่วงขาขึ้น เนื่องจากผลผลิตข้าวของโลกลดลง ขณะที่ความต้องการบริโภคข้าวลดลงเพียงเล็กน้อย ทำให้ราคาข้าวขยับขึ้น สำหรับราคาข้าวในประเทศขณะนี้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยข้าวเปลือกเจ้าขายได้ที่ตันละ8,700-9,000บาท ข้าวหอมมะลิตันละ13,000บาท ซึ่งราคาน่าจะขึ้นไปอีก ส่วนข้าวเหนียวราคาตันละ15,000บาท
สำหรับแผนการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลนั้น น.ส.ชุติมา กล่าวว่า ยืนยันที่จะดูแลไม่ให้กระทบต่อราคาข้าวที่ชาวนาผลิตออกมาในฤดูการผลิตใหม่ ล่าสุดเหลือประมาณ9.5ล้านตัน ซึ่งตามแผนจะต้องระบายข้าวในสต๊อกให้แล้วเสร็จภายในกลางปีหน้า ซึ่งหากข้าวใหม่ออกน้อยจะระบายข้าวได้หมดเร็วขึ้น
** เร่งระบายอีก 2.18 ล้านตัน
ขณะที่ นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ เตรียมออกประกาศเปิดจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐให้กับภาคเอกชนที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ เพื่อส่งออกต่างประเทศ ปริมาณ 2.18 ล้านตัน ตามนโยบายที่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม นบข. เนื่องจากเห็นว่าขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะนำข้าวในสต๊อกของรัฐออกมาระบายสู่ตลาดต่างประเทศ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาและความเสื่อมสภาพของข้าว และยังช่วยผลักดันการส่งออกข้าวไทยได้เพิ่มขึ้น
“ตอนนี้ ผลผลิตข้าวของประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกมีปริมาณลดลง และข้าวในตลาด ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้เหมาะแก่การระบายข้าว ขณะที่ในไทย เป็นช่วงที่กำลังเพาะปลูก ผลผลิตยังไม่ออก จึงต้องเร่งระบายข้าวในสต๊อกช่วงนี้ เพื่อไม่ให้กระทบกับราคาข้าวและราคาที่เกษตรกรจะได้รับในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด” นางดวงพร กล่าว
** ต้องโชว์ใบสั่งซื้อจากต่างชาติด้วย
นางดวงพร เปิดเผยด้วยว่า สำหรับชนิดข้าวในสต็อกของรัฐที่จะนำออกมาเปิดจำหน่ายในครั้งนี้ เป็นข้าวระดับคุณภาพที่สามารถปรับปรุงเพื่อการส่งออกได้ ประกอบด้วย 17 ชนิด ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ข้าวหอมจังหวัด ข้าวขาว 5% ข้าวขาว 10% ข้าวขาว 15% ข้าวขาว 25% เลิศ ข้าวปทุมธานี ข้าวปทุมธานี 5% ข้าวเหนียวขาว 10% ข้าวท่อนหอมมะลิ ข้าวท่อนหอมจังหวัด ข้าวท่อนปทุมธานี ปลายข้าวหอมมะลิ ปลายข้าวหอมจังหวัด ปลายข้าวปทุมธานี ปลายข้าว A1 เลิศ และปลายข้าว A1 รวมปริมาณทั้งสิ้น 2.18 ล้านตัน จำนวน 139 คลัง โดย กรมฯ ได้เชิญผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังเงื่อนไขการจำหน่าย (TOR) ในวันที่ 1 ก.ค.59 เวลา 10.00 น. ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 3 อาคารกองมาตรฐานสินค้านำเข้าส่งออก จากนั้นจะเปิดให้ยื่นซองคุณสมบัติ ในวันที่ 21 ก.ค.59 และยื่นซองเสนอราคาซื้อ ในวันที่ 25 ก.ค.59 โดยจะประกาศรายชื่อผู้เสนอราคาซื้อสูงสุดในแต่ละคลัง ในวันที่ 29 ก.ค.59 พร้อมแจ้งนัดหมายให้มาเจรจาต่อรองกับคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐด้วยความโปร่งใสทุกขั้นตอน
“ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติการจำหน่ายจากประธานกรรมการ นบข. ต้องรับมอบข้าวจากคลังไปปรับปรุงส่งออกตามกรอบเวลาที่กำหนด และต้องส่งรายงานพร้อมแสดงเอกสารหลักฐานการส่งออกตามเงื่อนไขที่ประกาศกำหนดด้วย” นางดวงพร กล่าว
** เอกชนห่วงกระทบราคาตลาด
ทางด้าน นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวแสดงความเป็นห่วงการเปิดจำหน่ายข้าวในสต๊อกรัฐครั้งนี้ว่า จำนวน 2.18 ล้านตันนั้น เป็นปริมาณที่มากไป แม้ว่าขณะนี้จะเป็นช่วงที่เหมาะสมต่อการระบายข้าวก็ตาม เพราะอาจจะส่งผลทางจิตวิทยาต่อราคาข้าวในตลาดให้ปรับลดลงได้ โดยเห็นว่าปริมาณที่เหมาะสมที่จะอยู่ที่ 1 ล้านตัน เพราะความต้องการข้าวในต่างประเทศเริ่มลดลง เห็นได้จากการส่งออกที่เดือน พ.ค.ทำได้ 7 แสนตัน และ มิ.ย.ก็คาดว่าจะส่งออกได้แค่ 7 แสนตัน อีกทั้งรัฐบาลได้ระบายข้าวก่อนหน้านี้ไปมากแล้ว ทำให้ผู้ซื้อรอดูสถานการณ์ และมีอำนาจในการต่อรองราคากับผู้ขายของไทยมากขึ้น จากการที่มีหลายเจ้าประมูลซื้อข้าวรัฐได้.
