วานนี้ (30มิ.ย.) ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ได้มีการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม(กสทช.) ตามที่ครม.เป็นผู้เสนอ โดยมีสาระสำคัญคือ เปลี่ยนแปลงจำนวนบอร์ด กสทช. จาก11 คนเหลือเพียง 7 คน โดยเป็นผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคม ด้านวิศวกรรม กฎหมาย เศรษฐศาสตร์ การคุ้มครองผู้บริโภค และกำหนดคุณสมบัติทั่วไปของ กสทช. เพิ่มเติมจากเดิม อาทิ ต้องมีอายุระหว่าง 45-65 ปี เป็นหรือเคยเป็นข้าราชการพลเรือน พนักงานในหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจที่ดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าหัวหน้าส่วนราชการ ตั้งแต่ระดับกรมขึ้นไป หรือดำรงตำแหน่ง หรือเคยดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ขึ้นไปมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี หรือ เป็นหรือเคยเป็นนายทหาร หรือนายตำรวจที่มียศตั้งแต่ พล.ท. ,พล.อ.ท. ,พล.ร.ท.หรือ พล.ต.ท.ขึ้นไป หรือเป็นหรือเคยผู้บริหารมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ในตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ในบริษัทมหาชนจำกัด ที่มีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท หรือมีประสบการณ์ทำงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคมาแล้ว ไม่น้อยกว่า10 ปี
การสรรหา กสทช. กำหนดให้มีคณะกรรมการสรรหา 7 คน ประกอบด้วย 1. ประธานศาลรธน. 2. ประธานศาลฎีกา 3. ประธานศาลปกครองสูงสุด 4. ประธานป.ป.ช. 5. ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน 6. ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และ 7. ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ โดยคณะกรรมการสรรหา ต้องพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครที่คุณสมบัติเป็น กสทช. ให้ได้จำนวน 2 เท่า ของจำนวนกสทช. จากนั้นส่งให้วุฒิสภาลงมติคัดเลือกให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วันต่อไป
ด้านอำนาจหน้าที่ของ กสทช. นั้นได้มีการเพิ่มเติมคือให้จัดทำแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ ตารางกำหนดคลื่นความถี่แห่งชาติ แผ่นแม่บทกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ แผนแม่บทกิจการโทรคมนาคาม แผนความถี่วิทยุและแผนเลขหมายโทรคมนาคม แต่แผนดังกล่าวต้องสอดคล้องกับนโยบาย และแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ในร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ยังวางหลักเกณฑ์การใช้งบประมาณของ กสทช. ให้เกิดความโปร่งใส เช่น การให้เงินรายได้ที่จากการจัดสรรคลื่นความถี่ ที่ได้รับจากการจัดสรรคลื่นความถี่ภายหลังหักค่าใช้จ่ายในการจัดสรรคลี่นความถี่เป็นเงิน "กองทุนวิจัยพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ" นอกจากนี้ ให้กระทรวงการคลัง มีหน้าที่ให้ความเห็นว่า หากเงินกองทุนมีเกินความจำเป็น หรือความจำเป็นต้องใช้ จะขอให้นำส่วนที่เกินจำเป็นส่งเข้าเป็นรายได้แผ่นดินก็ได้
ทั้งนี้การเก็บรักษา การนำเงินกองทุนฯไปลงทุน การใช้จ่าย การจัดทำบัญชี และระบบบัญชี ให้เป็นไปตามระเบียบที่ คณะกรรมการบริหารกองทุนกำหนด แต่การนำเงินของกองทุนฯ ไปลงทุน ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงด้วย
ส่วนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีของ กสทช. ต้องจัดทำโดยคำนึงถึงความคุ้มค่า การประหยัด และประสิทธิภาพ รายการหรือโครงการใดที่ตั้งงบประมาณไว้แล้ว แต่มิได้เริ่มดำเนินการภายใน 9 เดือน นับแต่วันใช้งบประมาณนั้น ให้รายการหรือโครงการนั้นเป็นอันพับไป รวมทั้งยังให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเข้ามาทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้งบประมาณของ กสทช. โดยหากพบว่าการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินของสำนักงาน กสทช.ไม่เกิดประสิทธิพล หรือเป็นการฟุ่มเฟือยเกินสมควร ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแจ้งให้ กสทช.ทราบโดยเร็ว และให้กสทช.ดำเนินการปรับปรุงแก้ไข หรือระงับการดำเนินการตามควรแก่กรณีโดยเร็ว
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติเอกฉันท์ 162 คะแนน รับหลักการในวาระที่ 1 พร้อมตั้งกมธ.วิสามัญ เพื่อพิจารณาในรายละเอียดจำนวน 17 คน มีกำหนดระยะเวลาทำงาน และส่งร่างพ.ร.บ.กลับมาให้สนช. ลงมติภายใน 60 วัน
การสรรหา กสทช. กำหนดให้มีคณะกรรมการสรรหา 7 คน ประกอบด้วย 1. ประธานศาลรธน. 2. ประธานศาลฎีกา 3. ประธานศาลปกครองสูงสุด 4. ประธานป.ป.ช. 5. ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน 6. ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และ 7. ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ โดยคณะกรรมการสรรหา ต้องพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครที่คุณสมบัติเป็น กสทช. ให้ได้จำนวน 2 เท่า ของจำนวนกสทช. จากนั้นส่งให้วุฒิสภาลงมติคัดเลือกให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วันต่อไป
ด้านอำนาจหน้าที่ของ กสทช. นั้นได้มีการเพิ่มเติมคือให้จัดทำแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ ตารางกำหนดคลื่นความถี่แห่งชาติ แผ่นแม่บทกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ แผนแม่บทกิจการโทรคมนาคาม แผนความถี่วิทยุและแผนเลขหมายโทรคมนาคม แต่แผนดังกล่าวต้องสอดคล้องกับนโยบาย และแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ในร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ยังวางหลักเกณฑ์การใช้งบประมาณของ กสทช. ให้เกิดความโปร่งใส เช่น การให้เงินรายได้ที่จากการจัดสรรคลื่นความถี่ ที่ได้รับจากการจัดสรรคลื่นความถี่ภายหลังหักค่าใช้จ่ายในการจัดสรรคลี่นความถี่เป็นเงิน "กองทุนวิจัยพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ" นอกจากนี้ ให้กระทรวงการคลัง มีหน้าที่ให้ความเห็นว่า หากเงินกองทุนมีเกินความจำเป็น หรือความจำเป็นต้องใช้ จะขอให้นำส่วนที่เกินจำเป็นส่งเข้าเป็นรายได้แผ่นดินก็ได้
ทั้งนี้การเก็บรักษา การนำเงินกองทุนฯไปลงทุน การใช้จ่าย การจัดทำบัญชี และระบบบัญชี ให้เป็นไปตามระเบียบที่ คณะกรรมการบริหารกองทุนกำหนด แต่การนำเงินของกองทุนฯ ไปลงทุน ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงด้วย
ส่วนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีของ กสทช. ต้องจัดทำโดยคำนึงถึงความคุ้มค่า การประหยัด และประสิทธิภาพ รายการหรือโครงการใดที่ตั้งงบประมาณไว้แล้ว แต่มิได้เริ่มดำเนินการภายใน 9 เดือน นับแต่วันใช้งบประมาณนั้น ให้รายการหรือโครงการนั้นเป็นอันพับไป รวมทั้งยังให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเข้ามาทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้งบประมาณของ กสทช. โดยหากพบว่าการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินของสำนักงาน กสทช.ไม่เกิดประสิทธิพล หรือเป็นการฟุ่มเฟือยเกินสมควร ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแจ้งให้ กสทช.ทราบโดยเร็ว และให้กสทช.ดำเนินการปรับปรุงแก้ไข หรือระงับการดำเนินการตามควรแก่กรณีโดยเร็ว
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติเอกฉันท์ 162 คะแนน รับหลักการในวาระที่ 1 พร้อมตั้งกมธ.วิสามัญ เพื่อพิจารณาในรายละเอียดจำนวน 17 คน มีกำหนดระยะเวลาทำงาน และส่งร่างพ.ร.บ.กลับมาให้สนช. ลงมติภายใน 60 วัน