"บิ๊กตู่"ลั่นไม่ลาออกตามกระแสอังกฤษ หากร่างรธน.ไม่ผ่านประชามติ ย้ำเป็นคนกำหนดกติกาเอง "บิ๊กป้อม"อ้างรัฐบาลไม่เกี่ยว เป็นเรื่องของกรธ. ที่ดำเนินการ โยนกกต.ชี้ขาด "สุเทพ-จตุพร" ใช้เฟซบุ๊กไลฟ์ วิจารณ์ร่าง รธน. ผิดหรือไม่ หากผิดหน่วยความมั่นคงพร้อมจัดการบนมาตรฐานเดียวกัน ด้าน กกต.ไฟเขียวให้พูดได้ หากไม่เท็จ-ไม่บิดเบือน "วิษณุ"ย้ำพูดถึงข้อดี ไม่ดีได้ แต่ห้ามชักชวน เตือนคนพูดต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเอง ไม่เห็นด้วยกับการจัดดีเบต ผชิญหน้ากัน เสี่ยงเกิดการทะเลาะ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรวม.กลาโหม กล่าวถึง กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่ม นปช. ใช้เฟซบุ๊กไลฟ์ พูดถึงการลงประชามติ รับและไม่รับ ร่างรธน. ว่า เป็นเรื่องของ กกต. ที่จะเป็นผู้ชี้ว่า ถูก หรือ ผิด หากกกต.บอกว่าผิด ฝ่ายความมั่นคงจะดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ มีกกต.บางท่านระบุว่า ถ้าชี้แจงคนเดียวไม่ผิด อย่างไรก็ตามการชี้แจงสามารถทำได้ แต่อย่าไปชักชวนให้รับ หรือไม่รับ ร่างรธน. ซึ่งเราเปิดให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ร่าง รธน.ได้อยู่แล้วในทุกพื้นที่ ซึ่งในส่วนออกมารายบุคคลนั้น เป็นหน้าที่กกต. จะชี้ว่าผิดหรือไม่ ถ้าผิด ฝ่ายความมั่นคงพร้อมดำเนินการ ทุกอย่างเดินตามกฎหมาย บนมาตราฐานเดียวกัน ไม่มีสองมาตราฐาน
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการสร้างกระแสว่าให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกหาก ร่างรธน. ไม่ผ่านการลงประชามติ เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศลาออกหลังผลการลงประชามติให้อังกฤษออกจากอียู พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คนละเรื่องกัน เพราะกรณีอังกฤษ ทางรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการ แต่ของเรา เป็นเรื่องของกรธ. ที่เขียนระบุในรธน.ว่าต้องมีการทำประชามติ และรัฐบาลก็ไม่ได้เป็นผู้ร่าง แต่เป็นเรื่องของกรธ. ดังนั้นรัฐบาลไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงกรณีที่มีการเทียบเคียงระหว่างนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กับ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีของไทย เกี่ยวกับเรื่องผลการทำประชามติ ว่า
"เทียบกันอย่างไร มันเป็นคนละเรื่องกัน ทำไมจะให้ผมลาออกใช่หรือไม่ ผมไม่ออกหรอก ผมเป็นคนกำหนดกติกาของผม เขาไม่ได้มาแบบผม บ้านเมืองเขาไม่มีปัญหาแบบบ้านเรา แล้วจะไม่รับผิดชอบกันเลยหรือ ทุกคนจะไม่ร่วมรับผิดชอบอะไรกับผมเลยหรือ สำหรับผมรับผิดชอบอยู่แล้ว ที่เข้ามาทำงานครั้งนี้ แล้วคนอื่นไม่รับผิดชอบอนาคตประเทศไทยเลยหรืออย่างไร ทำไมอนาคตประเทศอยู่ที่ผมคนเดียวหรืออย่างไร ทำไมถึงไม่ช่วยกันบ้าง วันนี้สวดมนต์ไปแล้ว ใจเย็น เพราะได้สวดมนต์" นายกรัฐมนตรีกล่าว
ด้านนายประวิช รัตนเพียร กกต. กล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นส่วนตัวผ่านช่องทางใดก็แล้วแต่ ไม่มีอะไรผิด แต่ก็ต้องรับผิดชอบว่า ต้องแสดงความคิดเห็นโดยไม่ใช้ข้อมูลเท็จ ไม่บิดเบือน ไม่ข่มขู่ ให้คนออกเสียงไปในทางใดทางหนึ่ง ทั้งนี้คิดว่าการแสดงความคิดเห็นเหล่านี้ จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการตัดสินใจออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง
ส่วนการแสดงความเห็นในข้อดี ของร่างรธน. อย่างเดียว จะเป็นการชี้นำหรือไม่นั้น นายประวิช กล่าวว่า ไม่ว่าใครที่ออกมาแสดงความคิดเห็นหากอยู่บนข้อเท็จจริง เป็นไปด้วยความสุจริต ก็ไม่มีความผิด แต่คนที่จะตัดสินว่าผิด หรือไม่ผิด ก็คือศาล อย่างไรก็ตาม หากประชาชนเห็นว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ประชามติ ทุกคนก็มีสิทธิที่จะแจ้งความร้องทุกข์ กล่าวโทษได้ ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงที่เราบอกมาตลอด ส่วนกรณีนักศึกษาที่แจกใบปลิวไม่รับร่างรธน. และถูกจับกุมนั้น ก็ต้องดูว่าเป็นแสดงความคิดเห็นส่วนตัว หรือเป็นการรณรงค์ และนอกจากความผิดตาม พ.ร.บ.ประชามติแล้ว ก็อย่าลืมว่ายังมีกฎหมายอย่างอื่น อาทิ คำสั่ง คสช. เรื่องการชุมนุมเกิน 5 คน ที่บังคับใช้อยู่
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การอธิบายเรื่องร่างรธน. สามารถทำได้ การที่จะบอกใครว่าตัวเอง รับ หรือไม่รับ ก็ทำได้ การอธิบายว่ามาตรานั้นดี หรือไม่ดี เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย ก็ทำได้ เพราะมีเสรีภาพ ซึ่งมาตรา 7 และ มาตรา 11 ส่งเสริมให้ทำด้วยซ้ำไป แต่อะไรที่ทำผิดตาม มาตรา 61 ทำไม่ได้ จะไปชักชวนกันมาเป็นกลุ่มก้อน จะเข้าข่ายปลุกระดม ถือว่าผิด
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเป็นการพูดเชียร์อย่างเดียว จะถือเป็นการรณรงค์ หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า การพูดเชียร์ คือการพูดว่าดีอย่างไร ในความเห็นของผู้พูดเป็นอันจบ หากพูดแค่นั้นพูดได้ จะพูดว่าดีอย่างไร พูดว่าฉบับนี้ไม่เห็นจะได้เรื่องเลย ฉบับนู้นดีกว่าฉบับนี้ หากไม่เป็นเท็จ พูดได้ทั้งนั้น เพราะถ้าเป็นความเห็น จะบอกว่าเท็จ พูดยาก
เมื่อถามว่า ทั้งสองฝ่ายมีมวลชนจำนวนมาก จะกลายเป็นการโน้มน้าวใจมวลชนหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า การพูด เท่ากับเป็นการโน้มน้าวอยู่แล้ว ในมาตรา 61 วรรคสอง ไม่ได้เอาผิดอะไร ขนาดว่าปลุกระดม ก็ไม่ผิด ยกเว้นบอกว่า ไม่ให้ไปลงประชามติ ตรงส่วนนี้ต่างหากที่ผิด
เมื่อถามถึงกรณี นายจตุพร จะท้าดีเบตกับนายสุเทพ เรื่องร่างรธน. ทำได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เรื่องนี้ให้ กกต. เป็นผู้พิจารณาเองดีกว่า เนื่องจาก กกต.ได้ให้สถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆไปจัดอยู่แล้ว โดยทางช่องจะเลือกใคร หรือฝ่ายไหนก็ได้มาพูด แต่ต้องรับผิดชอบเนื้อหาที่จะออกมาเอง ทางที่ดีไม่ควรจะมาเผชิญหน้าเอง อาจจะใช้วิธีต่างคนต่างพูดภายในเวลาที่จำกัด การเผชิญหน้าไม่ได้ผิดอะไร เพียงแต่หากเผชิญหน้ากัน อาจเกิดความไม่สงบเรียบร้อย ทะเลาะกัน ลุกขึ้นด่ากัน จะเป็นปัญหาอีก เรื่องนี้รัฐบาล และกกต.ไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไร สนับสนุนให้จัดกันเองด้วย แต่ขอให้ระวังเรื่องความเท่าเทียมของทั้งสองฝ่าย
ต่อข้อถามว่า หากปล่อยให้แกนนำจัดรายการ กังวลหรือไม่ว่า สุดท้ายประชาชนจะไม่สนใจเนื้อหาร่างรธน. แต่จะเลือกฝ่ายที่ตัวเองชอบในการลงประชามติ รองนายกฯกล่าวว่า ไม่ทันได้คิด คิดไม่ออก จะให้ไปตอบแทนคงไม่ได้ เมื่อถามอีกว่า การที่นายสุเทพ ออกมาพูดในเฟซบุ๊กไลฟ์นั้น ดีหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ตนไม่รู้ ขอให้ระวัง และรับผิดชอบตัวเองแล้วกัน การพูดเรื่องการศึกษา ตนไม่มีปัญหา แต่ต่อๆ ไป จะหนักขึ้น เป็นการพูดอย่างอื่นหรือไม่ ตนไม่รู้ ในทางกลับกัน จะออกมาบอกว่า มาตราไหนไม่ดี พูดได้ เพราะตนเอง ยังไม่เห็นด้วยกับหลายๆ มาตราด้วยซ้ำไป
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรวม.กลาโหม กล่าวถึง กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่ม นปช. ใช้เฟซบุ๊กไลฟ์ พูดถึงการลงประชามติ รับและไม่รับ ร่างรธน. ว่า เป็นเรื่องของ กกต. ที่จะเป็นผู้ชี้ว่า ถูก หรือ ผิด หากกกต.บอกว่าผิด ฝ่ายความมั่นคงจะดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ มีกกต.บางท่านระบุว่า ถ้าชี้แจงคนเดียวไม่ผิด อย่างไรก็ตามการชี้แจงสามารถทำได้ แต่อย่าไปชักชวนให้รับ หรือไม่รับ ร่างรธน. ซึ่งเราเปิดให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ร่าง รธน.ได้อยู่แล้วในทุกพื้นที่ ซึ่งในส่วนออกมารายบุคคลนั้น เป็นหน้าที่กกต. จะชี้ว่าผิดหรือไม่ ถ้าผิด ฝ่ายความมั่นคงพร้อมดำเนินการ ทุกอย่างเดินตามกฎหมาย บนมาตราฐานเดียวกัน ไม่มีสองมาตราฐาน
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการสร้างกระแสว่าให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกหาก ร่างรธน. ไม่ผ่านการลงประชามติ เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศลาออกหลังผลการลงประชามติให้อังกฤษออกจากอียู พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คนละเรื่องกัน เพราะกรณีอังกฤษ ทางรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการ แต่ของเรา เป็นเรื่องของกรธ. ที่เขียนระบุในรธน.ว่าต้องมีการทำประชามติ และรัฐบาลก็ไม่ได้เป็นผู้ร่าง แต่เป็นเรื่องของกรธ. ดังนั้นรัฐบาลไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงกรณีที่มีการเทียบเคียงระหว่างนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กับ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีของไทย เกี่ยวกับเรื่องผลการทำประชามติ ว่า
"เทียบกันอย่างไร มันเป็นคนละเรื่องกัน ทำไมจะให้ผมลาออกใช่หรือไม่ ผมไม่ออกหรอก ผมเป็นคนกำหนดกติกาของผม เขาไม่ได้มาแบบผม บ้านเมืองเขาไม่มีปัญหาแบบบ้านเรา แล้วจะไม่รับผิดชอบกันเลยหรือ ทุกคนจะไม่ร่วมรับผิดชอบอะไรกับผมเลยหรือ สำหรับผมรับผิดชอบอยู่แล้ว ที่เข้ามาทำงานครั้งนี้ แล้วคนอื่นไม่รับผิดชอบอนาคตประเทศไทยเลยหรืออย่างไร ทำไมอนาคตประเทศอยู่ที่ผมคนเดียวหรืออย่างไร ทำไมถึงไม่ช่วยกันบ้าง วันนี้สวดมนต์ไปแล้ว ใจเย็น เพราะได้สวดมนต์" นายกรัฐมนตรีกล่าว
ด้านนายประวิช รัตนเพียร กกต. กล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นส่วนตัวผ่านช่องทางใดก็แล้วแต่ ไม่มีอะไรผิด แต่ก็ต้องรับผิดชอบว่า ต้องแสดงความคิดเห็นโดยไม่ใช้ข้อมูลเท็จ ไม่บิดเบือน ไม่ข่มขู่ ให้คนออกเสียงไปในทางใดทางหนึ่ง ทั้งนี้คิดว่าการแสดงความคิดเห็นเหล่านี้ จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการตัดสินใจออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง
ส่วนการแสดงความเห็นในข้อดี ของร่างรธน. อย่างเดียว จะเป็นการชี้นำหรือไม่นั้น นายประวิช กล่าวว่า ไม่ว่าใครที่ออกมาแสดงความคิดเห็นหากอยู่บนข้อเท็จจริง เป็นไปด้วยความสุจริต ก็ไม่มีความผิด แต่คนที่จะตัดสินว่าผิด หรือไม่ผิด ก็คือศาล อย่างไรก็ตาม หากประชาชนเห็นว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ประชามติ ทุกคนก็มีสิทธิที่จะแจ้งความร้องทุกข์ กล่าวโทษได้ ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงที่เราบอกมาตลอด ส่วนกรณีนักศึกษาที่แจกใบปลิวไม่รับร่างรธน. และถูกจับกุมนั้น ก็ต้องดูว่าเป็นแสดงความคิดเห็นส่วนตัว หรือเป็นการรณรงค์ และนอกจากความผิดตาม พ.ร.บ.ประชามติแล้ว ก็อย่าลืมว่ายังมีกฎหมายอย่างอื่น อาทิ คำสั่ง คสช. เรื่องการชุมนุมเกิน 5 คน ที่บังคับใช้อยู่
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การอธิบายเรื่องร่างรธน. สามารถทำได้ การที่จะบอกใครว่าตัวเอง รับ หรือไม่รับ ก็ทำได้ การอธิบายว่ามาตรานั้นดี หรือไม่ดี เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย ก็ทำได้ เพราะมีเสรีภาพ ซึ่งมาตรา 7 และ มาตรา 11 ส่งเสริมให้ทำด้วยซ้ำไป แต่อะไรที่ทำผิดตาม มาตรา 61 ทำไม่ได้ จะไปชักชวนกันมาเป็นกลุ่มก้อน จะเข้าข่ายปลุกระดม ถือว่าผิด
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเป็นการพูดเชียร์อย่างเดียว จะถือเป็นการรณรงค์ หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า การพูดเชียร์ คือการพูดว่าดีอย่างไร ในความเห็นของผู้พูดเป็นอันจบ หากพูดแค่นั้นพูดได้ จะพูดว่าดีอย่างไร พูดว่าฉบับนี้ไม่เห็นจะได้เรื่องเลย ฉบับนู้นดีกว่าฉบับนี้ หากไม่เป็นเท็จ พูดได้ทั้งนั้น เพราะถ้าเป็นความเห็น จะบอกว่าเท็จ พูดยาก
เมื่อถามว่า ทั้งสองฝ่ายมีมวลชนจำนวนมาก จะกลายเป็นการโน้มน้าวใจมวลชนหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า การพูด เท่ากับเป็นการโน้มน้าวอยู่แล้ว ในมาตรา 61 วรรคสอง ไม่ได้เอาผิดอะไร ขนาดว่าปลุกระดม ก็ไม่ผิด ยกเว้นบอกว่า ไม่ให้ไปลงประชามติ ตรงส่วนนี้ต่างหากที่ผิด
เมื่อถามถึงกรณี นายจตุพร จะท้าดีเบตกับนายสุเทพ เรื่องร่างรธน. ทำได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เรื่องนี้ให้ กกต. เป็นผู้พิจารณาเองดีกว่า เนื่องจาก กกต.ได้ให้สถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆไปจัดอยู่แล้ว โดยทางช่องจะเลือกใคร หรือฝ่ายไหนก็ได้มาพูด แต่ต้องรับผิดชอบเนื้อหาที่จะออกมาเอง ทางที่ดีไม่ควรจะมาเผชิญหน้าเอง อาจจะใช้วิธีต่างคนต่างพูดภายในเวลาที่จำกัด การเผชิญหน้าไม่ได้ผิดอะไร เพียงแต่หากเผชิญหน้ากัน อาจเกิดความไม่สงบเรียบร้อย ทะเลาะกัน ลุกขึ้นด่ากัน จะเป็นปัญหาอีก เรื่องนี้รัฐบาล และกกต.ไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไร สนับสนุนให้จัดกันเองด้วย แต่ขอให้ระวังเรื่องความเท่าเทียมของทั้งสองฝ่าย
ต่อข้อถามว่า หากปล่อยให้แกนนำจัดรายการ กังวลหรือไม่ว่า สุดท้ายประชาชนจะไม่สนใจเนื้อหาร่างรธน. แต่จะเลือกฝ่ายที่ตัวเองชอบในการลงประชามติ รองนายกฯกล่าวว่า ไม่ทันได้คิด คิดไม่ออก จะให้ไปตอบแทนคงไม่ได้ เมื่อถามอีกว่า การที่นายสุเทพ ออกมาพูดในเฟซบุ๊กไลฟ์นั้น ดีหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ตนไม่รู้ ขอให้ระวัง และรับผิดชอบตัวเองแล้วกัน การพูดเรื่องการศึกษา ตนไม่มีปัญหา แต่ต่อๆ ไป จะหนักขึ้น เป็นการพูดอย่างอื่นหรือไม่ ตนไม่รู้ ในทางกลับกัน จะออกมาบอกว่า มาตราไหนไม่ดี พูดได้ เพราะตนเอง ยังไม่เห็นด้วยกับหลายๆ มาตราด้วยซ้ำไป