xs
xsm
sm
md
lg

ไวยาวัจกรวัดเสือ จวกกรมอุทยานฯ ปล่อยสัตว์อื่นเพ่นพ่าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ไวยาวัจกรวัดเสือ กาญจนบุรี จวกกรมอุทยานฯ ได้ “เสือ” แล้วทิ้งสัตว์ตัวอื่นปล่อยให้อดอยากเป็นภาระวัดกว่า 3,000 -4,000 ตัว เตรียมยื่นฟ้องดะ กรมอุทยานฯ อดีตสัตวแพทย์ และอดีตรองประธานมูลนิธิวัดป่าฯ ทำวัดเสียชื่อเสียง

วานนี้ (26 มิ.ย.) ที่วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี นายศิริ หวังบุญเกิด กล่าวว่า พระวิสุทธิสารเถร หรือหลวงตาจันทร์ เจ้าอาวาสวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน ประธานมูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้แต่งตั้งตำแหน่งไวยาวัจกร ให้แก่ตน เพื่อต่อสู้คดีเกี่ยวกับการที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นำกำลังเจ้าหน้าที่มาขนย้ายเสือโคร่งของกลาง จำนวน 147 ตัว ออกไปจากวัดแล้วนำไปไว้ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง และสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้
หลังจากที่กรมอุทยานฯ ขนย้ายเสือไปหมดแล้ว ความเดือดร้อนก็ตกอยู่กับวัด เนื่องจากทางวัดไม่มีรายได้ที่จะนำเงินไปซื้ออาหารมาให้สัตว์ที่คงหลงเหลืออยู่ เช่น เก้ง กวาง ม้า ละมั่ง หมูป่า รวมทั้งวัว และควาย 3,000 -4,000 ตัว ถามว่า เมื่อกรมอุทยานฯ นำเสือออกไปแล้ว ทำไมไม่มาขนย้ายสัตว์ของกลางชนิดอื่นๆ ที่ฝากให้วัดเลี้ยงดูแลเอาไว้เป็นจำนวนมากไปด้วย แต่กลับปล่อยสัตว์ของกลางเหล่านั้นให้เป็นภาระของวัด โดยที่กรมอุทยานฯ ไม่เคยเข้ามาดูแลอีกเลย ซึ่งกรมอุทยานฯ เองเคยบอกว่า ไม่อยากให้ทางวัดเลี้ยงสัตว์ แต่กลับมาทิ้งสัตว์เหล่านี้ให้ทางวัดรับผิดชอบทำอย่างนี้ได้อย่างไร

หลังจากนี้ เราจำเป็นจะต้องขอรับการสนับสนุนเงินจากผู้มีจิตศรัทธา และผู้ที่รักความเป็นธรรมเพื่อดำเนินการฟ้องร้องเพื่อขอความเป็นธรรมต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นต่อทางวัด คือ เราต้องการที่จะฟ้องร้องกรมอุทยานฯ และฟ้องร้องกับอดีตเจ้าหน้าที่ของวัดที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง 2 กลุ่ม ที่หนีออกไปจากวัดแล้ว คือ ฟ้องร้องกลุ่มของหมอสมชัย วิเศษชัยมงคล อดีตนายสัตวแพทย์ผู้ดูแลเสือของกลาง มีอยู่ด้วยกัน 4 คน ขณะนี้ได้รวบรวมเอกสารต่างๆ ย้อนหลังไปหลายปีเพื่อนำไปเป็นหลักฐานในการฟ้องร้อง

กลุ่มที่สองคือ กลุ่มของ พ.ต.อ.ศุภิฏพงศ์ ภักดิ์จรุง รองประธานมูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน และครอบครัว ส่วนผลการฟ้องร้องจะเป็นอย่างไรก็ขอให้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาคดีของศาล

ตนอยากให้ทุกคนมองภาพกว้างๆ ว่า ที่ผ่านมา กลุ่มบุคคลทั้งสองกลุ่มพยายามโยนความผิดให้แก่หลวงตาจันทร์ เพียงคนเดียว เพราะทั้งสองกลุ่มได้เกิดการขัดแย้งเพื่อช่วงชิงผลประโยชน์กัน บุคคลกลุ่มหนึ่งต้องการผลประโยชน์จากองค์กรเกี่ยวกับสัตว์ป่า ที่อยู่ต่างประเทศ เขาเข้ามาอ่อยเหยื่อด้วยการบอกว่าจะให้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อให้มาบริหารการจัดการสวนเสือในประเทศไทยให้ดีขึ้น

จุดนี้เองคือจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งแย่งชิงผลประโยชน์ เป็นเหตุทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันขึ้นมา และเป็นสาเหตุเริ่มต้นที่สร้างความเสียหายให้แก่ทางวัดอย่างร้ายแรง ทำให้สาธารณชนมองภาพว่า ภายในวัดป่าหลวงตาบัวฯ เป็นซ่องโจร และเป็นแหล่งค้าเสือข้ามชาติ ซึ่งตนในฐานะไวยาวัจกร ของวัดก็คงจะไม่ปล่อยให้กลุ่มบุคคลใส่ร้ายป้ายสีเพียงฝ่ายเดียวอย่างแน่นอน และก็คงต้องไปพิสูจน์กันในชั้นศาลว่า ทางวัดเป็นซ่องโจร และเป็นแหล่งค้าเสือข้ามชาติจริงหรือไม่

ที่ผ่านมา หมอสมชัย บอกมาโดยตลอดว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อทางวัด ตนต้องขอเรียนชี้แจงให้ประชาชนทั่วไปทราบว่า หมอสมชัย มีส่วนเกี่ยวข้องต่อทางวัดอย่างแน่นอน เพราะหมอสมชัย บอกว่าเป็นจิตอาสาเข้ามาดูแลเสือของกลางตั้งแต่ต้น ถามว่าหมอสมชัย เป็นจิตอาสาประเภทไหน เพราะรับเงินจากวัดสัปดาห์ละ 6,000 บาทมาโดยตลอด
นอกจากนี้ ยังมีการทำโครงการต่างๆ ขึ้นมาอีกหลายโครงการ และมีการนำเงินออกไปใช้สำหรับโครงการอีกจำนวนหลายล้านบาท เช่น โครงการหมอควาย โครงการหมอคน เป็นต้น แต่ข้อมูลรายละเอียดตนขอปิดเอาไว้ก่อนเพราะเป็นข้อมูลที่ต้องนำไปฟ้องร้องต่อศาลในอนาคตอันใกล้นี้

อย่างไรก็ตาม ขอเรียนให้ประชาชนทราบว่า การจ้องทำลายชื่อเสียงของวัดนั้นมันเป็นขบวนการร่วมมือกันระหว่างบุคคลที่อยู่ในวัด และหน่วยงานภาครัฐที่วางแผนกันอย่างแยบยลในการปล้นเสือออกไปจากวัดในครั้งนี้ ซึ่งจะนำข้อมูลหลักฐานที่กำลังรวบรวมอยู่ออกมาเปิดเผยให้ประชาชนได้รับทราบเป็นระยะๆ เพื่อให้สังคมไทยได้รับรู้ข้อมูลที่เป็นความจริง

ส่วนเรื่องการฟ้องร้องหน่วยงานรัฐ และกลุ่มคนที่เคยอยู่ในวัดทั้งสองกลุ่ม ในอนาคตหากศาลตัดสินออกมาว่าทางวัดผิด ก็ขอให้ดำเนินคดีด้วยการลงโทษให้สาสมต่อความผิด แต่ถ้าหากศาลตัดสินว่าวัดไม่ผิดก็ขอให้ลงโทษต่อหน่วยงานรัฐ และกลุ่มบุคคลให้หนักด้วยเช่นกัน เพราะบ้านเมืองของเราเป็นนิติรัฐต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่มีใครสามารถอยู่เหนือกฎหมายไปได้.
กำลังโหลดความคิดเห็น