"หมอวรงค์" ชี้ "ทนายปู" ยื่นอุทธรณ์ "จิรชัย"ฐานฏิบัติหน้าที่มิชอบกรณีจำนำข้าว แค่แก้เกี้ยว เป็นเทคนิคการต่อสู้คดี
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปยื่นอุทธรณ์ คดีที่ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง คดีที่นายจิระชัย มูลทองโร่ย รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำข้าว ที่ถูกฟ้องว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ในการรวบรวมพยานหลักฐานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีสิทธิ์ที่จะทำได้ตามที่กฏหมายให้โอกาส แต่สิ่งที่สำคัญเมื่อศาลมีคำวินิจฉัยออกมา ก็ต้องยอมรับในกระบวนการ และในทำนองเดียวกัน วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้สิทธิ์เต็มที่ตามกระบวนการ ดังนั้น สิ่งที่คนอื่นเขาฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผลจะออกมาเช่นไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ต้องยอมรับเช่นกัน ส่วนผลคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ จะยืนตามศาลชั้นต้น หรือมีการเปลี่ยนแปลง เราคงไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ทุกภาคส่วนในสังคมก็รับทราบว่า นายจิรชัย ได้ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ ที่มอบหมาย และสังคมก็รับทราบถึงความเสียหายต่างๆที่เกิดขึ้นของโครงการรับจำนำข้าว
"ผมมีข้อสังเกตการฟ้องคุณจิระชัยครั้งนี้ เนื่องคุณจิรชัย จะต้องไปเป็นพยานศาลในคดีอาญาของคุณยิ่งลักษณ์ด้วย ดังนั้น การมาฟ้องครั้งนี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีละเมิด อาจจะเป็นการฟ้องแก้เกี้ยว เพื่อจะได้มาเป็นข้ออ้างบางอย่างในคดีอาญาก็ได้" น.พ.วรงค์ กล่าว
ด้านนายราเมศ รัตนเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การยื่นอุทธรณ์ เป็นสิทธิ์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ตนคิดว่าคดีนี้ ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่น่าจะฟ้อง เพราะนายจิรชัย ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งทำตามกระบวนการและหน้าที่ ไม่มีประเด็นจุดไหนที่กระทำโดยมิชอบ หรือกลั่นแกล้ง ทุกอย่างเป็นกระบวนการตามขั้นตอนการสอบสวน ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ สามารถต่อสู้ได้ทุกกระบวนการของกฎหมายอยู่แล้ว แต่กรณีนี้อาจจะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐ ที่เกี่ยวข้องกับคดีจำนำข้าวเสียขวัญและกำลังใจ ซึ่งก็เป็นเทคนิคการต่อสู้คดีของทีมทนายน.ส.ยิ่งลักษณ์
นายราเมศ กล่าวว่า ขอให้กำลังใจนายจิรชัย เพราะสังคมก็เห็นว่า นายจิรชัยปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่และดำเนินการไปตามกฎหมายกำหนด และให้เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ต้องพูดความจริง ทำในสิ่งที่ถูกต้องมากที่สุด เพราะถ้าทำถูกต้องแล้ว แม้ใครจะมาฟ้องคงทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าไปเกรงกลัว ไม่พูดความจริง ท้ายที่สุดก็จะกลับมาเข้าตัวเอง ส่วนความเป็นไปได้หรือไม่ที่ศาลอุทธรณ์ จะยืนตามศาลชั้นต้นนั้น นายราเมศ กล่าวว่า เป็นดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ ว่าจะพิพากษาอย่างไร
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปยื่นอุทธรณ์ คดีที่ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง คดีที่นายจิระชัย มูลทองโร่ย รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำข้าว ที่ถูกฟ้องว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ในการรวบรวมพยานหลักฐานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีสิทธิ์ที่จะทำได้ตามที่กฏหมายให้โอกาส แต่สิ่งที่สำคัญเมื่อศาลมีคำวินิจฉัยออกมา ก็ต้องยอมรับในกระบวนการ และในทำนองเดียวกัน วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้สิทธิ์เต็มที่ตามกระบวนการ ดังนั้น สิ่งที่คนอื่นเขาฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผลจะออกมาเช่นไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ต้องยอมรับเช่นกัน ส่วนผลคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ จะยืนตามศาลชั้นต้น หรือมีการเปลี่ยนแปลง เราคงไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ทุกภาคส่วนในสังคมก็รับทราบว่า นายจิรชัย ได้ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ ที่มอบหมาย และสังคมก็รับทราบถึงความเสียหายต่างๆที่เกิดขึ้นของโครงการรับจำนำข้าว
"ผมมีข้อสังเกตการฟ้องคุณจิระชัยครั้งนี้ เนื่องคุณจิรชัย จะต้องไปเป็นพยานศาลในคดีอาญาของคุณยิ่งลักษณ์ด้วย ดังนั้น การมาฟ้องครั้งนี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีละเมิด อาจจะเป็นการฟ้องแก้เกี้ยว เพื่อจะได้มาเป็นข้ออ้างบางอย่างในคดีอาญาก็ได้" น.พ.วรงค์ กล่าว
ด้านนายราเมศ รัตนเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การยื่นอุทธรณ์ เป็นสิทธิ์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ตนคิดว่าคดีนี้ ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่น่าจะฟ้อง เพราะนายจิรชัย ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งทำตามกระบวนการและหน้าที่ ไม่มีประเด็นจุดไหนที่กระทำโดยมิชอบ หรือกลั่นแกล้ง ทุกอย่างเป็นกระบวนการตามขั้นตอนการสอบสวน ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ สามารถต่อสู้ได้ทุกกระบวนการของกฎหมายอยู่แล้ว แต่กรณีนี้อาจจะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐ ที่เกี่ยวข้องกับคดีจำนำข้าวเสียขวัญและกำลังใจ ซึ่งก็เป็นเทคนิคการต่อสู้คดีของทีมทนายน.ส.ยิ่งลักษณ์
นายราเมศ กล่าวว่า ขอให้กำลังใจนายจิรชัย เพราะสังคมก็เห็นว่า นายจิรชัยปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่และดำเนินการไปตามกฎหมายกำหนด และให้เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ต้องพูดความจริง ทำในสิ่งที่ถูกต้องมากที่สุด เพราะถ้าทำถูกต้องแล้ว แม้ใครจะมาฟ้องคงทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าไปเกรงกลัว ไม่พูดความจริง ท้ายที่สุดก็จะกลับมาเข้าตัวเอง ส่วนความเป็นไปได้หรือไม่ที่ศาลอุทธรณ์ จะยืนตามศาลชั้นต้นนั้น นายราเมศ กล่าวว่า เป็นดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ ว่าจะพิพากษาอย่างไร