xs
xsm
sm
md
lg

กกต.หาช่องยุบ“เพื่อไทย” นัดโพสต์เฟซขัดคำสั่ง คสช. “อ้วน”สับประชามติเพี้ยน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการายวัน 360 - "สมชัย" ยันก๊วน “เพื่อไทย” โพสต์เฟซบุ๊กไม่รับร่าง รธน. ไม่ผิด พ.ร.บ.ประชามติ แต่อาจขัดคำสั่ง คสช. หากพบเชื่อมโยงพรรค มีสิทธิถูกยุบ "วิษณุ" มั่นใจการทำประชามติ ยังราบรื่น “ภูมิธรรม” โวยปิดกั้นจนไม่มีเวทีแสดงความเห็น จวกประชามติสึดเพี้ยน ปิดหากคนเห็นต่าง "องอาจ" เชื่อแกนนำพรรคเพื่อไทยไตร่ตรองแล้วก่อนโพสต์ไม่รับร่างฯ แต่ไม่น่าผิดกม. เหตุไม่ก้าวร้าว-หยาบคาย

วานนี้ (16 มิ.ย.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึง กรณีที่สมาชิกพรรคเพื่อไทย ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กพร้อมกันว่าไม่รับร่างรัฐธรรมนูญว่า การแสดงความเห็นของประชาชน ไม่ว่าบุคคลเหล่านั้นจะมีฐานะเป็นผู้บริหารของพรรคการเมือง หรือเป็นบุคคลทั่วไป หากดำเนินการโดยสุจริต มีเหตุมีผล ไม่ใช้ถ้อยคำเท็จ ไม่หยาบคาย หรือไม่ปลุกระดม สามารถทำได้ตามปกติ ซึ่งถ้อยคำต่างๆ ที่ปรากฏออกมา ก็พบว่ายังอยู่ในขอบเขตที่รับได้ แต่จะต้องพิสูจน์ว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการกระทำโดยตัวบุคคลหรือไม่ หากทำโดยบุคคลโดยไม่ใช้ข้อความที่เท็จหยาบคายหรือปลุกระดม ก็ไม่ถือว่าผิด แต่ถ้าทำกันเป็นขบวนการ โดยพรรคการเมืองเป็นผู้ดำเนินการภายใต้ผู้บริหารพรรค แม้จะไม่ถือว่าผิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ แต่หากตรวจพิสูจน์ได้ว่า มีความเชื่อมโยงกับพรรคเพื่อไทย ก็จะผิดผิดคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมือง ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองจะต้องเป็นผู้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงขั้นยุบพรรค

ส่วนที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มองว่า เนื้อหาที่โพสต์ของสมาชิกพรรคเพื่อไทยบางคน มีข้อความที่บิดเบือนเนื้อหาในร่างรัฐธรนรมนูญนั้น นายสมชัย กล่าวว่า ก็สามารถส่งเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบได้ หรือจะไปแจ้งความดำเนินคดีเองก็สามารถทำได้

** “วิษณุ” เตือนระวังป่วนซ้ำหน้า กกต.

ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกคนทำอะไรไป ต้องรับผิดชอบการกระทำตนเอง ส่วนจะมีความผิดหรือไม่นั้น ตนไม่มีความเห็น จะไปบอกว่าทำได้ แล้วปรากฏว่าทำไม่ได้ขึ้นมาจะมาตำหนิตนอีกต่อให้ทำมากกว่านี้ ตนก็ตอบไม่ได้ว่า เขาผิดหรือไม่ เพราะบอกไปเขาก็ไม่เชื่อไม่ฟังอยู่แล้ว เชื่อว่าการกระทำดังกล่าวไม่น่าจะมีผลต่อการตัดสินใจของประชาชน เพราะประเทศไทยไม่ได้อยู่ภายใต้การชี้นำของใคร ใครจะรับก็รับ ใครจะไม่รับก็ไม่รับ แต่พอพูดพร้อมๆกัน จะผิดหรือไม่ผิด มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่เกี่ยวข้องกับการชี้นำ หรือไม่ชี้นำ การกระทำต้องดูในฝ่ายผู้ทำมากกว่าที่จะไปดูผล และจนขณะนี้ ยังไม่มีอะไรเป็นสัญญาณที่จะทำให้การทำประชามติไม่ราบรื่น ในส่วนที่คาดกันไว้ หรือเกรงว่าจะเกิดก็คงมี เพราะข่าวนำเสนอกันอยู่ แต่ถ้าเราดูจากสิ่งที่ปรากฏ มันไม่มีอะไรที่น่ากลัว เชื่อว่าราบรื่น แต่บางเรื่องที่อยู่ในใจคนหรือกำลังคิดเตรียมการซึ่งมีรายงานตนตอบไม่ได้ว่าสุดท้ายมันจะราบรื่นหรือไม่ ตัวอย่างเหตุการณ์เล็กๆ ที่หน้าสำนักงาน กกต. เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ถ้ามีเหตุการณ์ที่ใหญ่กว่านี้ ถือว่าน่ากลัว มันจะกลับไปสู่เหตุการณ์ก่อน 22 พ.ค.57 อย่างนั้นต้องระวังกันไว้ อย่าให้เกิด

** “ภูมิธรรม” ซัดประชามติไทยสุดเพี้ยน

ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชชชัย รักษาการเลข่ธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนรู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในสังคมที่ผิดปกติและแปลกประหลาดไปทุกวัน ในสังคมอารยะ เมื่อมีข้อขัดแย้งหรือต้องการการตัดสินใจใหญ่ที่จะมีผลกระทบต่อประเทศและสังคมโดยรวม ทางออกที่ทั่วโลกเลือกใช้เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างกันคือ การหาข้อยุติจากการทำประชามติของคนที่อยู่ร่วมในสังคมเดียวกัน และต้องเป็นประชามติที่อิสระและเป็นธรรมที่ทุกฝ่ายสามารถถกเถียงกันได้อย่างเต็มที่ ประชามติที่สมบูรณ์ควรจะเปิดให้ประชาชนทุกภาคส่วนร่วมกันอภิปรายถกเถียงอย่างกว้างขวาง เพื่อให้ได้ทางออกที่ดีที่สุดในการตัดสินใจ แต่พออดีตนักการเมือลและอดีตรัฐมนตรีออกมาแสดงความคิดเห็นห่วงใยบ้านเมือง กลับถูกผู้มีอำนาจในปัจจุบันบางส่วนแสดงท่าทีประหนึ่งว่า การแสดงความคิดเห็นของท่านเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ผิดหรือกระทำไม่ได้

“การทำประชามติครั้งนี้ต้องถือว่าแปลกประหลาด เพราะบรรยากาศที่จะให้ฝ่ายต่างๆได้รับโอกาสในการพูดคุยถกเถียงมีน้อยมาก โดยเกือบจะกล่าวได้ว่า ฝ่ายผู้สนับสนุนให้รับ สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่ฝ่ายผู้เห็นต่างแทบจะไม่มีเวทีในการแสดงออก” นายภูมิธรรม ระบุ

** “องอาจ” เชื่อชี้นำใครไม่ได้

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่แกนนำพรรคเพื่อไทยโพสต์ข้อความไม่รับร่างรัฐธรรมนูญผ่านเฟซบุ๊กย่อมเป็นสิทธิเสรีภาพที่สามารถทำได้ เพราะน่าจะเป็นการแสดงจุดยืน พร้อมเหตุผลของแต่ละคน ซึ่งการทำประชามติ ประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะพูดว่า ตัวเองเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย หรือมีข้อดี ข้อด้อย อย่างไร ส่วนที่บางฝ่ายมองว่าเป็นการชี้นำ ตนเห็นว่า แม้จะเป็นการชี้นำ ก็น่าจะสามารถกระทำได้ เพราะการที่เราจะไปชี้นำใคร ขึ้นอยู่กับว่า คนที่ได้รับฟังข้อมูลจากเรา จะเห็นด้วยหรือไม่ เพราะการแสดงออกเช่นนี้ ไม่น่าจะมีผลอะไรมากต่อการทำประชามติ ในทางตรงข้าม เราควรปล่อยให้ประชาชนได้มีสิทธิ์แสดงออกเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญได้อย่างกว้างขวาง ทั้งนักการเมือง นักวิชาการ นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไปด้วย ดังนั้น ผู้มีอำนาจในบ้านเมือง รวมทั้ง กกต. ที่ดูแลการทำประชามติ ไม่ควรที่จะแสดงออกใดๆ ที่จะนำไปสู่การปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของประชาชน และยังไม่เห็นว่า การกระทำดังกล่าวจะนำไปสู่การผิดกฎหมายแต่อย่างใด เพราะไม่ได้ใช้ถ้อยคำก้าวร้าว หยาบคาย แต่หากใครคิดว่าสิ่งที่แกนนำพรรคเพื่อไทยกระทำ ผิดกฎหมาย ก็สามารถไปดำเนินคดีตามกฎหมายได้ เพราะประชาชนทั่วไป มีสิทธิ์กล่าวโทษ ร้องทุกข์ ดำเนินคดีตามกฎหมายได้อยู่แล้ว

“คิดว่าแกนนำพรรคเพื่อไทย คงมีการพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้วก่อนโพสต์ และไม่น่าจะเป็นเหตุนำไปสู่ความวุ่นวาย เพราะเป็นการแสดงความคิดเห็นตามปกติ เมื่อเราทำประชามติ ประชาชนต้องสามารถแสดงจุดยืนได้” นายองอาจ กล่าว
.
กำลังโหลดความคิดเห็น