ผู้จัดการรายวัน360-อนุกมธ. ปราบทุจริต สปท. แฉ "คิง เพาเวอร์" ส่งบริษัทลูกเซ็นสัญญากับ ทอท. เช่าพื้นที่สุวรรณภูมิ ทั้งที่ไม่ได้เป็นผู้ซื้อซองประกวดราคา ยันสัญญาเป็นโมฆะตั้งแต่ต้น เรียกร้องรัฐบาลยึดเงินค่าเสียหายหลายหมื่นล้านบาทคืนหลวง แทนรีดภาษีประชาชน
นายชาญชัย อิระเสนารักษ์ ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการวิสามัญศึกษากลไกปราบปรามทุจริต ในสังกัดคณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนเพื่อการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้ตรวจสอบสัญญาการประมูลให้สัมปทานพื้นที่ในสุวรรณภูมิ ระหว่างบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กับบริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยพบหลักฐานความผิดชัดเจนในหลายเรื่อง ตั้งแต่การซื้อซองประกวดราคา การเซ็นสัญญา ซึ่งถือเป็นโมฆะตั้งแต่เริ่มต้น และผิดกฎหมายหลายฉบับ
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมาธิการฯ พบว่า บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ไม่ได้เป็นผู้ซื้อซองประกวดราคา และไม่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาใดๆ ทั้งสิ้น และในการพิจารณาสัญญา ได้มีมติอนุมัติสัญญา เมื่อวันที่ 11 มี.ค.2548 และเสนอต่อบอร์ดในการเซ็นสัญญากับบริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด แต่เวลาลงนามในสัญญากลับกลายเป็นบริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด มาลงนามแทน ทั้งที่พึ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 23 มี.ค.2548 ก่อนที่จะมีการลงนามสัญญา 2 วัน
"ตั้งแต่มีการเซ็นสัญญา ถือเป็นโมฆะตั้งแต่เริ่มต้น และผิดกฎมายหลายฉบับ ทั้งการให้เอกชนเข้ามาเช่าพื้นที่ ผู้ที่เข้ามาซื้อแบบประกวดราคา คือ บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หลีกเลี่ยงไม่มาเซ็นสัญญาเอง และไม่จ่ายเงินจากการไม่จ่ายภาษี จนก่อให้เกิดความเสียหายตามมาหลายหมื่นล้านบาท เป็นความผิดตั้งแต่ลักไก่เริ่มแรกจนถึงตอนนี้ โดยยังไม่มีการแก้ไขใดๆ และไม่มีการทำให้ถูกต้อง จึงควรเรียกทรัพย์สินบางส่วนที่หลายหมื่นล้านเสียหายมาคืน ถ้าเรียกได้ในรัฐบาลชุดนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องไปขึ้นภาษี จนสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชน"นายชาญชัย กล่าว
นายชาญชัย อิระเสนารักษ์ ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการวิสามัญศึกษากลไกปราบปรามทุจริต ในสังกัดคณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนเพื่อการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้ตรวจสอบสัญญาการประมูลให้สัมปทานพื้นที่ในสุวรรณภูมิ ระหว่างบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กับบริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยพบหลักฐานความผิดชัดเจนในหลายเรื่อง ตั้งแต่การซื้อซองประกวดราคา การเซ็นสัญญา ซึ่งถือเป็นโมฆะตั้งแต่เริ่มต้น และผิดกฎหมายหลายฉบับ
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมาธิการฯ พบว่า บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ไม่ได้เป็นผู้ซื้อซองประกวดราคา และไม่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาใดๆ ทั้งสิ้น และในการพิจารณาสัญญา ได้มีมติอนุมัติสัญญา เมื่อวันที่ 11 มี.ค.2548 และเสนอต่อบอร์ดในการเซ็นสัญญากับบริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด แต่เวลาลงนามในสัญญากลับกลายเป็นบริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด มาลงนามแทน ทั้งที่พึ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 23 มี.ค.2548 ก่อนที่จะมีการลงนามสัญญา 2 วัน
"ตั้งแต่มีการเซ็นสัญญา ถือเป็นโมฆะตั้งแต่เริ่มต้น และผิดกฎมายหลายฉบับ ทั้งการให้เอกชนเข้ามาเช่าพื้นที่ ผู้ที่เข้ามาซื้อแบบประกวดราคา คือ บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หลีกเลี่ยงไม่มาเซ็นสัญญาเอง และไม่จ่ายเงินจากการไม่จ่ายภาษี จนก่อให้เกิดความเสียหายตามมาหลายหมื่นล้านบาท เป็นความผิดตั้งแต่ลักไก่เริ่มแรกจนถึงตอนนี้ โดยยังไม่มีการแก้ไขใดๆ และไม่มีการทำให้ถูกต้อง จึงควรเรียกทรัพย์สินบางส่วนที่หลายหมื่นล้านเสียหายมาคืน ถ้าเรียกได้ในรัฐบาลชุดนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องไปขึ้นภาษี จนสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชน"นายชาญชัย กล่าว
