วานนี้ (6มิ.ย.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมผู้บริหารสถานีดิจิตอลทีวี 19 ช่อง เพื่อจัดสรรเวลา ในการออกอากาศการออกเสียงประชามติร่างรธน. ว่า สถานีดิจิตอลทีวีทั้งหมดพร้อมให้ความร่วมมือกับกกต.ในการเผยแพร่ร่างรธน. และการออกเสียงประชามติ โดยจะเกี่ยวสัญญาณถ่ายทอดตั้งแต่ 17.30-18.00 น. หรือสามารถนำไปออกอากาศซ้ำภายในวันเดียวกัน ตั้งแต่เวลา 18.30 น.-21.30 น. รวมทั้งสามารถนำไปออกอากาศในวันถัดไป โดยขอให้สถานีดิจิตอล แจ้งผังรายการให้ กกต.รับทราบภายในวันศุกร์นี้
ด้านนายสุภาพ คลี่ขจาย นายกสมาคมผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล กล่าวว่า เรายินดีสนับสนุนราชการและ กกต.ในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้คนมาออกเสียงประชามติเป็นจำนวนมาก และได้เสนอกับกกต. หากให้ทุกช่องออกอากาศรายการพร้อมกัน ทำให้เกิดประโยชน์น้อย ดังนั้น เสนอให้ออกอากาศคนละเวลา เชื่อว่าจะสามารถดักคนดูได้มากกว่าการออกอากาศพร้อมกัน
ทั้งนี้ นายสมชัย ยังกล่าวกรณี นปช. เรียกร้องให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการทำประชามติ ยุติการเตรียมการเกี่ยวกับประชามติไว้ จนกว่าศาลรธน.จะมีคำวินิจฉัยว่า ไม่สามารถทำได้ ตราบใดที่กฎหมายบังคับใช้อยู่ ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ไป ไม่เช่นนั้นจะถูกฟ้องว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ ทั้งนี้ถ้าศาลวินิจฉัยว่าขัดรธน.ชั่วคราว ฝ่ายที่มีบทบาทในการยกร่างฯ ต้องเป็นผู้เสนอแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติใหม่ โดยอาจจะให้รัฐบาล สนช. หรือ กกต. เป็นผู้ยกร่างฯแก้ไข หรือจะตัดเอาวรรคดังกล่าวออก รวมถึงอาจเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลง แล้วส่งให้ สนช.พิจารณาให้ความเห็นชอบ จากนั้นก็ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเพื่อประกาศใช้ต่อไป
นอกจากนี้ กกต.จะมาดูว่าระเบียบ หรือประกาศของกกต. ขัดแย้งกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติฯ หรือไม่ ถ้าขัดแย้งก็จะแก้ไขให้สอดคล้อง
เมื่อถามว่า ศาลฯ จะพิจารณาแล้วเสร็จภายใน 7 ส.ค. หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ไม่มีใครตอบได้ หรือเร่งรัดใครได้ ควรให้เวลาศาลพิจารณาอย่างเพียงพอ และยืนยันอีกครั้งว่า กกต.ไม่มีอำนาจเลื่อนวันออกเสียงประชามติได้ แต่สามารถขยับให้อยู่ให้อยู่กรอบ 120 วัน ซึ่งขยับไปอีกได้แค่ 4 วัน และจะทำให้การลงมติ จะไม่ตรงกับวันหยุด ยกเว้นจะแก้ไขรธน.ชั่วคราว จึงจะเลื่อนได้
ด้านนายสุภาพ คลี่ขจาย นายกสมาคมผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล กล่าวว่า เรายินดีสนับสนุนราชการและ กกต.ในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้คนมาออกเสียงประชามติเป็นจำนวนมาก และได้เสนอกับกกต. หากให้ทุกช่องออกอากาศรายการพร้อมกัน ทำให้เกิดประโยชน์น้อย ดังนั้น เสนอให้ออกอากาศคนละเวลา เชื่อว่าจะสามารถดักคนดูได้มากกว่าการออกอากาศพร้อมกัน
ทั้งนี้ นายสมชัย ยังกล่าวกรณี นปช. เรียกร้องให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการทำประชามติ ยุติการเตรียมการเกี่ยวกับประชามติไว้ จนกว่าศาลรธน.จะมีคำวินิจฉัยว่า ไม่สามารถทำได้ ตราบใดที่กฎหมายบังคับใช้อยู่ ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ไป ไม่เช่นนั้นจะถูกฟ้องว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ ทั้งนี้ถ้าศาลวินิจฉัยว่าขัดรธน.ชั่วคราว ฝ่ายที่มีบทบาทในการยกร่างฯ ต้องเป็นผู้เสนอแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติใหม่ โดยอาจจะให้รัฐบาล สนช. หรือ กกต. เป็นผู้ยกร่างฯแก้ไข หรือจะตัดเอาวรรคดังกล่าวออก รวมถึงอาจเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลง แล้วส่งให้ สนช.พิจารณาให้ความเห็นชอบ จากนั้นก็ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเพื่อประกาศใช้ต่อไป
นอกจากนี้ กกต.จะมาดูว่าระเบียบ หรือประกาศของกกต. ขัดแย้งกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติฯ หรือไม่ ถ้าขัดแย้งก็จะแก้ไขให้สอดคล้อง
เมื่อถามว่า ศาลฯ จะพิจารณาแล้วเสร็จภายใน 7 ส.ค. หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ไม่มีใครตอบได้ หรือเร่งรัดใครได้ ควรให้เวลาศาลพิจารณาอย่างเพียงพอ และยืนยันอีกครั้งว่า กกต.ไม่มีอำนาจเลื่อนวันออกเสียงประชามติได้ แต่สามารถขยับให้อยู่ให้อยู่กรอบ 120 วัน ซึ่งขยับไปอีกได้แค่ 4 วัน และจะทำให้การลงมติ จะไม่ตรงกับวันหยุด ยกเว้นจะแก้ไขรธน.ชั่วคราว จึงจะเลื่อนได้