xs
xsm
sm
md
lg

ยกฟ้อง“สนธิ-ASTV” หมิ่น“แม้ว”ซื้อขรก. “จตุพร”คุก6เดือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน 360 - ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง “สนธิ - เอเอสทีวี” ไม่หมิ่น “ทักษิณ” พาดพิงใช้เงินซื้อ ขรก.-ทำสถาบันฯอ่อนแอ ชี้ปราศรัยติชมด้วยความเป็นธรรม “ตู่-จตุพร” โดนอีก ศาลฎีกาพิพากษากลับจำคุก 6 เดือน รอลงอาญา 2 ปี ปรับ 5 หมื่น ปราศัยหมิ่น “อภิสิทธิ์” ตีตนเสมอเจ้า ขณะที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนยกฟ้อง “เฉลิม” ไม่หมิ่น “ศรีสุบรรณฟาร์ม” ทำตามอำนาจหน้าที่ รมว.มหาดไทย

วานนี้ (2 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ ที่ อ.1252/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 โจทก์ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (ยศในขณะนั้น) โจทก์ร่วมยื่นฟ้อง บริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด โดย นายพชร สมุทวณิช และ นายขุนทอง ลอเสรีวานิช กรรมการผู้มีอำนาจ, บริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด โดย นายปัญจภัทร อังคสุวรรณ และ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ กรรมการผู้มีอำนาจ และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร การกระจายเสียงหรือภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 กรณีปราศรัยหมิ่น พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยในวันนี้ นายสนธิ และจำเลยทั้งหมดได้เดินทางมาที่ศาล

** ศาลชี้ปราศรัยติชมโดยสุจริต

โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 14 ต.ค.51 นายสนธิ ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ บริเวณทำเนียบรัฐบาล ผ่านเครื่องขยายเสียงให้ผู้ชุมนุมจำนวนมากฟังทำนองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จาบจ้วงสถาบัน และพยายามซื้อรากหญ้า ยึดตำรวจและเอาเงินไปจ่ายให้ทหารบางคนเพื่อให้สถาบันกษัตริย์อ่อนแอ ทำลายรากฐานของกษัตริย์ โดยมีจำเลยที่ 1-2 เป็นผู้ถ่ายทอดสัญญาณภาพและเสียงผ่านสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี และเว็บไซต์ผู้จัดการ ซึ่งข้อความที่นายสนธิกล่าวทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้เสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง เหตุเกิดที่แขวงและเขตดุสิต กทม.และทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรไทย จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้อง เนื่องจากพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วข้อความเป็นการวิพากษ์วิจารณ์หรือแสดงความเห็นด้วยความเป็นธรรม ไม่ได้เป็นการกล่าวหมิ่นประมาทโจทก์แต่อย่างใด ต่อมาอัยการโจทก์ไม่ยื่นอุทธรณ์ แต่โจทก์ร่วมยื่นขออุทธรณ์ขอให้ศาลลงโทษตามกฎหมาย

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า บางข้อความที่นายสนธิกล่าวบางส่วน แม้จะเป็นข้อความหมิ่นประมาทที่ให้โจทก์ร่วมเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ฝ่ายจำเลยนำสืบปรากฏว่ามีบุคคลอื่นๆที่มีความเกี่ยวพันร่วมกับโจทก์ร่วมในทางการเมือง บุคคลใกล้ชิดและบริวารโจทก์ร่วมเคยถูกดำเนินคดีอาญาข้อหาความผิดหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามมาตรา 112 จึงเห็นว่าการที่นายสนธิมีความเชื่อหรือสงสัยว่าโจทก์ร่วมอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย อันเป็นการแสดงความเห็น หรือกล่าวติชม ด้วยความเป็นธรรมในเรื่องบ้านเมืองและกิจการสาธารณะที่บุคคลและประชาชนทั่วไปสามารถกระทำได้ จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (3) เมื่อศาลพิพากษาว่าการกระทำของจำเลยที่ 3 ไม่เป็นความผิด จำเลยที่ 1 และ 2 จึงไม่มีความผิดด้วย ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืนให้ยกฟ้อง

** “จตุพร” โดน 6 เดือนหมิ่น “มาร์ค”

อีกด้าน ที่ห้องพิจารณา 905 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมิ่นประมาท หมายเลขดำที่ อ.404/2552 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 332 คำฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 13 ม.ค.52 จำเลยแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนบริเวณที่ทำการพรรคเพื่อไทย มีเจตนาหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ทำนองว่าโจทก์ไม่ถวายความเคารพองค์พระมหากษัตริย์ ในขณะเข้าเฝ้าฯ ประชาชนคนไทยต้องพึงปฏิบัติ และโจทก์ทำตัวตีเสมอพระเจ้าแผ่นดิน การกระทำของโจทก์กระทบกระเทือนความรู้สึกของคนไทยทั่วประเทศ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและเกลียดชัง ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วยจำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 10 ก.ค.57 เห็นว่าจำเลยกระทำผิดจริง พิพากษาจำคุก 6 เดือน ปรับ 5 หมื่นบาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี และให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาลงในหนังสือพิมพ์เอเอสทีวี-ผู้จัดการรายวัน และหนังสือพิมพ์มติชน เป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน ต่อมานายจตุพรได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การกระทำของนายจตุพรไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท อุทธรณ์ จำเลยฟังขึ้น พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ต่อมานายอภิสิทธิ์ยื่นขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยด้วย ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว เห็นว่า ได้ความจากโจทก์ว่าในการเข้าเฝ้าฯ ถวายรายงานในพระราชวังนั้น ฝ่ายสำนักราชเลขาธิการสำนักพระราชวังเป็นผู้กำหนดลำดับพิธีการ และในอดีตก็มีนายกรัฐมนตรีหลายคนที่เข้าเฝ้าฯ ในลักษณะเช่นเดียวกับโจทก์มาแล้ว การกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่การติชมด้วยความเป็นธรรม ถ้อยคำใส่ความโจทก์ให้ประชาชนเข้าใจว่าโจทก์ไม่แสดงความเคารพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องมา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย พิพากษากลับให้ลงโทษตามศาลชั้นต้น จำคุก 6 เดือนปรับ 5 หมื่นบาท โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษ 2 ปี และให้ลงคำพิพากษาย่อในหนังสือพิมพ์เป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน

ซึ่ง นายจตุพรที่มารับฟังคำพิพากษาได้กล่าวว่า เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาเช่นนี้ตนก็น้อมรับไปปฏิบัติ

** “เฉลิม” รอดไม่หมิ่น “ศรีสุบรรณฟาร์ม”

ที่ห้องพิจารณา 904 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำที่ อ.1185/2551 ที่บริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม จำกัด โดย นายผดุงเกียรติ พรหมแก้ว ผู้รับมอบอำนาจและผู้ถือหุ้น เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า วันที่ 24 มี.ค.51 ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กล่าวถึง บริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม จำกัด ถือครองเอกสารสิทธิที่ดินใน อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 59 แปลง กว่า 1,300 ไร่ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทำให้โจทก์ เสื่อมเสียชื่อเสียง ชั้นพิจารณา ร.ต.อ.เฉลิม จำเลยให้การปฏิเสธโดยตลอด คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาพิพากษายกฟ้อง ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้พิพากษาลงโทษจำเลย ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษามา ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยพิพากษายืน ภายหลัง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวเพียงสั้นๆ ตนเองรู้สึกว่าดีใจ.
กำลังโหลดความคิดเห็น