"ประยุทธ์"บอกยังไม่อยากใช้อำนาจจัดการ"ธัมมชโย" ขอเวลาให้กระบวนการยุติธรรม- ฝ่ายความมั่นคงดำเนินการ ยอมรับห่วงสถานการณ์ม็อบชนม็อบ "วิษณุ" แนะต้องใช้พระธรรมวินัยด้วย บอกให้ "สมเด็จช่วง"ช่วย ดีเอสไอควรประสานภายใน ไม่ใช่เอิกเกริก เพราะตามลำดับ ต้องให้เจ้าคณะจังหวัดก่อน ชี้โยน มส.จัดการ อาจเป็นการสร้างวิกฤติใหม่ "บิ๊กต๊อก"ปัดรับเงิน 2 พันล้าน ล้มคดี ขู่ฟ้องศิษย์ธรรมกาย หมิ่นการทำงาน จนท. ขณะที่ "ดีเอสไอ" ขอกำลังชุดปราบจลาจล 4 กองร้อย พร้อม ฮ.1 ลำ เตรียมแผนบุกรวบ "ธัมมชโย"
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงปัญหาที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยังไม่สามารถดำเนินคดีกับ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ว่า "ยังไม่ได้ก็คือยังไม่ได้ ก็ต้องปล่อยให้เขาดำเนินการกันต่อไป ทำไมจะต้องเร่งรัด ขณะนี้ทราบว่าคณะสงฆ์และศิษยานุศิษย์ไปพูดคุยกันอยู่ ซึ่งผลยังไม่ออกมา และผมยังไม่ได้รับรายงาน ก็อย่าไปเร่งรัดอะไรเขามาก เดี๋ยวเขาทำได้เองนั่นแหละ แต่สิ่งสำคัญคือประชาชนที่เป็นคนไทยพุทธ ต้องพิจารณาอย่างถ่องแท้ว่า อะไรเป็นอย่างไร ความเป็นมาเป็นอย่างไร อย่าไปมองในประเด็นที่ว่า ใครไปรังแกใคร ประเด็นวันนี้คือ เริ่มมาจากคดีทุจริตเกี่ยวกับสหกรณ์เครดิตยูเนียน คลองจั่น ซึ่งมีการตรวจสอบจากทุกบัญชีว่าโอนไปที่ไหน อย่างไร ใครที่เกี่ยวข้อง ก็ต้องถูกเรียกมาเพื่อให้คำชี้แจงตามกระบวนการยุติธรรม แต่เรื่องกลับบานปลายใหญ่โต ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องช่วยกันลดความขัดแย้งตรงนี้ เพราะมีผลกระทบต่อพุทธศาสนิกชน สิ่งที่ต้องพิจารณาคือ เรื่องกฎหมาย ธรรมวินัย และวินัยสงฆ์ไปพร้อมๆกัน อย่าไปมองกฎหมายอย่างเดียว ในเรื่องของกฎหมายจะต้องมาก่อนวินัยสงฆ์ แต่ผมยังไม่ได้สั่งการอะไร เพราะถือเป็นเรื่องอ่อนไหว"
อย่างไรก็ตาม เรื่องผลกระทบที่อาจจะตามมานั้น ก็ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว แต่ทั้งหมดต้องไม่ให้เกิดผลกระทบ จะดีกว่า ถ้าจะไม่ให้เกิดผลกระทบ ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งมีขั้นตอนอยู่ โดยกฎหมายมีการบัญญัติไว้ชัดเจน ว่า ทำได้เมื่อไหร่ แต่ถ้าทำแล้วเกิดความขัดแย้ง เกิดผลกระทบมาก เขาก็ไม่ทำ แต่ก็สามารถดำเนินการในวันข้างหน้าได้ ก็จะได้ไม่มาต่อว่า หรือกล่าวหารัฐบาลว่าละเว้น หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ ตาม มาตรา 157 ซึ่งมีการขู่กันไปมาอย่างนี้
ส่วนจะเกิดม็อบชนม็อบหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า " ที่พูดก็เพราะเป็นห่วง ถ้าไม่ห่วง ก็ทำไปแล้วสิ ถ้าไม่ห่วงก็ใช้อำนาจของผม แต่วันนี้ผมยังไม่ใช้อะไรสักอย่าง ก็เพราะเป็นห่วง แต่ไม่ใช่นำสิ่งนี้มาต่อสู้ ผิดถูกกับผม วันนี้ผมได้มอบหมายให้กระบวนการยุติธรรมไปดำเนินการ ซึ่ง รมว.ยุติธรรม ก็รับผิดชอบอยู่ โดยมอบหมายให้ ดีเอสไอ และฝ่ายความมั่นคงดำเนินการ มีการพูดคุยกันตลอด ว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป ไม่ใช่พอมีอำนาจก็ใช้อำนาจกันโครมๆ ผมไม่ได้สนใจคนส่วนน้อย แต่ผมสนใจคนส่วนใหญ่ ที่เขานับถือกันอยู่ จะทำอย่างไร แล้วเขาเป็นคนไทยหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าห่วงใย คำถามเหล่านี้ท่านตอบเองก็ได้ ไม่ต้องมาถามผม" นายกรัฐมนตรีกล่าว
เรื่องยังไม่จำเป็นต้องถึง มส.
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หาก ดีเอสไอ ไม่ดำเนินการจับกุม ก็มีส่วนในเรื่องละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่บางคดีที่ผู้ต้องหาหนี ก็ไม่รู้จะจับอย่างไร ซึ่งทุกอย่างต้องทำตามกระบวนการ เมื่อขั้นตอนเดินหน้าแล้ว ก็ต้องเดินต่อ ตามที่นายกรัฐมนตรีพูดถือว่าถูกต้องว่า ทุกอย่างขอให้ทำตามกฎหมาย และตนขอเพิ่มอีกคำหนึ่งเข้าไป คือ ต้องทำตามพระธรรมวินัย เรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน มีเพียงประเด็นเดียว คือ บุคคลคนหนึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินคดี
ดังนั้น จึงปล่อยให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการไปตามกฎหมาย หน้าที่ของผู้ต้องหาคือ ต้องให้ความร่วมมือ ทำให้ทุกอย่างโปร่งใส ผิดหรือไม่ผิด ก็ไปบอกกับเจ้าหน้าที่ แต่ถ้าหลบกันไปหลบกันมา มันคือความไม่โปร่งใส เท่ากับความไม่ชอบมาพากล ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าผู้ต้องหารายนี้มีลูกเล่นนั้น ตนเข้าใจ แต่เจ้าหน้าที่ต้องมีวิธีแก้ลูกเล่น กฎหมายให้อำนาจเอาไว้ตั้งเยอะแยะ
นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า ในฝ่ายของคณะสงฆ์ที่เกี่ยวข้อง ควรจะไปประสานเป็นการภายใน เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ เนื่องจากพระสงฆ์มีการปกครองกันตามลำดับ ไม่ใช่มีเรื่องอะไรก็ไปถึงพระสังฆราช หรือพระที่บวชเกิน 5 ปี ซึ่งพ้นการปกครองของพระอุปัชฌาย์ไปแล้ว คงจะเตือนอะไรยาก หรือเตือนแล้วคงไม่ฟัง เรื่องนี้เมื่อเจ้าอาวาสถูกกล่าวหา ก็อยู่ในความดูแลของเจ้าคณะจังหวัด หรือถ้าพ้นจากนี้ คือเจ้าคณะภาคหนึ่ง เจ้าคณะหนกลาง จากนั้นจึงจะถึงมหาเถรสมาคม (มส.) แต่วันนี้บอกไม่เป็นไร สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ซึ่งดำรงตำแหน่งรักษาการสมเด็จพระสังฆราชลงมาจัดการ ซึ่งข้ามขั้นตอนพระธรรมวินัย และ กฎหมายคณะสงฆ์ แต่ถ้าจะประสานเป็นการภายใน เหตุว่าเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เป็นพระอุปัชฌาย์ของพระธัมมชโย คงมีความเคารพนับถือกัน พูดจากันได้ แต่ควรเป็นการประสานภายใน ไม่ควรนำเสนอออกเป็นข่าว
"ผมเห็นด้วยถ้าจะประสานภายใน แต่พอไปออกข่าวเหมือนหนึ่งเป็นหน้าที่ ต่อไปจะเกิดปัญหา ถ้าขัดแย้งกัน ท่านบอกทำไม่ได้ หรือไม่ทำ คนจะหันโจมตีวัดปากน้ำภาษีเจริญแทนวัดพระธรรมกาย ประเด็นจะกลายเป็นเรื่องอื่น ยิ่งใครบอกเอาเรื่องให้ มส. ที่เป็นเหมือน ครม.ของพระ ถามว่า ถ้าข้าราชการคนหนึ่งทำผิด หรือถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด ตำรวจก็ไปจัดการ มีไหมที่เอาเรื่องเข้าครม. ขอให้จัดการ ซึ่งไม่มี แต่ถ้าประสานภายในแจ้งเพื่อทราบว่า มีปัญหาอะไรนั้นทำได้ ผมถึงบอกว่าอย่าไปดึง มส.มาเลย ตรงนั้นเป็นเวทีที่มีพระที่เป็นทั้งสมเด็จ และไม่ใช่สมเด็จ มีทั้งธรรมยุตและมหานิกาย มีทั้งพระที่ผมไม่รู้ว่ารู้สึกอย่างไรกับวัดพระธรรมกาย ถ้าโยนปัญหาเข้าไปในเวทีนั้น จะทำให้เกิดปัญหาใหม่ขึ้นมา แล้วถ้ามติ มส.ไม่เป็นที่สบอารมณ์คน จะกลายเป็นจำเลยของสังคม เกิดเป็นกรณีใหม่ขึ้น ทำไมต้องแก้วิกฤตหนึ่ง โดยสร้างวิกฤตใหม่" นายวิษณุ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) สามารถเข้าไปแก้ปัญหาตรงนี้ได้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า "ประสานให้ได้ วันนี้พูดก็พูด เขาได้ทำอะไรกันอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว เท่าที่เขาทำได้ เขาไม่ได้เป็นผู้ปกครองพระ แต่เป็นผู้รับใช้พระ จึงอาศัยความที่รู้จักพระเยอะ เขาก็มีวิธีการ ทุกอย่างทำเป็นการภายใน อย่าให้ออกข่าวด้วยการดึงออกมาเป็นคู่กรณี" นายวิษณุ กล่าว
"บิ๊กต๊อก"ปัดรับเงิน 2 พันล้านล้มคดี
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึง กรณีวัดพระธรรมกาย นำมวลชนมาให้กำลังใจพระธัมมชโย ว่า ดีเอสไอ ต้องทำความเข้าใจต่อบรรดาศิษยานุศิษย์ของพระธัมมชโย ว่า เรื่องราวเป็นมาอย่างไร จึงเกิดเหตุเช่นนี้ และไม่ได้เจาะจงเฉพาะใครคนใดคนหนึ่ง แต่สืบเนื่องจากคดีสหกรณ์ฯคลองจั่น รวมทั้งตนในฐานะผู้บังคับบัญชาหน่วยงานดีเอสไอ เริ่มเห็นมีหน่วยงานอื่นออกมา ไม่ใช่แค่เหล่าบรรดาลูกศิษย์ แต่กลายเป็นเรื่องของกลุ่มคน ซึ่ง 2-3 วันที่ผ่านมา มีการขยายออกไปหลายกลุ่ม และไม่ทำความเข้าใจว่า เป็นเรื่องบังคับใช้กฎหมาย จึงไม่อยากให้ไปเบี่ยงเบน และมีการพูดเสมอว่า กฎหมายประเทศไทยใช้ไม่ได้ สองมาตรฐาน ไม่ให้ความเป็นธรรม เวลาคนพูดไปพูดไม่หมด จะกลายเป็นประเด็น
การที่กลุ่มคนที่ออกมาพูดจนทำให้เกิดความเสียหายนั้น กระทรวงยุติธรรม และดีเอสไอ ไม่ได้เสียหาย จึงขอความกรุณากลุ่มบุคคลที่ออกมา หรือกลุ่มลูกศิษย์ก็ตาม ให้มาทำความเข้าใจ ถ้าสงสัยอะไรให้มาคุยกัน
"มีบุคคลประมาณ 3-4 ราย ที่ยังสงสัยในประเด็นใด สามารถเดินทางมาพบผมก็ได้ และยินดีให้ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี ดีเอสไอ ชี้แจงว่า ขั้นตอนการทำงานเป็นอย่างไร และพูดเสมอว่าไม่อยากให้ปัญหานี้กลายเป็นความขัดแย้งจุดเล็ก แต่เปลี่ยนประเด็นกลายเป็นเรื่องอื่น ซึ่งคดีสืบเนื่องมาจากสหกรณ์ฯคลองจั่น โดยบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่ใช่มีแค่พระธัมมชโย เพียงท่านเดียว หากยกเลิกการปฏิบัติ ก็ต้องยกเลิกบุคลคลที่เกี่ยวข้องอื่นอีกหลายคน ฉะนั้นเจ้าหน้าที่จะบังคับใช้กฎหมายได้อย่างไร ผมพูดเสมอว่า พนักงานสอบสวนไม่มีความผิด ต้องไปต่อสู้ในชั้นศาล" รมว.ยุติธรรม กล่าว
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ดีเอสไอ ได้ส่งหนังสือให้คณะปกครองสงฆ์เพื่อปฏิบัติตามแนวทางสงฆ์ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และเจ้าหน้าที่ระมัดระวังการทำงานอย่างรอบคอบ ซึ่งไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ เพราะจะถูกตำหนิว่า ละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ ผิดมาตรา 157 ทั้งนี้ ดีเอสไอสามารถบังคับใช้กฎหมายเลยก็ได้ แต่อยากจะให้พูดคุยกัน และบอกองค์กรที่เกี่ยวข้องมาช่วยแก้ปัญหา เนื่องจากสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ อยู่ในฐานะผู้ปกครองสงฆ์ สามารถสั่งการลงมาเป็นระดับชั้น และอย่าเอาไปเชื่อมโยงเกี่ยวกับการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช แต่เพื่อใช้ช่องทางอื่นๆ ในการแก้ไข และขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวน ตนเพียงให้คำแนะนำเท่านั้น
ส่วนกระแสข่าวที่ว่า วัดพระธรรมกาย มอบเงินให้เจ้าหน้าที่รัฐ 2,000 ล้านบาทนั้น พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังทำงานแต่กลับมาถูกทำลายเกียรติ อยากให้ชี้มาเลยว่าใคร ตนจะลงโทษเอง แต่หากมาพูดลอยๆ จะเกิดความเสียหายแก่สังคม
ดีเอสไอเตรียมแผนบุกรวบธัมมชโย
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่า สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ (สยศ.ตร.) มีหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 27 พ.ค. 59 ถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เรื่องแจ้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม ขอรับการสนับสนุนกำลังพล สถานที่ และอุปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจ ในกรณีที่ศาลอาญาอนุมัติหมายจับกุมพระธัมมชโย โดยดีเอสไอ ขอให้ ตร. มอบหมายผู้แทน ตร. เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการกองอำนวยการในการปฏิบัติการ ขอรับการสนับสนุนสถานที่ เพื่อให้เป็นจุดรวมพล จุดจอดเฮลิคอปเตอร์ รวมถึงสถานที่จัดตั้งกองอำนวยการในการปฏิบัติภารกิจนี้ โดยใช้สถานที่ของ บก.ตชด. ภาค 1 โดยขอเฮลิคอปเตอร์ 1 ลำ พร้อมนักบิน เพื่อขนย้ายผู้ต้องหากรณีฉุกเฉิน ขณะที่ขอสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล 4 กองร้อย ประจำวัดพระธรรมกาย 2 กองร้อย ศาลอาญา ถนนรัชดาฯ 1 กองร้อย และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ 1 กองร้อย รวมถึงเจ้าหน้าที่จราจร และเจ้าหน้าที่ตำรวจ นครบาลในพื้นที่เกี่ยวข้อง และขอสนับสนุนรถนำขบวน และอำนวยการจราจรตลอดเส้นทางในพื้นที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดวันเวลา รายละเอียด การเคลื่อนกำลังตามที่ดีเอสไอ กำหนด