เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รัฐบาลคูเวตขู่จะดำเนินการ “เพิกถอนสัญชาติ” ต่อพลเมืองคูเวตที่ออกมาแสดงพลังต่อต้านรัฐบาล โดยระบุพลเมืองคูเวตต้องไม่ “บ่อนทำลายเสถียรภาพ” ของบ้านเกิด
สำนักข่าวเคยูเอ็นเอของทางการคูเวตรายงานในวันพุธ (16) โดยระบุว่ามาตรการเพิกถอนสัญชาติดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของ “กฎเหล็ก” ด้านความมั่นคงที่คณะรัฐมนตรีคูเวตให้ความเห็นชอบเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ และถือเป็นความพยายามล่าสุดของรัฐเศรษฐีอาหรับแถบอ่าวเปอร์เซียแห่งนี้ในการปราบปรามการเคลื่อนไหวของฝ่ายต่อต้านภายในประเทศที่เริ่มขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา จากผลพวงของปรากฏการณ์ “อาหรับสปริง”
รายงานข่าวระบุว่า กระทรวงมหาดไทยคูเวตได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้เป็น “ผู้มีอำนาจเต็ม” ในการพิจารณาเพิกถอนสัญชาติของพลเมืองคูเวต หากพบว่าพลเมืองรายใดมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายการบ่อนทำลายเสถียรภาพของประเทศ
ด้านชามลัน อเลสซา นักวิเคราะห์การเมืองชื่อดังของคูเวตออกมาให้ความเห็นว่า มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายในการปรามชาวคูเวตไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองที่จัดโดยฝ่ายต่อต้านรัฐบาล
ขณะที่นัสเซอร์ อัล-อับดาลี แกนนำกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยในคูเวตระบุว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลคูเวต “รับไม่ได้” ที่จะปล่อยให้ประชาชนแสดงออกทางการเมืองในลักษณะที่ไม่สอดคล้องกับรัฐ
ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลคูเวตได้สั่งการให้ตำรวจปราบจลาจลเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงจำนวนหลายร้อยคนในกรุงคูเวต ซิตี เมืองหลวงของประเทศ หลังจากผู้ชุมนุมเริ่มการเดินขบวนเพื่อเรียกร้องให้มีการปล่อยตัว “มูซัลลัม อัล-บาร์รัค” แกนนำฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่ถูกจับกุมฐาน “ดูหมิ่นกระบวนการยุติธรรม”
ทั้งนี้ คูเวตซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่ม “โอเปก” ถือเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงที่สำคัญยิ่งของสหรัฐอเมริกา ในภูมิภาคตะวันออกกลาง อย่างไรก็ดี แม้คูเวตจะถือเป็น “มหามิตร” ของผู้นำโลกเสรีอย่างสหรัฐฯ แต่ดินแดนอาหรับซึ่งเป็นบ้านของประชากรราว 4 ล้านคนแห่งนี้กลับได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการกดขี่เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นสูงเป็นลำดับต้นๆของโลก และคูเวตยังเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในภูมิภาคที่ยังคงไม่อนุญาตให้มีการจัดตั้ง “พรรคการเมือง”