นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่จะยุบสปท. ว่า คสช.คงมองการณ์ไกล เพราะสปท.ไม่มีผลงานเข้าตาจริงๆ พี่น้องประชาชนก็ไม่รู้จัก เห็นเอาแต่อวดอ้างโวหาร เล่นปาหี่การเมืองไปวันๆ ไม่คุ้มค่ากับเงินภาษี ที่แต่ละคนรับกันเดือนละเป็นแสน บางคนรับเงินเดือนจากหน่วยราชการต้นสังกัดแล้วยังมีหน้ามารับเงินเดือนสปท.อีก ในระบอบประชาธิปไตยนั้น ทำไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะจะรับเงินเดือนสองทางไม่ได้ สปท.บางคนก็ทำงานล้ำหน้า คสช. เกรงว่าจะไม่เข้าตาผู้มีอำนาจ เลยอวดภูมิความรู้ เบ่งบารมีเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน คนที่ 1 ลุแก่อำนาจถึงขั้นเรียกข้าราชการรัฐสภาไปพบ แล้วออกหนังสือเวียนสั่งห้ามอดีตสมาชิกรัฐสภาไม่ให้แถลงข่าวในสภา ยกเว้น สปท. สนช. และพวกของคสช. เท่านั้น แต่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ไม่เห็นด้วย หรือการที่นายอลงกรณ์ จะผลักดันให้ไปจัดสัมมนาที่ จ.เพชรบุรีเพื่อแสดงพาวเวอร์ที่บ้านเกิดของตัวเอง วันเดียวใช้งบประมาณมากถึง 2.3 ล้านบาท แต่ก็ถูกระงับ หรือกรณีนายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธาน สปท. ด้านการเมืองเสนอ ร่าง พ.ร.บ.รอการกำหนดโทษ โดยไม่ผ่านมติกรรมาธิการจนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมต้องออกมาเบรก เป็นต้น
"แต่ละคนยิ่งใหญ่มาจากบ้านทั้งนั้น แล้วเกรงว่าจะไม่ได้ต่อวีซ่าเป็นส.ว.แต่งตั้ง กลัวว่า คสช.จะขีดชื่อทิ้ง จึงต้องอาศัยจังหวะนี้จองคิวไว้ก่อน โดยละเลยไม่ได้ทำหน้าที่รับใช้ประชาชนแม้แต่นิดเดียว มุ่งแต่รับใช้คสช. ที่แต่งตั้งตัวเองมาเท่านั้น การปฏิรูปประเทศจึงเละเทะ ไม่เป็นโล้เป็นพาย มัวแต่ใส่สูท ทำเสียงหล่อออกสื่อ แต่หาเนื้อหาสาระไม่ได้ มุ่งแต่ดูถูกนักการเมือง จนลืมดูเงาตัวเองว่าสีดำเหมือนกัน"
นายวัชระ กล่าวต่อว่า สปท.จึงเป็นส่วนเกินของการปฏิรูปประเทศ ตามที่ คสช.มุ่งหวังอย่างแน่นอน หากยุบทิ้งวันนี้ พรุ่งนี้ ก็ไม่มีผลอะไรต่อความก้าวหน้าของการปฏิรูปเลย ตนจึงสนับสนุนอย่างเต็มที่ หากคสช. ประกาศยุบ สปท. เพราะอยู่ไปประชาชนจะรำคาญหูเปล่าๆ พลอยทำให้คะแนนนิยมของคสช. ตกต่ำลงไปด้วย อำนาจที่จะปฏิรูปประเทศนั้น อยู่ในกำมือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. และนายกรัฐมนตรี ที่มีอำนาจตาม มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2557 แต่เพียงผู้เดียวอยู่แล้ว หากคสช.คิดจะยุบ สปท. ก็ถือว่าเดินมาถูกทางแล้ว และควรจะทำโดยเร็วอย่าให้สปท. กลายเป็นภาพสะท้อนความล้มเหลวของการปฏิรูปประเทศของคสช. อีกต่อไป
ด้านนายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สปท. กล่าวถึงกระแสข่าวการยุบ สปท. เนื่องจากมีผลงานไม่คุ้มเงินเดือน ว่า เรื่องนี้เป็นไปตามเหตุผล ของผลการทำงานที่ผ่านมา แต่ยืนยันว่าสปท. ทำงานอย่างเต็มที่ ผลงานออกมาจากรายงานของคณะกรรมาธิการฯ แต่ละชุด ส่งต่อไปที่คณะกรรมการประสานงานรวม 3 ฝ่ายการที่ประเมินกันว่าสปท. ไร้ผลงานนั้น เป็นเรื่องไร้เหตุผลเกินไป หากเทียบกับระยะเวลาการทำงานปฏิรูป 6 เดือน เพราะกว่า สปท.จะตั้งหลักได้ ใช้เวลาช่วงแรกเป็นเดือน กว่าจะมีข้อบังคับการประชุม และเริ่มทำงานจริงๆ ก็ใช้เวลาเพียง 4 เดือนเท่านั้น จึงขอให้เข้าใจว่า การทำงานปฏิรูปไม่ได้เห็นผลได้ทันที แต่ทั้งนี้ การตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับหัวหน้าคสช. เป็นผู้พิจารณาความเหมาะสม
"แต่ละคนยิ่งใหญ่มาจากบ้านทั้งนั้น แล้วเกรงว่าจะไม่ได้ต่อวีซ่าเป็นส.ว.แต่งตั้ง กลัวว่า คสช.จะขีดชื่อทิ้ง จึงต้องอาศัยจังหวะนี้จองคิวไว้ก่อน โดยละเลยไม่ได้ทำหน้าที่รับใช้ประชาชนแม้แต่นิดเดียว มุ่งแต่รับใช้คสช. ที่แต่งตั้งตัวเองมาเท่านั้น การปฏิรูปประเทศจึงเละเทะ ไม่เป็นโล้เป็นพาย มัวแต่ใส่สูท ทำเสียงหล่อออกสื่อ แต่หาเนื้อหาสาระไม่ได้ มุ่งแต่ดูถูกนักการเมือง จนลืมดูเงาตัวเองว่าสีดำเหมือนกัน"
นายวัชระ กล่าวต่อว่า สปท.จึงเป็นส่วนเกินของการปฏิรูปประเทศ ตามที่ คสช.มุ่งหวังอย่างแน่นอน หากยุบทิ้งวันนี้ พรุ่งนี้ ก็ไม่มีผลอะไรต่อความก้าวหน้าของการปฏิรูปเลย ตนจึงสนับสนุนอย่างเต็มที่ หากคสช. ประกาศยุบ สปท. เพราะอยู่ไปประชาชนจะรำคาญหูเปล่าๆ พลอยทำให้คะแนนนิยมของคสช. ตกต่ำลงไปด้วย อำนาจที่จะปฏิรูปประเทศนั้น อยู่ในกำมือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. และนายกรัฐมนตรี ที่มีอำนาจตาม มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2557 แต่เพียงผู้เดียวอยู่แล้ว หากคสช.คิดจะยุบ สปท. ก็ถือว่าเดินมาถูกทางแล้ว และควรจะทำโดยเร็วอย่าให้สปท. กลายเป็นภาพสะท้อนความล้มเหลวของการปฏิรูปประเทศของคสช. อีกต่อไป
ด้านนายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สปท. กล่าวถึงกระแสข่าวการยุบ สปท. เนื่องจากมีผลงานไม่คุ้มเงินเดือน ว่า เรื่องนี้เป็นไปตามเหตุผล ของผลการทำงานที่ผ่านมา แต่ยืนยันว่าสปท. ทำงานอย่างเต็มที่ ผลงานออกมาจากรายงานของคณะกรรมาธิการฯ แต่ละชุด ส่งต่อไปที่คณะกรรมการประสานงานรวม 3 ฝ่ายการที่ประเมินกันว่าสปท. ไร้ผลงานนั้น เป็นเรื่องไร้เหตุผลเกินไป หากเทียบกับระยะเวลาการทำงานปฏิรูป 6 เดือน เพราะกว่า สปท.จะตั้งหลักได้ ใช้เวลาช่วงแรกเป็นเดือน กว่าจะมีข้อบังคับการประชุม และเริ่มทำงานจริงๆ ก็ใช้เวลาเพียง 4 เดือนเท่านั้น จึงขอให้เข้าใจว่า การทำงานปฏิรูปไม่ได้เห็นผลได้ทันที แต่ทั้งนี้ การตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับหัวหน้าคสช. เป็นผู้พิจารณาความเหมาะสม