“สอดแนมการเมือง”
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
ถ้อยคำที่ต้องใช้โดยปราศจากอคติ คือ “หนทางพิสูจน์ม้า ผลงานพิสูจน์คน”!
มุมมองต่อผู้บริหารชาติ ไม่ว่าจะใช้เงินยึดอำนาจรัฐ หรือใช้ปืนยึดอำนาจรัฐ ทั้งคู่ล้วนมี“โอกาส”ที่จะทำความดีให้ชาติและประชาชน.. ถ้าตั้งใจ-จริงใจจะกระทำ!..
ทุกรัฐบาลไม่ว่าจะยึดอำนาจรัฐด้วยเงินหรือด้วยปืน ล้วนพูดว่า ทำเพื่อชาติและประชาชน โดยเฉพาะรัฐบาล“ตักขี้”และเครือข่าย ชอบอ้างตลอดเวลาว่า มาจากประชาชนและทำเพื่อชาติและประชาชน
ดังนั้น จึงมีวิธีพิสูจน์เพียงหนทางเดียวเท่านั้น เพื่อผู้คนจะได้รู้ว่าผู้นำและรัฐบาลใด ดีนิดหน่อย-ดีมาก-ดีเป็นส่วนใหญ่ หรือชั่วนิดหน่อย-ชั่วมาก-ชั่วเป็นส่วนใหญ่ นั่นคือ พิสูจน์กันด้วยผลงานจริงที่ปรากฏต่อสังคมไทยว่า
รัฐบาลของใครทำเพื่อตนเองกับพวกพ้องเป็นหลัก หรือทำเพื่อชาติและประชาชนเป็นหลัก!
เพื่อประชาชนจะได้รู้ว่า ควรจะชื่นชมยกย่องสรรเสริญ ผู้นำและรัฐบาลดีที่ทำเพื่อชาติและประชาชน หรือควรจะประณามรัฐบาลชั่วช้า ที่พาพวกมาปล้นชาติปล้นประชาชน ดังเช่นที่รัฐบาล“ตักขี้”และเครือข่าย โดนก่นด่ามากว่าสิบปีตราบจนวันนี้ เพราะเป็นรัฐบาลโคตรโกงและล้มเจ้า ที่ทำความชั่วต่อชาติไว้มากมายนั่นเอง
แต่ต้องยอมรับความจริงว่า โอกาสทำความดีให้ชาติและประชาชนนั้น “ผู้นำรัฐบาล”ยึดอำนาจด้วยปืนนั้นมีมากกว่า เนื่องจากมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแทบทุกมิติ และไม่ต้องพะวงกับการหาเสียงกับผู้คน และไม่ต้องโกงชาติเพื่อสะสมเงินไว้ซื้อเสียง เมื่อมีการเลือกตั้งครั้งใหม่
เรียกว่า..ผู้นำรัฐบาลยึดอำนาจรัฐด้วยปืน หากจิตใจดีดังปากเจื้อยแจ้ว จะต้องสร้างผลงานดีๆให้ชาติได้มิรู้จบ เพื่อเป็น“วีรบุรุษ”ของชาติ อีกทั้งสร้างชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลและพวกพ้อง
ดังนั้น ผู้นำรัฐบาลยึดอำนาจด้วยปืน จึงแบกความหวังของประชาชน ในเรื่องทำผลงานเพื่อชาติและประชาชน มากกว่ารัฐบาลใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้งไปโดยปริยาย
ความคิดส่วนตัวของ“ไอ้ชัชวาลย์” ที่เคยร่วมเคลื่อนไหวทางการเมือง มาตั้งแต่เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เหตุการณ์ 17 พฤษภาคม 2535 อีกทั้งมีโอกาสทำงานกับนักการเมือง ตั้งแต่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รัฐมนตรีหลายกระทรวง รองนายกรัฐมนตรีหลายคน นายกรัฐมนตรีบางคน รวมทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ระดับสูงของชาติอีกหลายคน
และล่าสุด.. มีส่วนเข้าร่วมกับแกนนำและชาวพันธมิตรผู้รักชาติ ที่กล้าหาญกล้าเสียสละแม้กระทั่งชีวิต ทั้งเปิดโปงและต่อสู้ขับไล่รัฐบาลทุนสามานย์“ตักขี้”กับเครือข่าย ที่ปล้นชาติและล้มเจ้าอย่างต่อเนื่อง จนรัฐบาล“ตักขี้-จมูกชมพู่-ชายม่านรูด” ล้มครืนลง ทั้งโดนคณะทหาร“บิ๊กบัง”ทำรัฐประหาร และ“มือลึกลับสีเขียว”ทำการพลิกขั้วทางการเมืองอีก 1 ครั้ง
ส่วนยุครัฐบาล“พี่คิด-น้องโกง”เครือข่ายของ“ตักขี้”นั้น “ไอ้ชัชวาลย์”ก็มีส่วนทั้งทางตรงและทางอ้อม ในการเปิดโปงและเคลื่อนไหวขับไล่ รัฐบาล“โคตรโกง-โกงทั้งโคตร”อย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จำต้องนำกองทัพทำรัฐประหาร
รายละเอียดว่า “ไอ้ชัชวาลย์”ทำอะไรบ้างนั้น บางเรื่อง“บิ๊กบัง”ก็รู้! บางเรื่อง“บิ๊กป๊อก”ก็รู้! บางเรื่อง“บิ๊กตู่”เองนั่นแหละก็รู้อยู่แก่ใจ! แต่มีเรื่องอีกมากมายของ“ไอ้ชัชวาลย์” ที่“นายกฯตู่”ไม่มีวาสนาจะได้รู้! ไม่ควรจะรู้! โดยเฉพาะ“ความลับ”หลายเรื่อง จะต้อง“ตาย”ไปพร้อมๆกับชีวิตของ“ไอ้ชัชวาลย์”
เอาล่ะ..คราวนี้มาพูดคุยเรื่องระหว่าง “ไอ้ชัชวาลย์”กับ“นายกฯตู่”ดีกว่า..
นับครั้งไม่ถ้วน ที่“ไอ้ชัชวาลย์”นั่งมอง“นายกฯตู่”ผ่านหน้าจอทีวี เห็นอาการหงุดหงิดกับสื่อมวลชน ถึงกับใช้ท่าทีและถ้อยคำไม่สุภาพ ซึ่งขอบอกตรงๆว่า..ไม่น่าจะเหมาะสม กับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่เป็นหน้าตาของชาติและประชาชนไทย
มีบางครั้งที่“นายกฯตู่”ยกอ้างว่า“เพราะตนเป็นทหาร” จึงมีลีลาท่าทางดุดันหุนหันพลันแล่นอย่างที่เห็น “ไอ้ชัชวาลย์”เป็นเลขาฯส่วนตัวของอดีตนายกฯ พล.อ.ชาติชาย ชุณหวัณ ทำงานกันมาจน“น้าชาติ”ถึงแก่อนิจกรรม ก็ยังไม่เคยเห็น“น้าชาติ”ที่เป็นนายทหาร มีท่าทีเกรี้ยวกราดดั่ง“นายกฯตู่”เลย
หรืออย่าง “พล.ต.จำลอง ศรีเมือง”อดีตแกนนำพันธมิตรฯ นายทหารผู้นำผ่านศึกหลายสนามรบ ยามปราศรัยบนเวทีชุมนุมขับไล่รัฐบาล“ตักขี้”และเครือข่าย แม้สถานการณ์จะตึงเครียดเข้มข้นเพียงใด “มหาจำลอง”ก็ไม่เคยแสดงท่าทีกราดเกรี้ยวไม่สุภาพแต่อย่างใด
ยิ่ง นายกฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ด้วยแล้ว ประชาชนคนไทยได้เห็นกับตาว่า ตลอดระยะเวลาที่ “ป๋าเปรม”ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี “นายทหารผู้ใหญ่”ท่านนี้ สุภาพ-เปี่ยมเหตุผล เด็ดขาดในเรื่องที่ควรเด็ดขาด มีความซื่อสัตย์สุจริต รังเกียจการทุจริตคอร์รัปชั่น แยกคนดีและคนชั่วอย่างชัดเจน ฯลฯ
ที่สำคัญในห้วงเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น “ป๋าเปรม”ชาญฉลาดในการเลือกคนมาทำงานเพื่อชาติ โดยคัดเฉพาะคนดี-เก่ง-ซื่อสัตย์สุจริตเป็นหลัก รัฐบาล“ป๋าเปรม”จึงเป็นหนึ่งในรัฐบาล ที่ประชาชนคนไทยเทใจให้การยอมรับมาจนทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม “นายกฯตู่”ก็รู้ว่า อารมณ์โกรธเกรี้ยวที่แสดงผ่านสื่อ มิใช่สิ่งที่ควรกระทำ จึงทำให้“ไอ้ชัชวาลย์”ได้เห็นความน่ารัก และความเป็นสุภาพบุรุษของ“นายกฯตู่” เพราะ“นายกฯตู่”ได้กล่าวขอโทษต่อผู้สื่อข่าวหลายครั้ง อีกทั้งเคยประกาศอย่างเปิดเผยว่า จะแก้ไขตนเองมิให้แสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดต่อผู้สื่อข่าวอีก
แต่จนแล้วจนรอด “นายกฯตู่”ก็ทำไม่ได้ จะด้วยเหตุผลส่วนตัวหรือด้วยเหตุผลใดนั้น เป็นเรื่องที่ “นายกฯตู่”คนเดียวเท่านั้นที่รู้ดี และไม่มีใครจะบังอาจไปรู้หรือเตือนได้เลย
กรณีที่“นายกฯตู่”ออกอาการฉุนเฉียว ถึงกับเอ่ยชื่อ “ไอ้ชัชวาลย์(ชาติสุทธิชัย)” กับ“ไอ้โสภณ(องค์การณ์)” คอลัมนิสต์ประจำ นสพ. “ผู้จัดการรายวัน” และ“ผู้จัดการสุดสัปดาห์” อีกทั้งเป็นวิทยากรในสื่อทีวีดาวเทียม “NEWS1” รายการ“ชวนคิดชวนคุย” เผยแพร่ในเวลา 10.30 - 12.00 น. ทุกวันจันทร์-ศุกร์ โดย “นายกฯตู่”ได้แสดงความไม่พอใจ ต่อ“ไอ้ชัชวาลย์-กับ-ไอ้โสภณ” ถึงสองครั้งสองคราในห้วงหนึ่งปี!
ครั้งที่สองเกิดขึ้น ณ ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2559 โดย “นายกฯตู่” กล่าวถึงกรณีสื่ออ้างคำให้สัมภาษณ์ระบุคนจนจุดไฟเผาป่าว่า เนื่องจากมีวันหยุดหลายวัน ทำให้ตนมีเรื่องคิดเยอะ และเรื่องที่สำคัญ คือ มีคนไปบิดเบือนที่ตนพูดว่า ไฟไหม้ป่าเกิดจากคนที่มีรายได้น้อยที่น่าสงสาร ไปหากินในป่าและไปจุดไฟ มติชนก็ไปเขียนว่า นายกฯต่อว่าคนจนจุดไฟเผาป่า มันเขียนอย่างนี้ได้อย่างไร มันเขียนหาเรื่อง
จากนั้น “นายกฯตู่” ก็กล่าวต่อว่า “(นสพ.) ผู้จัดการ ก็เหมือนกัน เขียนอยู่ได้ ไอ้ชัชวาลย์ ไอ้โสภณ คอลัมนิสต์ 4-5 คนนี้ มันเก่งมาจากไหน ขอถามหน่อย เขาทำงานกันแทบตาย มาปรามาสตั้งแต่วันแรก หลัง 22 พ.ค. 57 จนวันนี้ จะเอาอะไรกันอีกเสรีภาพ”
การแถลงข่าวด้วยลีลาท่าทีแบบเดิมๆ และข้อความข้างตนของ“นายกฯตู่” ได้ถูกเผยแพร่ไปทั่วประเทศ ผ่านทั้งสื่อทีวี-วิทยุ-นสพ.-เว็บไซต์ต่างๆ
เรื่อง “นายกฯตู่” กล่าวถึง นสพ.มติชน เป็นเรื่องของ นสพ.มติชน! ส่วนเรื่องที่“นายกฯตู่”ฟาดงวงฟาดงามาที่ “ไอ้ชัชวาลย์(กับ)ไอ้โสภณ”นั้น ย่อมเป็นเรื่องของ“ไอ้ชัชวาลย์(กับ)ไอ้โสภณ” งานนี้“ไอ้โสภณ”จะว่าเช่นไรเป็นเรื่องของ“ไอ้โสภณ” แต่ “ไอ้ชัชวาลย์”ขอใช้คอลัมน์ “สอดแนมการเมือง” ใน“ผู้จัดการสุดสัปดาห์” ถกแถลงแลกเปลี่ยนกับ“นายกฯตู่”สักหน่อย
“ต้นเหตุปัญหาอะไร”ที่ทำให้ ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จำต้องเป็น “ผู้นำคณะรัฐประหาร” ล้มรัฐบาลของนายกฯคนที่ 28 “ปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” คว่ำข้าวเม่าลง แล้ว “ตู่-พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา” ก็ก้าวขึ้นเป็น นายกฯคนที่ 29 แทน..แบบชิวๆ..
ที่ว่า “แบบชิวๆ” ก็เพราะ..พล.อ.ประยุทธ มี“บุญหนุนส่ง” นั่นคือ มีเลือดเนื้อชีวิตทั้งของพันธมิตรฯและ กปปส. ที่ต่อสู้ขับไล่รัฐบาลโกงชาติล้มเจ้า“ตักขี้” เป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหารล้มรัฐบาล“ปู”ไงล่ะ
(อ่านต่อสัปดาห์หน้า)
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
ถ้อยคำที่ต้องใช้โดยปราศจากอคติ คือ “หนทางพิสูจน์ม้า ผลงานพิสูจน์คน”!
มุมมองต่อผู้บริหารชาติ ไม่ว่าจะใช้เงินยึดอำนาจรัฐ หรือใช้ปืนยึดอำนาจรัฐ ทั้งคู่ล้วนมี“โอกาส”ที่จะทำความดีให้ชาติและประชาชน.. ถ้าตั้งใจ-จริงใจจะกระทำ!..
ทุกรัฐบาลไม่ว่าจะยึดอำนาจรัฐด้วยเงินหรือด้วยปืน ล้วนพูดว่า ทำเพื่อชาติและประชาชน โดยเฉพาะรัฐบาล“ตักขี้”และเครือข่าย ชอบอ้างตลอดเวลาว่า มาจากประชาชนและทำเพื่อชาติและประชาชน
ดังนั้น จึงมีวิธีพิสูจน์เพียงหนทางเดียวเท่านั้น เพื่อผู้คนจะได้รู้ว่าผู้นำและรัฐบาลใด ดีนิดหน่อย-ดีมาก-ดีเป็นส่วนใหญ่ หรือชั่วนิดหน่อย-ชั่วมาก-ชั่วเป็นส่วนใหญ่ นั่นคือ พิสูจน์กันด้วยผลงานจริงที่ปรากฏต่อสังคมไทยว่า
รัฐบาลของใครทำเพื่อตนเองกับพวกพ้องเป็นหลัก หรือทำเพื่อชาติและประชาชนเป็นหลัก!
เพื่อประชาชนจะได้รู้ว่า ควรจะชื่นชมยกย่องสรรเสริญ ผู้นำและรัฐบาลดีที่ทำเพื่อชาติและประชาชน หรือควรจะประณามรัฐบาลชั่วช้า ที่พาพวกมาปล้นชาติปล้นประชาชน ดังเช่นที่รัฐบาล“ตักขี้”และเครือข่าย โดนก่นด่ามากว่าสิบปีตราบจนวันนี้ เพราะเป็นรัฐบาลโคตรโกงและล้มเจ้า ที่ทำความชั่วต่อชาติไว้มากมายนั่นเอง
แต่ต้องยอมรับความจริงว่า โอกาสทำความดีให้ชาติและประชาชนนั้น “ผู้นำรัฐบาล”ยึดอำนาจด้วยปืนนั้นมีมากกว่า เนื่องจากมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแทบทุกมิติ และไม่ต้องพะวงกับการหาเสียงกับผู้คน และไม่ต้องโกงชาติเพื่อสะสมเงินไว้ซื้อเสียง เมื่อมีการเลือกตั้งครั้งใหม่
เรียกว่า..ผู้นำรัฐบาลยึดอำนาจรัฐด้วยปืน หากจิตใจดีดังปากเจื้อยแจ้ว จะต้องสร้างผลงานดีๆให้ชาติได้มิรู้จบ เพื่อเป็น“วีรบุรุษ”ของชาติ อีกทั้งสร้างชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลและพวกพ้อง
ดังนั้น ผู้นำรัฐบาลยึดอำนาจด้วยปืน จึงแบกความหวังของประชาชน ในเรื่องทำผลงานเพื่อชาติและประชาชน มากกว่ารัฐบาลใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้งไปโดยปริยาย
ความคิดส่วนตัวของ“ไอ้ชัชวาลย์” ที่เคยร่วมเคลื่อนไหวทางการเมือง มาตั้งแต่เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เหตุการณ์ 17 พฤษภาคม 2535 อีกทั้งมีโอกาสทำงานกับนักการเมือง ตั้งแต่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รัฐมนตรีหลายกระทรวง รองนายกรัฐมนตรีหลายคน นายกรัฐมนตรีบางคน รวมทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ระดับสูงของชาติอีกหลายคน
และล่าสุด.. มีส่วนเข้าร่วมกับแกนนำและชาวพันธมิตรผู้รักชาติ ที่กล้าหาญกล้าเสียสละแม้กระทั่งชีวิต ทั้งเปิดโปงและต่อสู้ขับไล่รัฐบาลทุนสามานย์“ตักขี้”กับเครือข่าย ที่ปล้นชาติและล้มเจ้าอย่างต่อเนื่อง จนรัฐบาล“ตักขี้-จมูกชมพู่-ชายม่านรูด” ล้มครืนลง ทั้งโดนคณะทหาร“บิ๊กบัง”ทำรัฐประหาร และ“มือลึกลับสีเขียว”ทำการพลิกขั้วทางการเมืองอีก 1 ครั้ง
ส่วนยุครัฐบาล“พี่คิด-น้องโกง”เครือข่ายของ“ตักขี้”นั้น “ไอ้ชัชวาลย์”ก็มีส่วนทั้งทางตรงและทางอ้อม ในการเปิดโปงและเคลื่อนไหวขับไล่ รัฐบาล“โคตรโกง-โกงทั้งโคตร”อย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จำต้องนำกองทัพทำรัฐประหาร
รายละเอียดว่า “ไอ้ชัชวาลย์”ทำอะไรบ้างนั้น บางเรื่อง“บิ๊กบัง”ก็รู้! บางเรื่อง“บิ๊กป๊อก”ก็รู้! บางเรื่อง“บิ๊กตู่”เองนั่นแหละก็รู้อยู่แก่ใจ! แต่มีเรื่องอีกมากมายของ“ไอ้ชัชวาลย์” ที่“นายกฯตู่”ไม่มีวาสนาจะได้รู้! ไม่ควรจะรู้! โดยเฉพาะ“ความลับ”หลายเรื่อง จะต้อง“ตาย”ไปพร้อมๆกับชีวิตของ“ไอ้ชัชวาลย์”
เอาล่ะ..คราวนี้มาพูดคุยเรื่องระหว่าง “ไอ้ชัชวาลย์”กับ“นายกฯตู่”ดีกว่า..
นับครั้งไม่ถ้วน ที่“ไอ้ชัชวาลย์”นั่งมอง“นายกฯตู่”ผ่านหน้าจอทีวี เห็นอาการหงุดหงิดกับสื่อมวลชน ถึงกับใช้ท่าทีและถ้อยคำไม่สุภาพ ซึ่งขอบอกตรงๆว่า..ไม่น่าจะเหมาะสม กับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่เป็นหน้าตาของชาติและประชาชนไทย
มีบางครั้งที่“นายกฯตู่”ยกอ้างว่า“เพราะตนเป็นทหาร” จึงมีลีลาท่าทางดุดันหุนหันพลันแล่นอย่างที่เห็น “ไอ้ชัชวาลย์”เป็นเลขาฯส่วนตัวของอดีตนายกฯ พล.อ.ชาติชาย ชุณหวัณ ทำงานกันมาจน“น้าชาติ”ถึงแก่อนิจกรรม ก็ยังไม่เคยเห็น“น้าชาติ”ที่เป็นนายทหาร มีท่าทีเกรี้ยวกราดดั่ง“นายกฯตู่”เลย
หรืออย่าง “พล.ต.จำลอง ศรีเมือง”อดีตแกนนำพันธมิตรฯ นายทหารผู้นำผ่านศึกหลายสนามรบ ยามปราศรัยบนเวทีชุมนุมขับไล่รัฐบาล“ตักขี้”และเครือข่าย แม้สถานการณ์จะตึงเครียดเข้มข้นเพียงใด “มหาจำลอง”ก็ไม่เคยแสดงท่าทีกราดเกรี้ยวไม่สุภาพแต่อย่างใด
ยิ่ง นายกฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ด้วยแล้ว ประชาชนคนไทยได้เห็นกับตาว่า ตลอดระยะเวลาที่ “ป๋าเปรม”ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี “นายทหารผู้ใหญ่”ท่านนี้ สุภาพ-เปี่ยมเหตุผล เด็ดขาดในเรื่องที่ควรเด็ดขาด มีความซื่อสัตย์สุจริต รังเกียจการทุจริตคอร์รัปชั่น แยกคนดีและคนชั่วอย่างชัดเจน ฯลฯ
ที่สำคัญในห้วงเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น “ป๋าเปรม”ชาญฉลาดในการเลือกคนมาทำงานเพื่อชาติ โดยคัดเฉพาะคนดี-เก่ง-ซื่อสัตย์สุจริตเป็นหลัก รัฐบาล“ป๋าเปรม”จึงเป็นหนึ่งในรัฐบาล ที่ประชาชนคนไทยเทใจให้การยอมรับมาจนทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม “นายกฯตู่”ก็รู้ว่า อารมณ์โกรธเกรี้ยวที่แสดงผ่านสื่อ มิใช่สิ่งที่ควรกระทำ จึงทำให้“ไอ้ชัชวาลย์”ได้เห็นความน่ารัก และความเป็นสุภาพบุรุษของ“นายกฯตู่” เพราะ“นายกฯตู่”ได้กล่าวขอโทษต่อผู้สื่อข่าวหลายครั้ง อีกทั้งเคยประกาศอย่างเปิดเผยว่า จะแก้ไขตนเองมิให้แสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดต่อผู้สื่อข่าวอีก
แต่จนแล้วจนรอด “นายกฯตู่”ก็ทำไม่ได้ จะด้วยเหตุผลส่วนตัวหรือด้วยเหตุผลใดนั้น เป็นเรื่องที่ “นายกฯตู่”คนเดียวเท่านั้นที่รู้ดี และไม่มีใครจะบังอาจไปรู้หรือเตือนได้เลย
กรณีที่“นายกฯตู่”ออกอาการฉุนเฉียว ถึงกับเอ่ยชื่อ “ไอ้ชัชวาลย์(ชาติสุทธิชัย)” กับ“ไอ้โสภณ(องค์การณ์)” คอลัมนิสต์ประจำ นสพ. “ผู้จัดการรายวัน” และ“ผู้จัดการสุดสัปดาห์” อีกทั้งเป็นวิทยากรในสื่อทีวีดาวเทียม “NEWS1” รายการ“ชวนคิดชวนคุย” เผยแพร่ในเวลา 10.30 - 12.00 น. ทุกวันจันทร์-ศุกร์ โดย “นายกฯตู่”ได้แสดงความไม่พอใจ ต่อ“ไอ้ชัชวาลย์-กับ-ไอ้โสภณ” ถึงสองครั้งสองคราในห้วงหนึ่งปี!
ครั้งที่สองเกิดขึ้น ณ ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2559 โดย “นายกฯตู่” กล่าวถึงกรณีสื่ออ้างคำให้สัมภาษณ์ระบุคนจนจุดไฟเผาป่าว่า เนื่องจากมีวันหยุดหลายวัน ทำให้ตนมีเรื่องคิดเยอะ และเรื่องที่สำคัญ คือ มีคนไปบิดเบือนที่ตนพูดว่า ไฟไหม้ป่าเกิดจากคนที่มีรายได้น้อยที่น่าสงสาร ไปหากินในป่าและไปจุดไฟ มติชนก็ไปเขียนว่า นายกฯต่อว่าคนจนจุดไฟเผาป่า มันเขียนอย่างนี้ได้อย่างไร มันเขียนหาเรื่อง
จากนั้น “นายกฯตู่” ก็กล่าวต่อว่า “(นสพ.) ผู้จัดการ ก็เหมือนกัน เขียนอยู่ได้ ไอ้ชัชวาลย์ ไอ้โสภณ คอลัมนิสต์ 4-5 คนนี้ มันเก่งมาจากไหน ขอถามหน่อย เขาทำงานกันแทบตาย มาปรามาสตั้งแต่วันแรก หลัง 22 พ.ค. 57 จนวันนี้ จะเอาอะไรกันอีกเสรีภาพ”
การแถลงข่าวด้วยลีลาท่าทีแบบเดิมๆ และข้อความข้างตนของ“นายกฯตู่” ได้ถูกเผยแพร่ไปทั่วประเทศ ผ่านทั้งสื่อทีวี-วิทยุ-นสพ.-เว็บไซต์ต่างๆ
เรื่อง “นายกฯตู่” กล่าวถึง นสพ.มติชน เป็นเรื่องของ นสพ.มติชน! ส่วนเรื่องที่“นายกฯตู่”ฟาดงวงฟาดงามาที่ “ไอ้ชัชวาลย์(กับ)ไอ้โสภณ”นั้น ย่อมเป็นเรื่องของ“ไอ้ชัชวาลย์(กับ)ไอ้โสภณ” งานนี้“ไอ้โสภณ”จะว่าเช่นไรเป็นเรื่องของ“ไอ้โสภณ” แต่ “ไอ้ชัชวาลย์”ขอใช้คอลัมน์ “สอดแนมการเมือง” ใน“ผู้จัดการสุดสัปดาห์” ถกแถลงแลกเปลี่ยนกับ“นายกฯตู่”สักหน่อย
“ต้นเหตุปัญหาอะไร”ที่ทำให้ ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จำต้องเป็น “ผู้นำคณะรัฐประหาร” ล้มรัฐบาลของนายกฯคนที่ 28 “ปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” คว่ำข้าวเม่าลง แล้ว “ตู่-พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา” ก็ก้าวขึ้นเป็น นายกฯคนที่ 29 แทน..แบบชิวๆ..
ที่ว่า “แบบชิวๆ” ก็เพราะ..พล.อ.ประยุทธ มี“บุญหนุนส่ง” นั่นคือ มีเลือดเนื้อชีวิตทั้งของพันธมิตรฯและ กปปส. ที่ต่อสู้ขับไล่รัฐบาลโกงชาติล้มเจ้า“ตักขี้” เป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหารล้มรัฐบาล“ปู”ไงล่ะ
(อ่านต่อสัปดาห์หน้า)